บึ้มและกราดยิง  กปปส.ตราด ตายเพิ่มรายที่ 3 รวมเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บกว่า 30
จากเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่าย ปาระเบิดและยิงถล่ม กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ตราด ช่วงเวลา 21.20 น. คืนวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา บริเวณตลาดยิ่งเจริญ หมู่ 1 ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด เป็นเหตุให้มีเด็กหญิงเสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากนั้น ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 04.43 น. วันที่ 28 ก.พ. นางพิศตะวัน อุ่นใจ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/385 ม.9 ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี 1 ในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เสียชีวิตลงแล้วที่ รพ.ตราด ด้วยอาการแผลติดเชื้อที่บริเวณลำไส้ใหญ่“
http://www.dailynews.co.th/regional/219437

น้อง ฬิฬาวัลย์ พรหมชัย อายุ 5 ขวบ


นายนิพนธ์ พรหมชัย ใช้มือลูบศีรษะร่าง ด.ญ.ฬิฬาวัลย์ พรหมชัย วัย 5 ขวบบุตรสาวที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดและกราดยิงใส่เวทีปราศรัย กปปส.ตราด บริเวณตลาดยิ่งเจริญ หมู่ 1 ต.สนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด พร้อมกับประณามคนร้าย
"ลูกผมผิดอะไรที่ต้องมาฆ่า"

ด.ญ.ณัฐชยา รอสูงเนิน อายุ 5 ขวบ

นายเอนก รอสูงเนิน บิดาของน้องขิม กล่าวว่า “ผมเสียใจมากต่อการจากไปของลูกสาว วันเกิดเหตุผมไม่ได้ไปด้วยเพราะผมทำงาน ประกอบกับน้องขิม เขาจะติดย่ามากกว่าผม ย่าไปไหนน้องขิมก็จะไปด้วย วันนั้นพอรับโทรศัพท์ว่าลูกถูกยิง ผมรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล เห็นสภาพของลูกแล้วผมแทบทนไม่ได้ ช็อกไปชั่วขณะ จนถึงวันนี้ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะเสียใจมาก คนร้ายใจคอโหดเหี้ยมมากที่กระทำการร้ายแรงแบบนี้ ผมขอประณาม ขอให้เขาตายตกไปตามกัน”

มีเด็กผู้บริสุทธิ์โดนยิงตาย มีผู้ใหญ่ผู้บริสุทธิ์โดนยิงตายและบาดเจ็บมากมาย เป็นเรื่องที่เศร้า แต่มีบางคน บางกลุ่ม บางพวกกลับแสดงความยินดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แล้วการสืบสวน เพื่อจับกุมคนร้ายก็เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมหลังจากที่รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดนรัฐประหาร

ค้นบ้านอดีตทหารพรานลพบุรีซุกบึ้ม-ปืนเพียบ
จับกุม นายเชาว์วัฒน์ ทองเผือก อดีตทหารพราน ที่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 8 ตำบลชอนสรเดช อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี

http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=30926&t=news

สำหรับการจับกุมนายเชาว์วัฒน์ ทองเผือก อดีตทหารพราน ที่บ้านพักในอำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี เมื่อเช้าพร้อมอาวุธจำนวนมาก ทั้งปืน  วัตถุระเบิด อุปกรณ์ประกอบระเบิด เครื่องกระสุน รวมเกือบ 20 รายการ ได้ให้การรับสารภาพว่ารับจ้างจากนางจันทนา วรากรสกุลกิจ และนายชัชชาญ บุปผาวัลย์ จัดหาผลิต และเก็บรักษาวัตถุระเบิด อาวุธปืน และเครื่องกระสุน เพื่อนำไปใช้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชุมนุมของ กปปส.  และแจกจ่ายให้กองกำลังที่จะนำไปก่อเหตุในพื้นที่เป้าหมาย ที่ผ่านมาส่งมอบระเบิดไปแล้ว 1 ชุด แต่ไม่รู้ว่านำไปใช้ก่อเหตุที่ใด ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติม และจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดี
http://www.mcot.net/site/content?id=537c83a2be04708ec98b4583#.VgCodd-qqko

นำไปสู่การจับกุม นางจันทนา วรากรสกุลกิจ




สอบสวน น.ส.จันทนา ยอมรับว่าเป็นผู้เช่าห้องพักดังกล่าวกับลูกน้องอีก 1 คน ส่วนอาวุธสงครามทั้งหมดหาซื้อมาสะสมด้วยความชื่นชอบส่วนตัวจากผู้ค้าตามแนวชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก และ จ.ราชบุรี แต่ น.ส.จันทนาไม่ได้ระบุว่าเก็บสะสมอาวุธสงครามจำนวนมากมีเป้าหมายเพื่อก่อเหตุใด

สำหรับห้องแถวดังกล่าวมีนายไพรวัลย์ คิ้วภูเขียว อายุ 32 ปี เป็นเจ้าของ ต่อมาเจ้าหน้าที่เชิญตัวมาสอบปากคำ โดยนายไพรวัลย์ให้การว่าซื้อห้องแถวมาจากเจ้าของเดิม ในส่วนของ น.ส.จันทนาได้มาติดต่อขอเช่าห้องที่ 3 เป็นเวลา 3 ปีแล้ว และเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เห็นว่าห้องที่ 4 ว่างอยู่จึงมาขอเช่าห้องเพิ่มอีกห้อง แต่ไม่ทราบว่าใช้ทำอะไร เนื่องจากก่อนหน้านี้อยู่ระหว่างต่อเติมและไม่ทราบว่ามีใครเข้าออกหรือพักอาศัยบ้าง
http://www.thairath.co.th/content/424357

และขยายผลไปสู่ผู้กระทำความผิดในที่สุด  แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ในระหว่างการเข้าจับกุม มีเจ้าหน้าที่ถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย


เจ้าหน้าที่ทหารพราน บุกจับ 3 คนร้ายในสวนผลไม้ แต่โดนยิงสวนดับ 1 ราย ก่อนหลบหนีไปได้ 1 ราย จับกุมได้ 2 ซึ่งคนร้ายกลุ่มดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ยิง กปปส. ตราด
http://hilight.kapook.com/view/102777
------------------------------

"กัมมุนา วัตตติโลโก" สัตว์โลกทั้งหลายต้องเป็นไปตามกรรม

จับแล้ว! 2 มือปาระเบิดถล่ม กปปส. ตราด


http://www.thairath.co.th/content/427411

จำคุกหญิงเสื้อแดง(นางจันทนา วรากรสกุลกิจ)ครอบครองอาวุธสงคราม 27 ปี 9 ด.จำเลยลุกโต้เถียงศาล


พยานโจทก์เชื่อมโยงหลักฐานการพิสูจน์อาวุธของกลางเข้ากับปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ในเหตุการณ์ คนร้ายขว้างระเบิดและยิงปืนเข้าใส่บริเวณการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2557 ที่ตลาดยิ่งเจริญ ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บกว่า 30 คน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้18 ก.ย.2558 เวลาประมาณ 10.00 น. ศาลอาญารัชดา ห้อง 910 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก นางจันทนา วรากรสกุลกิจ หญิงเสื้อแดง วัย 45 ปี จากข้อกล่าวหาครอบครองอาวุธปืน วัตถุระเบิด ครอบครองเสื้อเกราะกันกระสุน และวิทยุสื่อสารสั่งจำคุก 27 ปี 9 เดือน ปรับ 6,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงให้ลดโทษทั้งจำและปรับลง 1 ใน 3 เหลือจำคุก 17 ปี 18 เดือน ปรับ 4,000 บาท
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2558 เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เข้าทำการตรวจค้น ห้องเช่า หมายเลข 3 และ 4 หอพักแห่งหนึ่ง ใน ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และได้ทำการจับกุมนางจันทนา วรากรสกุลกิจ วัย 44 ปี พร้อมอาวุธปืน M16 หนึ่งกระบอก, ปืน AK 47 หนึ่งกระบอก, ปืนคาร์บิน SKS พร้อมกล้องเล็ง หนึ่งกระบอก, เครื่องยิงระเบิดM 79 หนึ่งกระบอก, ปืนคาร์บินM 1 หนึ่งกระบอก, ปืนคาร์บิน M 3 หนึ่งกระบอก, ปืนพกสั้นไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน, วัตถุระเบิด, เสื้อเกราะกันกระสุน, วิทยุสื่อสาร โดยการจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าเป็นการซัดทอดมาจาก นายเชาว์วัฒน์ ทองเผือก อดีตทหารพราน ที่ถูกทำการจับกุมที่บ้านพักที่ อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน
ในการสืบพยานโจทก์เชื่อมโยงหลักฐานการพิสูจน์อาวุธของกลางเข้ากับปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ในเหตุการณ์ คนร้ายขว้างระเบิดและยิงปืนเข้าใส่บริเวณการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2557 ที่ตลาดยิ่งเจริญ ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บกว่า 30 คน นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงจำเลยจากภาพถ่ายที่ปรากฏจำเลยและพวกกำลังรับลังใส่เครื่องมือจากนายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ต้องขังและจำเลยในคดีพยายามฆ่าซึ่งแยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งของเหตุการณ์จังหวัดตราด ภาพการรับกล่องใส่เครื่องมือดังกล่าวถูกถ่ายที่ถนนอักษะระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ช่วงก่อนการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557
ส่วนฝ่ายจำเลยได้ต่อสู้เรื่องข้อเท็จจริงในการจับกุมว่าหลักฐานของกลางไม่ได้ถูกยึดในห้องพักของจำเลย แต่เป็นห้องพักของ นายสุวิทย์ เจนไธสง กล่องใส่ของที่นายสมศักดิ์มอบให้กับจำเลยและพวกไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นอาวุธ ไม่มีการพิสูจน์ว่ามีลายนิ้วมือของจำเลยอยู่ที่ของกลาง และ นายสุวิทย์ เจนไธสง ที่ถูกจับกุมตัวพร้อมกันก็ได้ถูก ร.อ.สุเทพ ทาเวียง หัวหน้าชุดจับกุมควบคุมตัวแยกออกไป
ในการอ่านคำพิพากษา ศาลให้เหตุผลว่าข้อต่อสู้ในคดีของจำเลยฟังไม่ขึ้น ไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาของโจทก์ได้ จึงพิพากษาว่าจำเลยและพวกได้ร่วมกันครอบครองอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ให้จำคุก 20 ปี จำเลยและพวกได้ครอบครอง อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 ปี จำเลยและพวกได้เคลื่อนย้ายนำพาอาวุธที่ไม่มีใบอนุญาตไปในทางสาธารณะให้ จำคุก 3 ปี จำเลยครอบครองเสื้อเกราะกันกระสุนซึ่งถือเป็นยุทธภัณฑ์ที่อาจถูกนำไปใช้ในการรบให้จำคุก 9 เดือน จำเลยได้ครอบครองวิทยุสื่อสารโดยไม่มีใบอนุญาตให้มีโทษปรับเป็นเงิน 6,000 บาท แต่เนื่องจากการให้การของจำเลยเป็นประโยชน์...ให้เหลือ 2 ใน 3 คงโทษจำคุก 17 ปี 18 เดือน และปรับเป็นเงิน 4,000 บาท
หลังจากการอ่านคำพิพากษา นางจันทนา จำเลยซึ่งถูกคุมขังอยู่นาน 1 ปี 3 เดือนเศษ และถูกนำตัวมาจากทัณฑสถานหญิงกลางเพื่อฟังคำพิพากษาในวันนี้ ได้ยกมือขึ้นโต้แย้งคำตัดสินว่า คำพิพากษาของศาลไม่ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงในการจับกุม
เธอกล่าวว่าของกลางไม่ได้ถูกยึดในที่พักของเธอ (ห้องหมายเลข 3) ไม่มีการพิสูจน์ลายนิ้วมือของเธออยู่ที่ของกลาง และสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดหลักฐานได้เป็นห้องพักหมายเลข 4 ซึ่งเป็นสถานที่ที่นายสุวิทย์ เจนไธสง ได้พักอยู่ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ติดกับเธอ นายสุวิทย์ ได้ถูก ร.อ.สุเทพ ทาเวียง หนึ่งในเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมได้ควบคุมตัวแยกออกไปโดยสุดท้ายแล้วไม่มีชื่อ ปรากฎอยู่ในคำฟ้องแต่อย่างใด เธอกล่าวด้วยว่า ขอถามว่านายสุวิทย์ที่ถูกจับกุมพร้อมกับเธอและเป็นผู้พักอาศัยอยู่ในห้องดังกล่าวหายไปไหน
จากนั้นศาลอธิบายว่าการพิจารณาคดี ศาลจะพิจารณาจากคำฟ้องโจทก์และพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำมาแสดงเท่านั้น จึงเป็นหน้าที่ที่จำเลยจะต้องนำนายสุวิทย์มาแสดงตัวต่อศาล
นางจันทนาถามกลับว่า จะให้เธอไปนำนายสุวิทย์มาแสดงตัวต่อศาลได้อย่างไรในเมื่อเธอถูกกักขังอยู่ระหว่างพิจารณาคดีโดยไม่ได้รับการประกันตัว พร้อมกันนั้นเธอถามย้ำหลายครั้งว่า ศาลเชื่อในสิ่งที่เธอพูดหรือไม่
... หากไม่พอใจคำพิพากษาก็ให้จำเลยยื่นอุทธรณ์ คดีนี้ศาลได้พิจารณาโดยให้ความปราณีแล้ว ความจริงแล้วศาลสามารถสั่งจำคุกได้ตลอดชีวิต และคดีอย่างนี้ใครจะยอมให้ประกันตัว
จากนั้นศาลได้สั่งให้นางจันทนานั่งลง มิเช่นนั้นจะใช้อำนาจสั่งจำคุกนางจันทนาเพิ่มอีก 6 เดือนฐานหมิ่นศาล นางจันทนาได้ตอบกลับว่า “หากคุณคิดว่าผู้หญิงคนเดียวเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศก็ให้สั่งประหารชีวิตไปเลย”
... ระหว่างนั้นเพื่อนและญาติของนางจันทนาที่มานั่งฟังการพิจารณาคดีอยู่ด้วยได้พากันร้องไห้ด้วยเสียงดัง ... เธอหันมาจับมือบุตรชายพร้อมบอกกับบุตรชายว่า นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแม่ถึงต้องเป็นเสื้อแดง
http://prachatai.org/journal/2015/09/61468

เด็กน้อยทั้งสองคนคงได้ไปเกิดอยู่บนสวรรค์ เพราะยังเด็กเกินไปที่จะทำกรรมใดๆซึ่งจะส่งผลให้เธอลงนรก
หากเด็กน้อยทั้งสองคนรับรู้ด้วยญาณใดๆก็ตาม เธอคงเกิดคำถามว่า...

ร่วมกัน "ฆ่าหนูทำไม"...

ปล. แรงบันดาลใจในการตั้งกระทู้นี้ จาก...

เธอหันมาจับมือบุตรชายพร้อมบอกกับบุตรชายว่านี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแม่ถึงต้องเป็นเสื้อแดง
http://ppantip.com/topic/34200048

~ ศรอรชุน สุญญตา ~