สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ
หน่อยคนเดิมเพิ่มเติมคือ กลัวโดนแซะ :')

เราไปวังเวียงมา เดือนมิถุนายน 2558 ค่ะ
สิ่งที่น่าเศร้าคือ เราเป็นคนชอบวางแผนเวลาจะเดินทางไปไหน เราจองตั๋วเครื่องบินขากลับข้ามปี
จองปี 57 ค่ะ ตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีกระทู้วังเวียงผุดเป็นดอกเห็ด

นี่กลับมาจากวังเวียงผ่านมาหลายเดือน มีคำถามทั้งระหว่างไป ระหว่างอยู่ และกลับมา ลืมไปบ้าง จำได้บ้าง
คิดจะตั้งกระทู้ แต่ก็ไม่รู้จะเขียนแนวไหนดี เพราะว่าเรื่องในหัวมันไม่น่าใช่การรีวิว
เลยคิดว่า กระทู้สนทนาน่าจะใช่เนอะ เรามาคุยกันอย่างสันติดีกว่า

- ทู้นี้ ไม่มีภาพสวยๆ ให้ชมเท่าไหร่ค่ะ เราไม่รู้จะถ่ายอะไร เห็นเค้าถ่ายกันไปแทบจะหมด map ในวังเวียงละ
  แต่จะไปขโมยรูปจากแฟนมาให้นะ
- ทู้นี้อาจมีภาพสีซีดบ้าง แล้วแต่อารมณ์การแต่งรูปของเจ้าของกระทู้
- ทู้นี้อาจมีรูปฟิล์มด้วยเพราะเจ้าของทู้ยังไม่มีตังซื้อกล้องดิจิตอล
- ทู้นี้ ไม่ใช่กระทู้แรกค่ะ
- การเว้นบรรทัดนั้น เพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการอ่านและกวาดสายตา
- การใช้ภาษาเขียนเป็นความดัดจริตโดยกำเนิดของเจ้าของกระทู้เองค่ะ

เริ่ม

1) ไปวังเวียงเคยสังเกตุไหมว่า มินิมาร์ทที่นั่น จะตั้งชื่อส่วนใหญ่ด้วยภาษาอังกฤษ A-Z แล้วต่อด้วยคำว่า มาร์ท ไป๋ ดู๋ ตัวอย่าง





และอีกหลายๆ ตัวอักษรค่ะ ใครไปก็ลองสังเกตุดูนะ

2) ทำไม sakura bar ถึงดังที่สุด ที่นั่นมีร้านเดียว?

เพราะที่ซากุระบา แตกต่างเรื่องการโปรโมทค่ะ!
มีการเดินแจกนามบัตรพร้อมแผนที่กับนักท่องเที่ยว มีโปรโมชั่น ฟรีดริ๊ง ที่ร้านอื่นไม่มี อีกอย่างที่ชัดเจนคือ เป็นร้านที่เปิดเพลงดังที่สุด
(อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ ฟรีดริ๊งซากุระไม่อร่อยเลย อันนี้ลงความเห็นกับเพื่อนอีกหลายคนที่ไปด้วยกัน ถ้าแค่อยากเมาก็เอาเลย เผลอๆ ไม่เมาด้วยนะ 555)

ร้านอื่นก็มีนะ โต๊ะพูลสภาพดีกว่าซากุระอีก ราคาเบียลาวก็ถูกกว่า อาทิเช่นสองร้านที่เราไปนั่งค่ะ
วันที่ไปพยายามไปหลายๆร้าน แต่ร้านอื่นส่วนใหญ่ปิด เห้ยอีกอย่าง วังเวียงมีผับด้วยนะ ไกลออกไปหน่อยต้องจ้างรถไป
อยากลองก็ถามคนในพื้นที่ดู จำชื่อผับไม่ได้ด้วย มีประมาน 2 - 3 ที่นะ (เหยดดดด)

ตัวอย่างร้านอื่น
01 : Gary's irish bar




02 : Jungly Bar





3) ที่วังเวียงมีโรตี ที่เรียกว่า pancake
อันนี้อาจจะด้วยความโง่เง่าส่วนตัว คือเพื่อนซื้อโรตีมา ถามมันเห้ยซื้อมาจากไหนวะ เพื่อนบอกเดินไปเจอเลย
เราก็เออเดินไป เดินจนสุดซอยเคมาร์ท หาร้านโรตี (ทำไมไม่มีวะ)





ความจริงคือมันมีรายทางเลยเว้ย แต่เค้าเขียนว่า pancake เราก็คิดภาพ แพนเค๊ก อะ เคยกินช่ะ แผ่นกลมๆ บีบวิปครีม ราดน้ำผึ้งงี้!!
อ่อ อีกอย่างคือ การสั่งสองไส้ หรือใส่สองอย่าง เพิ่มอะไรนิดหน่อย กับการสั่งอาหารที่ลาวเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะเค้าจะเพิ่มด้วยราคาที่เราชะงัก
เช่น เพิ่มไส้ละ 20 บาท เพิ่มเครื่องใส่สองอย่าง เพิ่มราคาแบบเท่าตัว (คือเมิงกินสองอันเหอะคุ้มกว่า)
( เรื่องโรตีนี่เอาจริง กลับมากินไทยเหอะ แต่ตอนนั้นมันจะโหยมากเหมือนโดนสะกดจิตว่าจงกิน จงกินอะ)

4) น้ำตก
ด้วยความอยากลองของใหม่ เลยถามลุงที่ขายทัวร์ว่า มีที่อื่นที่เป็นที่เที่ยวอีกไหม ลุงเปิดมา น้ำตา น้ำไหลลงมาอย่างพรั่งพรู
ถามดักไว้ ลุงหนูไปช่วงนี้จะมีน้ำใช่ไหม แล้วเล่นน้ำได้ป่าว ลุงบอกเล่นได้เค้าก็เล่นกันตรงนั้นแหละ เอ้าไป!!
เดินไกลนะ เรียกได้ว่าเฝ้ารอ อู๊ย อยากเล่นจัง








และนี่ล่ะค่ะ ตำนานน้ำตกฝอย ที่ได้เจอ เอาจริงๆ ระหว่างทางมันก็สวยดีนะ แต่ไอ้เป้าหมายสุดท้ายไม่คุ้มเท่าไหร่
แถมเราไม่เชิงโดนหลอกเรื่องทริป วันแรกเราไปบลูลากูน กับไปน้ำตก
เราตกลงจองสองทริป สองวัน วันที่สองไปลอดห่วงยางแล้วก็พายเรือ แต่รู้จากคนที่พาไปอีกทีว่า มีไปบลูลากูนด้วย อยู่แล้วในทริป
เฟล เพราะถามเค้าแล้วว่า เอาแบบ ที่มีไปลอดห่วง กับบลูลากูน แล้วก็พายเรือ รวมกันมีไหม แต่ก็ดีอะ ไม่งั้นไม่ได้ไปน้ำตกฝอยนะ

5) ของดีของเด็ดเมืองวังเวียงที่กลับมาก็คิดถึงหากินไม่ได้ อยากกินอีก โอ้ยตอนนี้สงสัยหิว
แล้วที่สำคัญคือ เจอของเด็ด หมูย่าง เด็ดทั้งหมู เด็ดทั้งน้ำจิ้ม ไม่รู้เรียกอะไรจนป่านนี้ มันเหมือนน้ำพริก แต่ก็ไม่ใช่ พี่อีกคนบอกเรียกแจ่วบอง
แต่ก้ไม่ใช่อีก คือมันเฉพาะตัวจริงๆ หากินรสนี้ที่ไหนไม่ได้ มีขายตรงตลาดเล็กๆ ลานจอดเครื่องบินเก่าของวังเวียง มันเป็นทางผ่านก่อนไปน้ำตกแล้วเราแวะซื้อของกินกันเองเพราะในทริปไม่มีข้าวให้ ซื้อหมูกับข้าวเหนียวโลครึ่งกินกั โคตรเด็ดดดด




6)  น้ำจิ้มแจ่ว
เรื่องมีอยู่ว่า นั่งกินข้าวร้านแรกสั่งอาหารมา ก็มีพวกไก่ย่างอะไรแบบนี้ อยากจะได้น้ำจิ้มแจ่วกัน
เลยถามพี่พนักงานไปว่า มีน้ำจิ้มแจ่วไหม เค้าบอกมี งั้นขอหน่อยค่ะ
รอบแรกได้มาเป็นน้ำจิ้มไก่ แบบน้ำจิ้มไก่แม่ประนอม ก็คุยกันกับเพื่อน หรือเค้าฟังผิดวะ ลองใหม่อีกที

พี่คะมีน้ำจิ้มแจ่วไหม ที่ไม่ใช่น้ำจิ้มไก่แบบนี้อะค่ะ พร้อมหยิบมาให้เค้าดูว่า ไม่ใช่อันนี้นะพี่
แล้วก็บรรยายว่าแบบมีพริกมีข้าวคั่วหรืออะไรประมานนี้อะค่ะ
เค้าบอกอ๋ออ มีๆ รอแปป หายไปแปปนึง เอาออกมาให้...น้ำจิ้มไก่เหมือนเดิม 5555


ไปกินร้านสอง สั่งอีก แล้วขอน้ำจิ้มแจ่ว ได้น้ำจิ้มไก่เหมือนกัน จึงเกิดการถกเถียงกับเพื่อนขึ้นว่า
เห้ย หรือว่าคำว่า แจ่ว มันแปลว่าน้ำจิ้มวะ เพื่อนอีกคนบอกหรือว่าบ้านเค้าน้ำจิ้มแจ่วคือน้ำจิ้มไก่
เพื่อนอีกคนปิดท้ายในความเงียบ " หรือคำว่าแจ่วแปลว่า ไก่" . . . . . . . . .
จ่ะ

เป็นหนึ่งในคำถามที่...สงสัยจนกระทั่งไปคุยกับพี่คนขายร้านส้มตำไก่ย่าง ที่มีร้านเดียวในวังเวียง
ถามเค้าเรื่องน้ำจิ้ม เค้าบอกว่า คนไทยจะกินน้ำจิ้มแจ่วแบบใส่ข้าวคั่ว เค้าก็รู้ แต่เค้าจะไม่มี
ที่เค้าเอามาให้จะเป็นเหมือนกันคืออารมณ์ซอสพริก ไม่ก็น้ำจิ้มไก่ เค้าบอกคนไทยชอบถามหา

แล้วน้ำจิ้มแจ่วเวลาที่นี่ทานกันคือทานยังไงคะ? เค้าบอกจะมีน้ำจิ้ม(ถามเรื่องแจ่วบองด้วยสงสัยว่าไอ้ที่จิ้มกับหมูเรียกไร)
เค้าบอกอันนั้นต้องหมักไว้ 3 เดือน (เหย๊ดดด มันอร่อยมากจริงๆ นะ) แล้วเราก็เลยพยักหน้าหงึกหงักกันไปกับเรื่องน้ำจิ้ม



เรื่องมันมีเยอะแยะ แต่นึกไม่ออก ตอนนี้มีแต่ภาพของกินลอยมา เจ้าของกระทู้หิวมาก
นอนก่อนดีกว่าถ้านึกออกจะบอกต่อละกั๋นนน (ไม่รู้จะนึกออกป่าว)

ปิดท้ายด้วย คลิปสั้นๆ ที่สาระไม่ค่อยมี ฟุตก็น้อยเอาไว้เท่านี้ จ้ะ นะจ๊ะ เท่านี้ค่ะ นะคะ รัก

ส่วนรูปสวยๆ เดี๋ยวตามมาให้ดูเล่นนะตอนว่างๆ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
ลงชื่อ หน่อยคนเดิม เพิ่มเติมคืออยากมีรูปตัวเองในกระทู้บ้าง