มีความรู้สึกเหมือนจะโดนบอกเลิก??? ทำยังไงดีครับ

กระทู้คำถาม
สวัสดีครับพี่น้องชาวพันทิปทุกท่าน ผมเคยเสพเว็บมาระยะนึงแล้ว เม้นบ้างบางอันที่ถูกใจ แต่เพิ่งจะเคยตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกครับ
เกริ่นก่อนเลย ผมกับแฟนคนนี้ (คนปัจจุบัน ตอนนี้เป็น feeling ครับยังไม่โดน) คบกันมา 1 ปี 4 เดือน กับอีก 26 วันแล้วครับ ตอนเริ่มคบกับช่วงเวลาที่ผ่านมาก็คล้ายคู่อื่นครับ มีหวาน มีทะเลาะกัน เรื่องปกติ แต่ช่วงหลังมาผมรู้สึกได้ว่ามีหลายสิ่งเปลี่ยนไป เลยจะมาขอคำปรึกษาทุกท่านครับ
เริ่มจากแนะนำผมก่อนละกันครับ ตอนนี้อายุ 24 ครับ อยู่ในระหว่างการทำงานและเรียนโทควบคู่กันไป ตอนเรียนป.ตรีและป.โท เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดแห่งหนึ่งที่อยู่เหนือสุดครับ พื้นเพผมเป็นคนที่นี่ครับ โตที่นี่ ส่วนแฟนอายุน้อยกว่า 2 ปีครับ เป็นจังหวัดอื่น มาเรียนที่นี้ครับ
...ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนครับ คนนี้คนแรกเลยก็ว่าได้ เคยคุยๆกับสาวอื่นมาครั้งเดียว ตอน ม.4 แต่ไม่ได้ตกลงคบอะไรกันครับ คุยกันเฉยๆ จะว่าผมซื่อบื้อก็ได้นะครับ ไม่เถียง ตอนนั้น innocent ขั้นรุนแรงครับ พอเข้ามหาลัยก็ใช้ชีวิตทั่วไปครับ นักศึกษา นอนดึก ตื่นสาย ทำแล็ป ตีแบด ตีปิงปอง เล่นบาส สาขาผมตอนป.ตรี ผู้หญิงเยอะมากครับ จาก 100 คนมีผู้ชายแค่ 10 แถมกลายพันธุ์ระหว่างเรียนอีก 555 คุณลักษณะทั่วไปของผม ก็สูง(มั้ง...178 cm ครับ) น้ำหนักราวๆ 73-77 แล้วแต่ว่าช่วงไหนกินช่วงไหนซ้อม หุ่นไม่ดีเท่าไหร่ครับลงพุง 555 ผิวแทนๆ หน้าธรรรมดา ค่อนมาทางขี้เหร่นิดๆ แต่ก่อนไว้ทรงรังนก นึกว่าจะดูดีขึ้นมา พอถ่ายรูปเท่านั้นแหละ ไม่อยากถ่ายรูปอีกเลย จินตนาการกับความจริงมันห่างกันครับ 555 ผมเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยครับ เล่ยพอใช้ได้ครับ แต่ก็มีคนอื่นน่ากรี้ดกว่าผมเยอะครับ 555 (เศร้า) ไม่ดื่มและไม่สูบเลยครับ ออกแนวแพ้ของพวกนี้นิดๆ ชวนไป hang out ก็ไปนะครับไปดื่มโค้กนั่งดูชาวบ้านเวลาเมา ผมว่ากำไรดีนะครับได้เห็นในสิ่งที่เขาทำแต่จำไม่ได้ อิอิ  จากสภาแวดล้อมที่เอื้ออำนวยในสาขาเลยมีการด้อมๆมองๆเพศตรงข้ามอยู่บ้าง แต่ไม่เปิดเผย เนื่องจากไม่มั่นใจในตนเองขั้นรุนแรง (เหล่าทวยเทพมันเยอะครับ เฮ่ออเซง เพื่อนสนิทผมชอบบอกว่าผมสเปกสูง ไม่รู้สิครับก็มันชอบง่ะ) ก็ตามสไตล์ผมนะ มีอะไรให้ช่วยนอกจากเรื่องเรียนบอก (เรียนกลางค่อนมาทางอ่อน top บางวิชา mean หลายวิชา 555) นำเที่ยวเนื่องจากรู้ที่ทางดี สอนขับรถ ขนของย้ายหอ เอาง่ายๆว่าแทบไม่มีปฎิเสธเลย แต่ก็ได้แค่นั้นครับ ผมไม่สามารถบอกชอบใครได้เนื่องจากสายตาที่มองมามันให้ความรู้สึกขอบคุณแบบเพื่อนอะครับ ไม่บอกไม่ถูก เหมือนแบบต้องเลือกระหว่างบอกไป (โอกาสไม่ติด80%) กับรักษาความใก้ลแบบเพื่อนนี้ไว้ ผมเลือกอย่างหลังครับ ก็ไม่ได้เล็งคนเดียวครับ เล็ง 2 คน แต่คนละปีนะครับ คนแรกใช้เวลาทำความดีอย่างว่า 2 ปีกับอีก 1 เทอม คนที่สองใช้เวลา 1 ปีครับ จนรู้สึกว่ามันเหนื่อย เหนื่อยมาก (ระยะหลังๆมี project จบที่เปลืองพลังงานมากครับ ธาตุไฟเกือบแตก 555) เลยเว้นการพยายามไปพักนึงจนกระทั่งมีคนนี้เข้ามาครับ ตอนแรกรู้จักกันแบบผ่านกลุ่มเพื่อนๆที่ตีแบดด้วยกัน ได้คุยกันบ้างนิดหน่อยแต่ก็ทั่วไปครับไม่ได้มีอะไร เนื่องจากอยู่ในช่วงพักฟื้นกับน้องเขาต่างจากสเปกนิดหน่อย น้องเขาเป็นคนพูดตรงครับ ถ้าเกรงใจเขาจะไม่พูด แต่ถ้าถามก็พูดครับ ตอนแรกผมคิดว่าเขานิสัยจุกจิกเยอะเกินไป ไม่ชอบใครชี้หน้าใส่ ไม่ชอบคนหัวเราะใส่ ไม่ชอบอากาศร้อน ไม่ชอบรอคิวนาน ไม่ชอบการเสียเวลาแม้แต่ 5 นาทีก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นคนที่เคร่งหรือตึงเลยทีเดียว ต่างกับผมครับมาทางสายกลางค่อนไปทางหย่อน 555 น้องเขาหน้าตาน่ารักครับ ตัวเล็กกว่าผมพอสมควร อิอิ คนคุยเยอะผมก็ไม่ได้อะไรมากครับก็คุยๆแบบน้องที่รู้จักกัน มีวันนึงครับบังเอิญเจอกันในห้างโดยมิได้นัดหมาย ผมมาคนเดียว แต่น้องเขามากับอีกคนที่คุยกันอยู่ แต่ตอนนั้นผมเจอน้องเขาคนเดียวนะ ก็เลยชวนนั่งเลี้ยงกาแฟไปแก้วนึง ผมถามว่ามายังไงมากับใครน้องบอกมาคนเดียว (มาบอกทีหลังว่าทิ้งให้คนนั้นกลับเองเนื่องจากไม่ถูกใจในบางพฤติกรรม) จากนั้นผมก็นั่งอ่านนิยายไปเรื่อยน้องก็นั่งด้วยเล่นมือถือไปพลางๆ ประมาน 2 ชม ก็ไปเอาไม้แบดที่ขึ้นเอ็น ก่อนกลับก็บอกว่าอยากกินอะไรไหม น้องเขาอยากกินไอติมเลยพาไป ซเวนเซ่น ตอนจ่ายน้องเขาบอกช่วยออกครึ่งนึง (ราคารวม 400 นิดๆ) ผมก็รู้สึกว่ามันไม่ดี...มั้งแต่ตังค์มีไม่พอแน่ถ้าออกหมดเลยบอกเอามา 100 เดียวพอนอกนั้นพี่เลี้ยง น้องเขาหัวเราะแล้วก็ควักให้ 100 นึง (มารู้ทีหลังว่าน้องเขาแอบดูนิสัยตรงนี้ผมด้วย  คนก่อนมันบอกน้องว่าจะเลี้ยงพอเวลาจ่ายบอกลืมเอาตังค์มาออกไปก่อน 555 เย็นนั้นผมก็เลยอาสาไปส่ง ไม่อยากให้ขึ้นรถกลับกว่าจะถึงก็ค่ำ ตั้งแต่นั้นมาผมกับน้องก็คุยกันมาเรื่อยๆ ว่างตรงกันก็ไปทานข้าวบ้าง (เรียนคนละสาขา) ส่งไปช้อปเครื่องสำอางบ้างอันนี้น้องเขาออกเอง เพราะผมบอกเสมอว่าวันนี้มีเงินเท่าไหร่ ใช้ได้เท่าไหร่ ในงบขนาดนี้เลือกมาเลยว่าอยากกินอะไร เกินนี้ขอให้ช่วยด้วยเนื่องจากผมยังเรียนแบมือขอเงินอยู่ ถ้าทำงานหาเองเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เขาก็โอเค แต่ถ้าใกล้วันพิเศษหรือมี event ผมก็จะเตรียมเก็บเงินไว้ล่วงหน้าเพราะรู้ว่าใช้เยอะแน่วันนี้ ดำเนินไปแบบนี้ 34 วัน วันที่ 35 หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จก่อนจะถึงหอน้องเขา เขาบอกให้จอดแป๊บนึงแล้วถามผมว่า มีอะไรจะบอกหนูไหม หนูให้เวลาก่อนหอปิด ผมลังเลอยู่ครึ่งขัวโมง (555) ก่อนจะถามว่าเป็นแฟนกันไหม เป็นสิ คำตอบเดียวที่ทำให้ผมหูอื้อไปทั้งคืน
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เด่วมาต่อครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่