ณ นาทีนี้ ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในวงการไอที คงไม่พ้นเรื่อง
การต่อต้าน Single Gateway
ซึ่งผมขอแสดงความเห็นที่แตกต่างออกไป
***** กรุณาอ่านให้จบ ก่อนแสดงความคิดเห็น *****
ประเด็นที่สำคัญนั้น ถ้าแยกให้ชัดเจนจะมี 2 ประเด็น คือ
1) ความมั่นคง vs การละเมิดสิทธิเสรีภาพ
2) รูปแบบเชิงเทคนิคที่นำเสนอ
-----
1) การละเมิดสิทธิเสรีภาพ
จะเห็นมีการประโคมกันว่า
การตั้งระบบนี้จะละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของคนในประเทศ
โดยพยายามโยงเข้ากับประเทศที่ไม่มีเสรีภาพทางความคิดเห็น
เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า แย่แล้วประเทศเรากำลังจะถอยหลังด้านเสรีภาพ
แต่เมื่อลองดูข้อเท็จจริง ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นประชาธิปไตยทั้งหลาย จะพบว่า
ระบบ Internet พื้นฐานนั้น
ฝรั่งจะมีระบบติดตามไปจับกุมผู้ที่ทำผิดผ่าน Internet เสมอ
เพียงแต่เราประเทศที่กำลังพัฒนาจะไม่ค่อยรู้ ไม่เข้าใจ
หรือ เข้าใจผิดๆ จากสื่อที่ต้องการชี้นำ เสียมากกว่า
ว่า ฝรั่งเค้าเสรี รัฐเค้าไม่มีการทำอะไรพวกนี้
คิดว่าฝรั่งจะ "รัฐต้องห้ามดักในทุกกรณี" หรือ "ดักแบบนี้ มีแต่เผด็จการเค้าทำกัน"
ซึ่งไม่ตรงข้อเท็จจริง
หลักๆคือ
- พวก Hotmail, Yahoo, Google, Apple, M$ เนี่ย
รัฐบาลอเมริกา อยากได้อะไร มีสิทธิเข้าถึงได้หมดนะครับ
ถ้าจำไม่ผิด บินลาเดนที่โดนตามตัวได้ก็เพราะลูกน้องใช้ Hotmail นี่แหละ
คดียาเสพติดไม่น้อยก็เกิดจากการตามข้อมูลบนเน็ตนี่แหละ
แล้วถามว่าประเทศอื่นๆบนโลก อยากได้ข้อมูลแบบนี้จาก บ.ที่ว่าบ้างจะได้มั๊ย?
ก็ตอบเลยว่า ยากส์
- บางคนอ้างเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลการเงิน
เทียบกับ CIA ที่เล่นทำ Data Mining กับ Database ทุกธนาคาร
เพื่อหาความสัมพันธ์ บัญชีธนาคาร การโอนเงิน ส่งเงิน ฟอกเงิน กับ ผู้เกี่ยวข้องเป้าหมายทั้งหมด ได้สบายๆ
มันยังเหลืออะไรให้กังวลอีกรึ??
- แล้วประเทศอื่นจะทำไงละ??
ลองสังเกตว่า หลายประเทศในยุโรปเอง
ก็ออกกฎหมายแม้แต่ "ห้ามโปรแกรมแชททุกยี่ห้อ เข้ารหัสด้วย bit ที่เกินกว่ากำหนด"
เพราะนั่นหมายถึง รัฐจะใช้ทรัพยากรมาขึ้นในการถอดรหัส ข้อมูลแชทที่รับ-ส่งกัน
ซึ่งถ้าเฉลียวใจซักหน่อย จะคิดได้ว่า
"มันจะเอาข้อมูลจากไหนมาถอดรหัส ***ถ้ามันไม่ดักระหว่างทาง????***"
แล้วมันจะดักได้อย่างไร ถ้าไม่มีระบบ??
นั่นหมายความว่า
ประเทศพัฒนาแล้วเหล่านี้มีระบบการดักข้อมูลอย่างดี เป็นระบบอยู่แล้วเรียบร้อยนั่นเอง!!!
ประเทศเหล่านี้มีสิทธิอะไร จะมาตราหน้าประเทศอื่นๆ
เพื่อไม่ให้ดักข้อมูลเพื่อความมั่นคงบ้าง??
ถึงตรงนี้ บางคนอาจจะคิดว่า
เฮ้ย!? แล้วฝรั่งแดนเสรี เค้ายอมให้ดักข้อมูล ไม่มีการโวยวายกันบ้างหรอก??
คำตอบคือ "มี"
แต่เมื่อเจอหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย
ที่นักสิทธิ และ กลุ่มการเมืองไม่เคยจะยกขึ้นมาเป็นวิทยาทานเลย
นั่นก็คือ "สิทธิปัจเจกชน ไม่อยู่เหนือผลประโยชน์สังคม"
การมีระบบนี้ สามารถตามจับคนร้ายในคดีผ่าน internet
จนถึง ตามจับ/ป้องกัน ผู้ก่อการร้าย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ไม่เห็นด้วยก็จำเป็นต้องยอมถอย จาก โวยวาย กลายเป็น บ่นๆ
แต่กระแสในบ้านเรา เหมือนกำลังถูกชี้นำให้คิดว่า
"สิทธิปัจเจกชนต้องมาก่อน บ้านเมือง
ก็ช่างมัน"
ซึ่งไปผิดทาง จากความคิดฝรั่งแดนเสรีต้นตำรับ เค้าคิด เค้าทำจริงๆอย่างสิ้นเชิง!!!
ดังนั้น แนวคิดที่ถูกต้อง (อย่างน้อยก็ตามฝรั่ง) ก็คือ
เราควร "เห็นด้วย" ให้มีระบบการดักข้อมูล "เพื่อเหตุผลด้านความมั่นคง"
แต่ "ค้าน" ในเชิง "ปรับปรุงรายละเอียด" เช่น เรียกร้องให้ออกกฎหมายเสริม
อย่างการเพิ่มขั้นตอน ต้องขอหมายศาลเพื่อเข้าถึงระบบ/ข้อมูล
หรือ เพื่อปกป้องข้อมูลของประชาชน
ก็ออกกฎหมายลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ฉ้อฉล ใช้ระบบไม่เป็นไปเพื่อความมั่นคง
ฯลฯ
เหมือนกับการที่เราจะเขียนโปรแกรม
จะให้ if เดียว ว่า "เอา หรือ ไม่เอา" ชั้นเดียวไม่ได้
มันต้องเป็น if ชั้นแรกว่า "เอา"
แล้วมี if nest ข้างในว่า "ถ้าเคส .... ไม่เอา " อะไรก็ว่าไป
ซึ่งเป็นมาตรฐานการออกกฎหมายของประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆเช่นกัน
สรุป จะเห็นว่าแท้ที่จริงแล้ว
ตัว "นโยบาย" ของ Single Gateway
เพื่อที่จะจัดการกับข้อมูลบน Internet นั้นไม่มี ปัญหาด้านเสรีภาพ อย่างที่คนบางกลุ่มพยายามชี้นำกระแส
เพราะทุกประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้ว ล้วนมีกลไกที่จะสถาปนาระบบที่จะสามารถ
ลากผู้ทำผิด มา "รับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ" เสมอ
ตามหลัก "เสรีภาพ บนความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ"
เพียงแต่ บ้านเราที่ยังไม่พัฒนา
ประชาชนยังคิด หรือ หลงไปตามกระแสชี้นำว่า
"เสรีภาพ คือ ทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องรับผิดในสิ่งที่ตนทำ"
จึงออกมาคัดค้านระบบที่จะทำให้ "ตรวจสอบการกระทำของตนได้" เช่น ระบบนี้
เพื่อจะได้ลอยนวล หากตนกระทำผิด จะได้ไม่มีหลักฐาน/หลักฐานไม่แน่นหนา ดูคลุมเครือ ไม่รัดกุม
จะได้ดราม่าต่อสังคมได้ง่าย
ไปจนถึง เรียกร้องให้ "ยกเลิกกฎหมาย"
เพื่อตนจะได้ไม่ต้องรับโทษจากสิ่งที่ตัวเองทำ
ก็เท่านั้นแหละ
2) รูปแบบเชิงเทคนิคที่นำเสนอ
ตรงนี้แหละ ที่ผมมองว่าที่มีปัญหา และจะต้องแก้ไข
- Model Single Gateway มีปัญหา "คอขวดข้อมูลเน็ต"
ผู้รับผิดชอบควร หัดมองประเทศพัฒนาแล้วบ้างว่า
เค้าวางระบบกระจายไปดักไว้ที่ทุก Gateway ซึ่งมันจะไม่คอขวด
ความเร็วเน็ตโดยรวมของประเทศย่อมดีกว่า
ในขณะที่ประสิทธิภาพการลากคอผู้กระทำผิดอาจจะดีกว่าด้วย
เพราะมันทำงานแบบกระจายงาน
- ความโปร่งใส
เพื่อจะจัดซื้ออุปกรณ์ที่สามารถรับมือ กับ Bandwidth ทั้งประเทศ งบย่อมไม่ใช่น้อยๆ
ถ้ามีนอกมีใน จะเป็นเงินจำนวนมหาศาลแน่ๆ
อันนี้น่ากังวลอยู่
- การผูกขาด
มีคนตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อรวบสายเน็ตเป็นเส้นเดียว จุดเดียว
มีแนวโน้มว่า "หน่วยงานนึง" จะได้สิทธิในการ เป็นเสือนอนกินอยู่หน้า Gateway
ซึ่งย่อมกระทบต่อการไม่เกิดการแข่งขันในธุรกิจบริการ internet
ทำให้มีแนวโน้มกระทบต่อการพัฒนา internet ของชาติในระยะยาว
สรุป ผู้รับผิดชอบ นโยบายนี้
ควรนำกลับไปทบทวน ในเชิงรูปแบบเสียก่อน
จึงจะให้นโยบายนี้ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
ไม่ไหวแระ หาคนอ่านจบแทบไม่ได้
สรุปย่อให้สำหรับคนขี้เกียจอ่านละกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมไม่ได้มาแสดงความเห็นด้วยกับ Single Gateway
ประเด็นที่ผมเขียน คือ เราโจมตี Single Gateway ผิดประเด็น
1) ประเด็นไม่ใช่เรื่อง "รัฐรุกรานเสรีภาพ" เพราะประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ก็มีระบบอื่นเพื่อเป้าหมายเดียวกัน
ที่รูปแบบต่างกัน ชื่อต่างกัน แต่ทรงพลังกว่า!!
มันเป็นเรื่องงี่เง่า ถ้าจะ "คัดค้านไม่ให้บ้านเรามีเลย"
เพราะเข้าใจผิดว่า "ประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้วอื่นๆ เค้าไม่มีกัน"
ซึ่งมันผิดจากข้อเท็จจริง
2) แต่ประเด็นควรโจมตี คือ โครงการนี้ จะทำให้
2.1) ระบบ Internet เน่า
2.2) น่าสงสัยต่อการมีนอกมีใน ในการจัดซื้อจัดหา
2.3) รวมถึง เกิดการผูกขาด
เห็นต่าง กับกรณีการต่อต้าน Single Gateway
การต่อต้าน Single Gateway
ซึ่งผมขอแสดงความเห็นที่แตกต่างออกไป
***** กรุณาอ่านให้จบ ก่อนแสดงความคิดเห็น *****
ประเด็นที่สำคัญนั้น ถ้าแยกให้ชัดเจนจะมี 2 ประเด็น คือ
1) ความมั่นคง vs การละเมิดสิทธิเสรีภาพ
2) รูปแบบเชิงเทคนิคที่นำเสนอ
-----
1) การละเมิดสิทธิเสรีภาพ
จะเห็นมีการประโคมกันว่า
การตั้งระบบนี้จะละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของคนในประเทศ
โดยพยายามโยงเข้ากับประเทศที่ไม่มีเสรีภาพทางความคิดเห็น
เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า แย่แล้วประเทศเรากำลังจะถอยหลังด้านเสรีภาพ
แต่เมื่อลองดูข้อเท็จจริง ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นประชาธิปไตยทั้งหลาย จะพบว่า
ระบบ Internet พื้นฐานนั้น
ฝรั่งจะมีระบบติดตามไปจับกุมผู้ที่ทำผิดผ่าน Internet เสมอ
เพียงแต่เราประเทศที่กำลังพัฒนาจะไม่ค่อยรู้ ไม่เข้าใจ
หรือ เข้าใจผิดๆ จากสื่อที่ต้องการชี้นำ เสียมากกว่า
ว่า ฝรั่งเค้าเสรี รัฐเค้าไม่มีการทำอะไรพวกนี้
คิดว่าฝรั่งจะ "รัฐต้องห้ามดักในทุกกรณี" หรือ "ดักแบบนี้ มีแต่เผด็จการเค้าทำกัน"
ซึ่งไม่ตรงข้อเท็จจริง
หลักๆคือ
- พวก Hotmail, Yahoo, Google, Apple, M$ เนี่ย
รัฐบาลอเมริกา อยากได้อะไร มีสิทธิเข้าถึงได้หมดนะครับ
ถ้าจำไม่ผิด บินลาเดนที่โดนตามตัวได้ก็เพราะลูกน้องใช้ Hotmail นี่แหละ
คดียาเสพติดไม่น้อยก็เกิดจากการตามข้อมูลบนเน็ตนี่แหละ
แล้วถามว่าประเทศอื่นๆบนโลก อยากได้ข้อมูลแบบนี้จาก บ.ที่ว่าบ้างจะได้มั๊ย?
ก็ตอบเลยว่า ยากส์
- บางคนอ้างเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลการเงิน
เทียบกับ CIA ที่เล่นทำ Data Mining กับ Database ทุกธนาคาร
เพื่อหาความสัมพันธ์ บัญชีธนาคาร การโอนเงิน ส่งเงิน ฟอกเงิน กับ ผู้เกี่ยวข้องเป้าหมายทั้งหมด ได้สบายๆ
มันยังเหลืออะไรให้กังวลอีกรึ??
- แล้วประเทศอื่นจะทำไงละ??
ลองสังเกตว่า หลายประเทศในยุโรปเอง
ก็ออกกฎหมายแม้แต่ "ห้ามโปรแกรมแชททุกยี่ห้อ เข้ารหัสด้วย bit ที่เกินกว่ากำหนด"
เพราะนั่นหมายถึง รัฐจะใช้ทรัพยากรมาขึ้นในการถอดรหัส ข้อมูลแชทที่รับ-ส่งกัน
ซึ่งถ้าเฉลียวใจซักหน่อย จะคิดได้ว่า
"มันจะเอาข้อมูลจากไหนมาถอดรหัส ***ถ้ามันไม่ดักระหว่างทาง????***"
แล้วมันจะดักได้อย่างไร ถ้าไม่มีระบบ??
นั่นหมายความว่า
ประเทศพัฒนาแล้วเหล่านี้มีระบบการดักข้อมูลอย่างดี เป็นระบบอยู่แล้วเรียบร้อยนั่นเอง!!!
ประเทศเหล่านี้มีสิทธิอะไร จะมาตราหน้าประเทศอื่นๆ
เพื่อไม่ให้ดักข้อมูลเพื่อความมั่นคงบ้าง??
ถึงตรงนี้ บางคนอาจจะคิดว่า
เฮ้ย!? แล้วฝรั่งแดนเสรี เค้ายอมให้ดักข้อมูล ไม่มีการโวยวายกันบ้างหรอก??
คำตอบคือ "มี"
แต่เมื่อเจอหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย
ที่นักสิทธิ และ กลุ่มการเมืองไม่เคยจะยกขึ้นมาเป็นวิทยาทานเลย
นั่นก็คือ "สิทธิปัจเจกชน ไม่อยู่เหนือผลประโยชน์สังคม"
การมีระบบนี้ สามารถตามจับคนร้ายในคดีผ่าน internet
จนถึง ตามจับ/ป้องกัน ผู้ก่อการร้าย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ไม่เห็นด้วยก็จำเป็นต้องยอมถอย จาก โวยวาย กลายเป็น บ่นๆ
แต่กระแสในบ้านเรา เหมือนกำลังถูกชี้นำให้คิดว่า
"สิทธิปัจเจกชนต้องมาก่อน บ้านเมือง ก็ช่างมัน"
ซึ่งไปผิดทาง จากความคิดฝรั่งแดนเสรีต้นตำรับ เค้าคิด เค้าทำจริงๆอย่างสิ้นเชิง!!!
ดังนั้น แนวคิดที่ถูกต้อง (อย่างน้อยก็ตามฝรั่ง) ก็คือ
เราควร "เห็นด้วย" ให้มีระบบการดักข้อมูล "เพื่อเหตุผลด้านความมั่นคง"
แต่ "ค้าน" ในเชิง "ปรับปรุงรายละเอียด" เช่น เรียกร้องให้ออกกฎหมายเสริม
อย่างการเพิ่มขั้นตอน ต้องขอหมายศาลเพื่อเข้าถึงระบบ/ข้อมูล
หรือ เพื่อปกป้องข้อมูลของประชาชน
ก็ออกกฎหมายลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ฉ้อฉล ใช้ระบบไม่เป็นไปเพื่อความมั่นคง
ฯลฯ
เหมือนกับการที่เราจะเขียนโปรแกรม
จะให้ if เดียว ว่า "เอา หรือ ไม่เอา" ชั้นเดียวไม่ได้
มันต้องเป็น if ชั้นแรกว่า "เอา"
แล้วมี if nest ข้างในว่า "ถ้าเคส .... ไม่เอา " อะไรก็ว่าไป
ซึ่งเป็นมาตรฐานการออกกฎหมายของประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆเช่นกัน
สรุป จะเห็นว่าแท้ที่จริงแล้ว
ตัว "นโยบาย" ของ Single Gateway
เพื่อที่จะจัดการกับข้อมูลบน Internet นั้นไม่มี ปัญหาด้านเสรีภาพ อย่างที่คนบางกลุ่มพยายามชี้นำกระแส
เพราะทุกประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้ว ล้วนมีกลไกที่จะสถาปนาระบบที่จะสามารถ
ลากผู้ทำผิด มา "รับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ" เสมอ
ตามหลัก "เสรีภาพ บนความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ"
เพียงแต่ บ้านเราที่ยังไม่พัฒนา
ประชาชนยังคิด หรือ หลงไปตามกระแสชี้นำว่า
"เสรีภาพ คือ ทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องรับผิดในสิ่งที่ตนทำ"
จึงออกมาคัดค้านระบบที่จะทำให้ "ตรวจสอบการกระทำของตนได้" เช่น ระบบนี้
เพื่อจะได้ลอยนวล หากตนกระทำผิด จะได้ไม่มีหลักฐาน/หลักฐานไม่แน่นหนา ดูคลุมเครือ ไม่รัดกุม
จะได้ดราม่าต่อสังคมได้ง่าย
ไปจนถึง เรียกร้องให้ "ยกเลิกกฎหมาย"
เพื่อตนจะได้ไม่ต้องรับโทษจากสิ่งที่ตัวเองทำ
ก็เท่านั้นแหละ
2) รูปแบบเชิงเทคนิคที่นำเสนอ
ตรงนี้แหละ ที่ผมมองว่าที่มีปัญหา และจะต้องแก้ไข
- Model Single Gateway มีปัญหา "คอขวดข้อมูลเน็ต"
ผู้รับผิดชอบควร หัดมองประเทศพัฒนาแล้วบ้างว่า
เค้าวางระบบกระจายไปดักไว้ที่ทุก Gateway ซึ่งมันจะไม่คอขวด
ความเร็วเน็ตโดยรวมของประเทศย่อมดีกว่า
ในขณะที่ประสิทธิภาพการลากคอผู้กระทำผิดอาจจะดีกว่าด้วย
เพราะมันทำงานแบบกระจายงาน
- ความโปร่งใส
เพื่อจะจัดซื้ออุปกรณ์ที่สามารถรับมือ กับ Bandwidth ทั้งประเทศ งบย่อมไม่ใช่น้อยๆ
ถ้ามีนอกมีใน จะเป็นเงินจำนวนมหาศาลแน่ๆ
อันนี้น่ากังวลอยู่
- การผูกขาด
มีคนตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อรวบสายเน็ตเป็นเส้นเดียว จุดเดียว
มีแนวโน้มว่า "หน่วยงานนึง" จะได้สิทธิในการ เป็นเสือนอนกินอยู่หน้า Gateway
ซึ่งย่อมกระทบต่อการไม่เกิดการแข่งขันในธุรกิจบริการ internet
ทำให้มีแนวโน้มกระทบต่อการพัฒนา internet ของชาติในระยะยาว
สรุป ผู้รับผิดชอบ นโยบายนี้
ควรนำกลับไปทบทวน ในเชิงรูปแบบเสียก่อน
จึงจะให้นโยบายนี้ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
ไม่ไหวแระ หาคนอ่านจบแทบไม่ได้
สรุปย่อให้สำหรับคนขี้เกียจอ่านละกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้