เมื่อผมถูกปฏิเสธเดทต่อไปเพราะผมเป็น Graphic Designer

สวัสดีชาว Pantip ทุกๆท่านที่ชื่นชอบเรื่องราวความสัมพันธ์ต่างๆนาๆ และสิ่งน่าสนใจรอบๆกายนะครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ตั้งมาด้วยความสงสัยเล็กๆน้อยๆและเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของผมเองด้วยอารมณ์งงๆ เฮ้!! แบบนี้มีด้วยเหรอ โดนปฏิเสธเดทต่อไปเพราะผมเป็น Graphic Designer ซึ่งไม่ได้เป็นแค่คนเดียวนะครับ แต่ที่จะยกตัวอย่าง ขอยกแค่ 2 คนล่ะกัน เดี๋ยวมันยาว

เวลาเราจะคบกับใครคนนึง ผมมักจะคบกันที่ความเข้าใจล้วนๆ (แต่หน้าตามาเป็นอันดับหนึ่งนะ ต้องหน้าตาดีระดับนึง ไม่ต้องสวยมากเกินก็ได้) ซึ่งเรื่องขอเบอร์ของผม ไม่ค่อยมีปัญหา แม้ว่าจะขอแล้วสาวบางคนไม่ให้ก็ตาม แต่ส่วนใหญ่จะให้ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ "การเดท" นี่แหละครับ เพราะเวลาเดทกัน ต่างคนต่างถามความเป็นตัวของตัวเอง เรียนรู้ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

บอกเลยว่าการหาสาวที่จะเป็นแฟนกันจริงๆช่วงทำงานมันยากมาก อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายก็เป็นด้วย มีเพื่อนอยู่คนนึง (และญาติผู้ใหญ่หลายๆคน) มักแนะนำเสมอว่า ให้ทำงานก่อน แล้วค่อยหาแฟน บอกเลยว่า คือต้องทำงานสายที่เจอผู้คนเยอะๆอ่ะ ถึงจะมีโอกาสเจอคนที่เรารักครับ แต่ของผมเป็นสาย Graphic Designer เป็นงานสายที่ต้องอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เช้ายันเย็น เรื่องเจอผู้คน ตัดทิ้งไปได้เลย แม้แต่ตอนกลางวัน เวลาจะกินข้าวถ้าเป็นยุคที่เรียน ก็จะกินในโรงอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่เพื่อนๆสมัยเรียนจีบเป็นประจำ แต่ยุคทำงานนี่ ร้านแถวๆ Office มันไม่เป็นลักษณะโรงอาหาร ก็จะเจอแต่เพื่อนใน Office กินกันเองทั้งนั้น แล้วจุดพบปะสาวๆที่เหลือล่ะ ก็มีแต่ผับ ไนท์คลับ แนวๆนี้ ซึ่งจุดนี้คือจุดที่ผมมักได้เบอร์เป็นประจำ และสาวที่นี่จัดได้ว่าสวยเอาเรื่อง หมวยๆ อวบๆ เพียบ

เมื่อได้เบอร์มาแล้ว ผมก็โทรหา (บางคนส่งข้อความใน LINE) โทรนัดเดท ครั้งแรกที่ขอเดท ส่วนใหญ่สาวๆไม่ให้ ไม่เป็นไร พอครั้งที่ 3-4 สาวๆจะยอม ก็นัดเดทที่สยามในวันเสาร์ มีร้านน่าเดทเพียบ

คนแรกที่ผมเดท เค้ามาถามผมตอนเดินด้วยกันว่า "ทำอาชีพอะไรเหรอคะ"

"ทำ Graphic Designer ครับ" ผมตอบ "แล้วเธอล่ะ"

"เรียนอยู่เลยค่ะ" เธอพูดกับผม ไม่เป็นไร หน้าตาแบบนี้ถ้าทำงานแล้วผมจะตกใจมาก เพราะหน้าถือว่าอ่อนเยาว์อยู่

"ว่าแล้วเชียว" ผมพูด "ไปหาอะไรกินอร่อยดีกว่า"

และก็เดทต่อไป ขอข้ามไปหลังจากวันเดทวันแรกเลยล่ะกันเพราะมันเป็นคำพูดจีบไปจีบมา ไม่สำคัญเท่าไร ผ่านไป 1 สัปดาห์ ผมชวนเดทกับเธอเป็นครั้งที่สอง ผมโทรไปหาเธอ "ฮัลโหล ไปเดทกันแถวๆตลาดนัด....."

"พี่คะ คือ... เราเป็นเพื่อนกันได้ไหมคะ" เธอถามผมด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจที่จะพูด

"ไม่ได้!!" ผมพูดตรงๆกับเธอ

"ทำไมล่ะคะ" เธอถามผม

"นั่นมันคำต้องห้ามเลยนะ พี่ไม่อยากได้ยิน พี่รู้นะว่าน้องคิดอะไรอยู่" ผมพูดกับเธอตรงๆ

"คือ... ครั้งแรกที่เดทกัน หนูก็รู้ว่าพี่คงไม่เหมาะกับหนูค่ะ" เธอเล่าเหตุผลที่เธอจะคบกับผมเป็นเพื่อนให้ผมฟัง "เพิ่งมารู้จากเพื่อนว่า ถ้าจะมีแฟนกัน อย่าคบกับผู้ชายที่ทำงานด้าน Graphic Designer เด็ดขาด เพราะความสัมพันธ์จะไม่คืบหน้า และสั่นคลอน และอีกอย่าง ดูเหมือนพี่ไม่ค่อยมีรสนิยมการแต่งตัวเลยนะคะ และมือถืออีก ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่เสียใจ"

"เราเดทกันไม่กี่ครั้งเองนะ" ผมพูดกับเธอให้เธอมองเรื่องความสัมพันธ์อีกด้าน "ด่วนสรุปแล้วเหรอ ค่าอาหารที่เดทกัน พี่ก็จ่ายเงินให้นะ"

"ยังไงก็ไม่ค่ะ ขอโทษนะคะ" แล้วเธอก็วางสาย

คนที่สอง

อย่างที่ผมพูด เวลาผมได้เบอร์สาว ผมมักได้เบอร์จากแหล่งบันเทิงหรือที่ๆมีคนเยอะๆ แต่ครั้งนี้ผมเลือกคนรุ่นเดียวกันหน่อย เพราะครั้งแรกเลือกเด็กเที่ยวเลยจะเจอกับผู้หญิงที่มีทัศนคติแบบหรูหรา คนแรกนางมีไอโฟน 6 เลยนะ คนที่สองหน้าตาค่อนข้างดี แต่งตัวโอเค น้ำเสียงไม่เป็นเด็กจนเกินไป (มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนแรก) แต่อายุไล่เลี่ยกันกับผม เหมือนเดิม คือได้เบอร์มาและโทรนัดเดทแล้วเธอก็ปฏิเสธเดทของผมซัก 3-4 รอบ แต่ครั้งที่ 5 เธอตกลงไปเดทกับผมด้วย เดทครั้งแรกแน่นอน ที่สยาม เพราะร้านที่นัดเดทบางร้านราคาไม่โหดจนเกินไป และการเดินทางถือว่าสะดวกมาก อีกอย่าง ที่สยามเป็นที่ที่เดินได้เยอะและหลากหลาย แน่นอน ผมจะชวนเธอไปดูงานศิลปะที่หอศิลป์วัฒนธรรมกรุงเทพด้วย

ดูเหมือนคนที่สองจะดีกว่าคนแรก เพราะเดินเยอะๆแล้วไม่บ่น (ผมชอบเดินครับ)

เมื่อเข้าหอศิลป์แล้ว ขณะที่เดินดูงานศิลปะอยู่ เธอก็ถามคำถามกับผมว่า "ทำงานอะไรเหรอ"

ผมก็ตอบแบบตรงๆ "ทำงานกราฟิคดีไซน์ครับ" คือเรื่องนี้ไม่ควรจะปิดบัง เพราะอาชีพที่ผมทำเป็นอาชีพสุจริต ไม่ได้ค้ายาหรือทำอะไรผิดกฎหมายนี่นา

"อ๋อ" เธออุทานออกมา แต่ผมรู้สึกว่า เธอมองตัวผมแปลกๆ ตั้งแต่หัวยันเท้า ผมเลยบอกไปว่า "เธอมองอะไรเราแบบนั้นล่ะ จะกินเราเหรอ เราไม่อร่อยนะ เอาไปขายราคาตกน่าดู 5555"

"บ้า ไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย" เธอพูด "แล้วชอบอะไรแนวศิลป์ๆเหรอ ถึงพามาดูแบบนี้"

"ว่ากันว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่ซับซ้อน ถ้าจะเข้าใจนิสัยผู้หญิงแบบเจาะลึก ความรู้สึกเหมือนเปิดพจนานุกรมจำนวนกว่าหมื่นหน้า แต่ผู้ชายอย่างเรารับรู้ความรู้สึกของผู้หญิงได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ถ้าให้ผู้หญิงหน้าคมๆอย่างเธอดูงานศิลปะไปด้วยกันกับเรา"

"ว่าแต่งานนี้มันเป็นอะไรเหรอ อะไรยึกยือเต็มไปหมด" เธอถามผม แค่นี้ผมก็มองออกเลยว่า เธอไม่มีอารมณ์ศิลป์เลยซักนิด นี่คือข้อเสียของเธอ แต่ไม่เป็นไร เรายอมรับข้อเสียตรงนี้ได้ เรารักเธอ

"ลองดูใกล้ๆสิ มันเป็นงาน Drawing ใช้ปากกาดำสานเส้นไปเรื่อยๆ เราต้องนับถือศิลปินท่านนี้เลยนะ ที่พยายามเขียนด้วยปากกาและออกมาเป็นภาพที่ใหญ่ขนาดนี้" ผมพูดอธิบายให้เธอฟัง เธอก็พยักหน้าและเดินต่อไป

หลังจากที่ดูงานเสร็จ ผมดูพฤติกรรมเธอแล้ว เธอไม่มีอารมณ์ศิลป์เอาซะเลย อย่างที่บอกตั้งแต่แรก มันเป็นข้อเสียที่ผมรับได้ เพราะผมรักเค้า ผมคิดอยู่แล้วว่า คนนี้ ถ้าดูใจไปเรื่อยๆ โอกาสเป็นแฟนคงไม่ยาก เราจะเป็นแฟนกันได้เพราะเราเข้าใจเค้า แต่ผู้หญิงที่เดทด้วยล่ะ เค้าเข้าใจเราหรือเปล่า

ผ่านไป 1 สัปดาห์ ผมกะจะชวนเธอเดทอีกรอบ ครั้งนี้เป็นที่ทองหล่อ ย่านนี้เป็นย่านที่นัด Hangout แล้วได้บรรยากาศและอารมณ์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นย่านที่รถไม่ได้ติดหนาๆแบบสยาม อีกทั้งมีดนตรีเพราะๆให้ฟังกัน โดยปกติ ก่อนจะออกเดท เงินเดือนของผม ผมจะแบ่งเอาไว้ในส่วนที่ออกเดท เลี้ยงคนที่ไปเดทกับเราด้วย ซึ่งวางแผนมาดีอยู่แล้ว เลยชวนได้ แต่นัดเดทครั้งนี้ มันเป็นอะไรที่โชคดีและโชคร้ายไปในตัว

โชคดีคือ เราได้เก็บเงินในส่วนออกเดท

โชคร้ายล่ะ เราไม่ได้เดทกับเธอครั้งต่อไปครับ

ผมโทรไปหาเธอ "ฮัลโหล คืนนี้ว่างมั้ย ไปเดทกันที่ทองหล่อ"

"ขอโทษนะคะ เราไปกับเธอไม่ได้จริงๆ" เธอพูด "จากเดทครั้งแรก ดูเหมือนเราเข้ากันไม่ได้ เธอออกแนวอาร์ท อินดี้เกินไป เราเข้าใจตัวเธอยาก"

"ไม่เอาน่า อย่าปฏิเสธเพราะเรื่องไม่เข้าใจกันแบบนี้เลย เราแค่เดทครั้งเดียวเองนะ" ผมพูดกับเธอ "เรามีเดทอีกตั้งเยอะที่จะศึกษาดูใจกันอีก"

"ไม่เอาแล้วค่ะ" เธอพูด "เรารู้สึกว่า เรา... ไม่ได้ชอบผู้ชายค่ะ"

"เธอชอบทอมเหรอ" ผมถามเธอ

"ใช่แล้วค่ะ" เธอตอบ "รู้สึกว่า คบกับทอมแล้วมันใช่กว่าคบกับเธออีก มันสบายใจกว่าเยอะ"

แล้วเธอก็วางสาย เหมือนเธออยู่กับทอมรึไงไม่ทราบ

ไม่รู้ว่าผู้หญิงสมัยนี้เค้าชอบผู้ชายที่ตรงไหนกัน ความรักนอกจากจะเกิดจากการให้ซึ่งกันและกันแล้ว ยังเกิดจากการยอมรับข้อเสียของคนๆนั้นด้วย งานกราฟิคดีไซน์ อาจจะไม่มีเวลาให้แฟน แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาขนาดไม่มีเวลาทุกๆเรื่อง ผมงงมากครับ น่าจะมีแฟนตั้งแต่ยุคเรียนมหาวิทยาลัย

ทำไมถึงอยากมีแฟนเหรอ จริงๆไม่ได้อยากมีจนตัวสั่น แต่เหตุมันเกิดจากการปิ๊งและความรู้สึกที่คิดว่า คนนี้ เป็นแฟนกันคงทำให้หัวใจเราสดใสเหมือนเป็นเพื่อนที่จะอยู่เคียงข้างตลอดไป ความรู้สึกคือ "เฮ้ย คนนี้ใช่" เพื่อนๆเหรอ เหอะ!!! มีแฟนกันหมดแล้ว อย่าไปพูดถึงเลย เพื่อนที่ทำงานติดแฟนอย่างกะอะไร และเพื่อนที่ทำงานก็ไม่ได้แชร์วิธีมีแฟนให้เรารู้ด้วยว่า มียังไง เลยหาเอง เอาประสบการณ์ล้วนๆ ส่วนเพื่อนที่เรียนอยู่ บางคนมีลูกกันแล้ว ไม่ต้องไปพูดถึง Meeting รวมรุ่นวันๆพูดแต่กับเรื่องทำงานที่ไหน มีแฟนรึยัง มีลูกรึยังแนวๆนี้

จริงๆคือ เรื่องบางเรื่องเราคุยกับแฟนแล้วรู้สึกดี ซึ่งเรื่องที่ว่าถ้าเอาไปคุยกับเพื่อนจะโดนตอบกลับด้วยอารมณ์กวนๆ หรือคุยกับพ่อแม่ คนอื่นแล้วรู้สึกไม่ค่อยอยากจะคุยซักเท่าไร ไม่ได้คบเพราะอยากจะอวดแฟนอะไรยังงี้ อยากมีเพื่อนทางใจที่จะเดินทางชีวิตไปด้วยกันกับเราตลอดไปมากกว่า เพราะเราก็วัยทำงานแล้ว

แต่ผมเชื่ออยู่อย่างนึง "สักวันต้องมีคนที่ยอมรับข้อเสียของเราได้และเค้ารักเรา นั่นแหละ แฟนเราจริงๆ"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่