คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ขอยกเรื่องสังฆาทิเสสไว้ก่อน...แม้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแก้ไขในอนาคต แต่เรื่องสภาพจิตใจ ณ ขณะนี้เป็นเรื่องสำคัญมากกว่า
สรุปแน่ ๆ ก็คือว่า...ตอนนี้หลวงพี่บวช(อุปสมบทเป็นภิกขุ)อยู่ใช่มั้ยครับ?
ผม...ในฐานะเคยมีประสบการณ์...เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมานาน ทราบดีว่า นักศึกษาที่อยากเรียนมหาวิทยาลัยนั้น มีความรู้สึกอย่างไร
บางทีพ่อแม่อยากให้เรียนคณะโน้น...แต่ไม่ชอบ...ชอบเรียนคณะนี้มากกว่า...อะไรอย่างนี้...ปัญหานี้ก็เจอมาบ่อย
ส่วนใหญ่ ผมจะแนะนำให้อดทนเรียนคณะที่สอบได้นี่แหละ...นักศึกษาพอได้ฟังเหตุ ฟังผล อย่างละเอียด หลายคนก็ยอมเรียนต่อไป
แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกัน ที่ผมพูดกลับกัน...ผมเคยสนับสนุนให้นักศีกษาราว ๆ 5-6 คน ลาออก...แล้วไปเรียนคณะที่ตัวเองชอบ...
ในจำนวนนี้ มี 2 หรือ 3 คน ที่เรียนแล้ว ประสบความสำเร็จในคณะที่ตนเองชอบนั้น (เผอิญเหลือเกิน ที่ส่วนใหญ่เป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์)
ที่เหลือ...เมื่อออกไปเรียนคณะที่ชอบ กลับเอาตัวแทบไม่รอด ต้องกลับมาเรียนคณะเดิม(ที่ผมสอนอยู่ แล้วเขาไม่ชอบ) จนกระทั่งจบ!
ตลอดเส้นทางชีวิตของคนเรานี่...บางทีเป็นเรื่องยากครับหลวงพี่...ไม่มีใครอาจทราบได้จริง ๆ หรอก...ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป
ผมมีนิทานอยู่เรื่องหนึ่ง...อยากจะเล่าให้หลวงพี่ฟัง...คิดว่า คงมีเวลาอ่านนะครับ
นิมนต์อ่านดี ๆ แล้วขบคิดใคร่ครวญพร้อมกันไปด้วย
ชื่อเรื่องว่า...เรื่องดี-เรื่องร้าย ใครจะรู้!
กาลครั้งหนึ่ง ในประเทศจีนสมัยสามก๊ก ที่เมืองชายแดน มีชายชราผู้หนึ่ง มีบุตรชายคนเดียว กำลังอยู่ในวัยหนุ่ม
บุตรชายของชายชราผู้นี้ เป็นคนที่มีจิตใจเมตตาอารี จึงชอบมีสัตว์เล็ก ๆ จากป่า เช่น นก หรือกระต่าย ออกมาหาเขา ให้เขาได้เลี้ยงอยู่เป็นประจำ
อยู่มาวันหนึ่ง มีม้าสีขาวสวยงามมาก ออกมาจากป่า มันเชื่องเสียจนเขาสามารถกระโดดขึ้นไปขี่บนหลังของมันได้
หลังจากนั้นมา ชายหนุ่มก็เลี้ยงม้าตัวนั้นไว้ ชาวบ้านเมื่อทราบข่าว ต่างก็มาแสดงความยินดีกับชายชรา
...ที่ลูกชายของเขา ได้ม้าตัวงามที่ไม่มีใครเคยได้มาก่อน...ชายชราหัวเราะ หึ หึ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
เลี้ยง ๆ ไปไม่นาน เจ้าม้าสีขาวตัวงามนั้นก็หายตัวไป ทำให้ลูกชายของชายชรา เกิดความเศร้าโศกเสียใจมาก เขาร้องไห้อยู่หลายวัน
จนร่างกายผ่ายผอม... ชาวบ้านเมื่อทราบข่าว...ต่างก็มาแสดงความเสียใจกับชายชรา...ที่ลูกชายเขา สูญเสียม้าตัวงามตัวนั้นไป
ชายชราเพียงแต่หัวเราะ หึ หึ ในลำคอ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
ต่อมา...ม้าตัวสีขาวตัวนั้นกลับมา แล้วพาม้าตัวผู้สีขาวปลอด...รูปร่างบึกบึน งามสง่ายิ่งกว่าตัวแรกออกมาด้วย
อ๊อ! เด็กหนุ่มเพิ่งจะรู้ ม้าสีขาวตัวแรกนั้น มันเป็นตัวเมีย มันเติบโตเป็นสาว แล้วเตลิดไปสู่ป่า วันนี้ มันกลับมาพร้อมม้าหนุ่ม คู่ครองของมัน
ชาวบ้านที่ทราบข่าวว่า...ชายหนุ่มบุตรของชายชรา ได้ม้าตัวเก่ากลับคืนมา มิหนำซ้ำ...ยังได้ม้าหนุ่มตัวใหม่ สง่างามยิ่งกว่าเดิมมาเพิ่มอีก
ก็ได้มาที่บ้านของชายชรา เพื่อแสดงความยินดี...ชายชราเพียงแต่หัวเราะ หึ หึ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
ไม่นานต่อจากนั้น ชายหนุ่มนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากจะทดลองขี่ม้าตัวผู้ แต่เนื่องจากตนยังไม่มีความชำนาญ...และม้าตัวผู้ตัวนั้น...เป็นม้าพยศ
ขี่ได้ไม่ถึงนาที ชายหนุ่มก็เสียหลัก พลัดตกจากหลังม้า ขาหัก ต้องนอนเจ็บ นอนซม ระบมไข้อยู่นาน
ชาวบ้านที่ทราบข่าว ก็ได้มาที่บ้านของชายชรา เพื่อแสดงความเสียใจ...ชายชราเพียงแต่หัวเราะ หึ หึ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
ไม่นานต่อจากนั้น เกิดสงครามใหญ่ระหว่างแว่นแคว้นขึ้น...มีการเกณฑ์เด็กหนุ่มจากเมืองชายแดนแห่งนี้...ออกไปเป็นทหาร...เป็นจำนวนมาก
พวกแม่ ๆ ของเด็กหนุ่มที่ถูกเกณฑ์ ต่างร้องห่มร้องไห้ เสียใจที่ลูกชายรุ่น ๆ ของตนต้องถูกเกณฑ์ไปรบ...และมีโอกาสมากเหลือเกิน...
ที่จะถูกข้าศึกสังหารเสียในสนามรบ....หรืออย่างเบาะ ๆ ก็...เสียแขน เสียขา เสียตา เสียมือ พิกลพิการกลับมา
มีแต่เด็กหนุ่มเจ้าของม้าขาวสองตัว...ที่ขาหัก ที่นอนแซ่วอยู่กับบ้าน เขาจึงไม่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในครั้งนี้...
ชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างก็ได้มาที่บ้านของชายชรา เพื่อแสดงความยินดี...ชายชราเพียงแต่หัวเราะ หึ หึ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
...ขอขมวดเรื่องราวตรงนี้...ชีวิตของหลวงพี่...ที่ขณะนี้กำลังอุปสมบทอยู่...หลวงพี่รู้หรือยัง...
ว่ามันเป็นเรื่องดี หรือเรื่องร้าย?...
สรุปแน่ ๆ ก็คือว่า...ตอนนี้หลวงพี่บวช(อุปสมบทเป็นภิกขุ)อยู่ใช่มั้ยครับ?
ผม...ในฐานะเคยมีประสบการณ์...เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมานาน ทราบดีว่า นักศึกษาที่อยากเรียนมหาวิทยาลัยนั้น มีความรู้สึกอย่างไร
บางทีพ่อแม่อยากให้เรียนคณะโน้น...แต่ไม่ชอบ...ชอบเรียนคณะนี้มากกว่า...อะไรอย่างนี้...ปัญหานี้ก็เจอมาบ่อย
ส่วนใหญ่ ผมจะแนะนำให้อดทนเรียนคณะที่สอบได้นี่แหละ...นักศึกษาพอได้ฟังเหตุ ฟังผล อย่างละเอียด หลายคนก็ยอมเรียนต่อไป
แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกัน ที่ผมพูดกลับกัน...ผมเคยสนับสนุนให้นักศีกษาราว ๆ 5-6 คน ลาออก...แล้วไปเรียนคณะที่ตัวเองชอบ...
ในจำนวนนี้ มี 2 หรือ 3 คน ที่เรียนแล้ว ประสบความสำเร็จในคณะที่ตนเองชอบนั้น (เผอิญเหลือเกิน ที่ส่วนใหญ่เป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์)
ที่เหลือ...เมื่อออกไปเรียนคณะที่ชอบ กลับเอาตัวแทบไม่รอด ต้องกลับมาเรียนคณะเดิม(ที่ผมสอนอยู่ แล้วเขาไม่ชอบ) จนกระทั่งจบ!
ตลอดเส้นทางชีวิตของคนเรานี่...บางทีเป็นเรื่องยากครับหลวงพี่...ไม่มีใครอาจทราบได้จริง ๆ หรอก...ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป
ผมมีนิทานอยู่เรื่องหนึ่ง...อยากจะเล่าให้หลวงพี่ฟัง...คิดว่า คงมีเวลาอ่านนะครับ
นิมนต์อ่านดี ๆ แล้วขบคิดใคร่ครวญพร้อมกันไปด้วย
ชื่อเรื่องว่า...เรื่องดี-เรื่องร้าย ใครจะรู้!
กาลครั้งหนึ่ง ในประเทศจีนสมัยสามก๊ก ที่เมืองชายแดน มีชายชราผู้หนึ่ง มีบุตรชายคนเดียว กำลังอยู่ในวัยหนุ่ม
บุตรชายของชายชราผู้นี้ เป็นคนที่มีจิตใจเมตตาอารี จึงชอบมีสัตว์เล็ก ๆ จากป่า เช่น นก หรือกระต่าย ออกมาหาเขา ให้เขาได้เลี้ยงอยู่เป็นประจำ
อยู่มาวันหนึ่ง มีม้าสีขาวสวยงามมาก ออกมาจากป่า มันเชื่องเสียจนเขาสามารถกระโดดขึ้นไปขี่บนหลังของมันได้
หลังจากนั้นมา ชายหนุ่มก็เลี้ยงม้าตัวนั้นไว้ ชาวบ้านเมื่อทราบข่าว ต่างก็มาแสดงความยินดีกับชายชรา
...ที่ลูกชายของเขา ได้ม้าตัวงามที่ไม่มีใครเคยได้มาก่อน...ชายชราหัวเราะ หึ หึ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
เลี้ยง ๆ ไปไม่นาน เจ้าม้าสีขาวตัวงามนั้นก็หายตัวไป ทำให้ลูกชายของชายชรา เกิดความเศร้าโศกเสียใจมาก เขาร้องไห้อยู่หลายวัน
จนร่างกายผ่ายผอม... ชาวบ้านเมื่อทราบข่าว...ต่างก็มาแสดงความเสียใจกับชายชรา...ที่ลูกชายเขา สูญเสียม้าตัวงามตัวนั้นไป
ชายชราเพียงแต่หัวเราะ หึ หึ ในลำคอ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
ต่อมา...ม้าตัวสีขาวตัวนั้นกลับมา แล้วพาม้าตัวผู้สีขาวปลอด...รูปร่างบึกบึน งามสง่ายิ่งกว่าตัวแรกออกมาด้วย
อ๊อ! เด็กหนุ่มเพิ่งจะรู้ ม้าสีขาวตัวแรกนั้น มันเป็นตัวเมีย มันเติบโตเป็นสาว แล้วเตลิดไปสู่ป่า วันนี้ มันกลับมาพร้อมม้าหนุ่ม คู่ครองของมัน
ชาวบ้านที่ทราบข่าวว่า...ชายหนุ่มบุตรของชายชรา ได้ม้าตัวเก่ากลับคืนมา มิหนำซ้ำ...ยังได้ม้าหนุ่มตัวใหม่ สง่างามยิ่งกว่าเดิมมาเพิ่มอีก
ก็ได้มาที่บ้านของชายชรา เพื่อแสดงความยินดี...ชายชราเพียงแต่หัวเราะ หึ หึ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
ไม่นานต่อจากนั้น ชายหนุ่มนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากจะทดลองขี่ม้าตัวผู้ แต่เนื่องจากตนยังไม่มีความชำนาญ...และม้าตัวผู้ตัวนั้น...เป็นม้าพยศ
ขี่ได้ไม่ถึงนาที ชายหนุ่มก็เสียหลัก พลัดตกจากหลังม้า ขาหัก ต้องนอนเจ็บ นอนซม ระบมไข้อยู่นาน
ชาวบ้านที่ทราบข่าว ก็ได้มาที่บ้านของชายชรา เพื่อแสดงความเสียใจ...ชายชราเพียงแต่หัวเราะ หึ หึ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
ไม่นานต่อจากนั้น เกิดสงครามใหญ่ระหว่างแว่นแคว้นขึ้น...มีการเกณฑ์เด็กหนุ่มจากเมืองชายแดนแห่งนี้...ออกไปเป็นทหาร...เป็นจำนวนมาก
พวกแม่ ๆ ของเด็กหนุ่มที่ถูกเกณฑ์ ต่างร้องห่มร้องไห้ เสียใจที่ลูกชายรุ่น ๆ ของตนต้องถูกเกณฑ์ไปรบ...และมีโอกาสมากเหลือเกิน...
ที่จะถูกข้าศึกสังหารเสียในสนามรบ....หรืออย่างเบาะ ๆ ก็...เสียแขน เสียขา เสียตา เสียมือ พิกลพิการกลับมา
มีแต่เด็กหนุ่มเจ้าของม้าขาวสองตัว...ที่ขาหัก ที่นอนแซ่วอยู่กับบ้าน เขาจึงไม่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในครั้งนี้...
ชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างก็ได้มาที่บ้านของชายชรา เพื่อแสดงความยินดี...ชายชราเพียงแต่หัวเราะ หึ หึ แล้วพูดว่า...เรื่องดีเรื่องร้าย...ใครจะรู้!
...ขอขมวดเรื่องราวตรงนี้...ชีวิตของหลวงพี่...ที่ขณะนี้กำลังอุปสมบทอยู่...หลวงพี่รู้หรือยัง...
ว่ามันเป็นเรื่องดี หรือเรื่องร้าย?...
แสดงความคิดเห็น
ถ้าพ่อแม่ไม่ให้สึก ให้เราบวชนานๆแต่เราปฏิบัติไม่ได้ จะบาปมากไหม แล้วควรทำไงต่อไปดีขอคำแนะนำหน่อยค้าบ