" ..
สังขารเป็นได้ทั้งฝ่ายมรรค เป็นได้ทั้งฝ่ายสมุทัย
คือเป็นได้ทั้งฝ่ายกีดขวางตัวเอง
เป็นได้ทั้งฝ่ายบุกเบิกทางให้ตนเองดำเนินไปด้วยความสะดวก
คำว่า "สมุทัยก็คือสังขารฝ่ายผูกมัดกีดขวางตัวเอง"
คำว่า "มรรคก็คือสังขารฝ่ายแก้" ฝ่ายบุกเบิกทางให้เป็นทางดำเนินที่สะดวกสำหรับเรา
ก็เกิดขึ้นจากสังขารเดียวกัน สังขารฝ่ายต่ำท่านเรียก "สมุทัย"
สังขารฝ่ายฝืนเครื่องแก้ตนเองท่านเรียกว่า "มรรค"
มรรคปฏิปทาพระพุทธเจ้าสอนไว้ มรรคมีองค์ ๘
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป จนกระทั่งถึงสัมมาสมาธิเป็นที่สุด
นี่ท่านเรียกว่า
"มรรค มคฺโค" แปลว่าทางดำเนินให้เป็นไปเพื่อความเกษมสำราญ
ถ้าดำเนินตามทางที่พระพุทธเจ้าสอนไว้
เรียกว่ามรรค ๆ นี้แล้ว ต้องพ้นทุกข์ไปเป็นลำดับ ๆ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
* สังขาร หมายถึงความปรุงแต่งของจิต
"สังขาร* เป็นทั้งมรรคและสมุทัย" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
" .. สังขารเป็นได้ทั้งฝ่ายมรรค เป็นได้ทั้งฝ่ายสมุทัย
คือเป็นได้ทั้งฝ่ายกีดขวางตัวเอง
เป็นได้ทั้งฝ่ายบุกเบิกทางให้ตนเองดำเนินไปด้วยความสะดวก
คำว่า "สมุทัยก็คือสังขารฝ่ายผูกมัดกีดขวางตัวเอง"
คำว่า "มรรคก็คือสังขารฝ่ายแก้" ฝ่ายบุกเบิกทางให้เป็นทางดำเนินที่สะดวกสำหรับเรา
ก็เกิดขึ้นจากสังขารเดียวกัน สังขารฝ่ายต่ำท่านเรียก "สมุทัย"
สังขารฝ่ายฝืนเครื่องแก้ตนเองท่านเรียกว่า "มรรค"
มรรคปฏิปทาพระพุทธเจ้าสอนไว้ มรรคมีองค์ ๘
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป จนกระทั่งถึงสัมมาสมาธิเป็นที่สุด
นี่ท่านเรียกว่า "มรรค มคฺโค" แปลว่าทางดำเนินให้เป็นไปเพื่อความเกษมสำราญ
ถ้าดำเนินตามทางที่พระพุทธเจ้าสอนไว้
เรียกว่ามรรค ๆ นี้แล้ว ต้องพ้นทุกข์ไปเป็นลำดับ ๆ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
* สังขาร หมายถึงความปรุงแต่งของจิต