- Day 1 : Kinosaki - แช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะ -
http://ppantip.com/topic/34196389
- Day 2 : Izushi - เสาโทริ & เส้นโซบะ -
http://ppantip.com/topic/34198470
- Day 3 : Kobe - มีอะไรมากกว่าเเค่สเต็ก -
http://ppantip.com/topic/34201976
- Day 4 : Osaka - พุงป่อง กระเป๋าเเฟ่บ -
http://ppantip.com/topic/34214910
- Day 5 : Kyoto - ย้อนเวลาในชุด กิโมโน -
http://ppantip.com/topic/34227536
ตื่นเช้ามาวันนี้ สิ่งที่เรารอคอยคือ "อาหารเช้า" โดยเฉพาะอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นเนี่ย ไม่ได้จะได้กินบ่อยๆ นอนตามโรงแรม ประเทศไหนๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารตะวันตก American breakfast แต่ถ้ามานอนเรียวกัง เค้าก็จะมีคนมาตั้งโต๊ะ เสริฟอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นกันถึงห้องเลยทีเดียว
อาหารเช้าที่ Sinonomesou
หน้าตาอาหาร มันก็ช่างน่ารัก กระจุ๋ม กระจิ๋ม มีนู่นนิด นี่หน่อย ได้ลองกินหลายอย่าง ไม่น่าเบื่อดี (แต่ไม่อิ่มนี่อะสิ) ไม่เป็นไร เดี๋ยวออกไปหากินเอาข้างนอก ต่อ
มองออกไปนอกหน้าต่าง ก็ต้องตื่นเต้นยกใหญ่ เพราะหิมะยังตกอยู่ แถมตกหนักกว่าเดิมอีก ตามปกติแล้วโอกาสที่หิมะจะตกในเมืองนี้น้อยมาก ตกแค่ไม่กี่วันใน 1 ปี เรามาถึงปุ๊บก็ตกเลย เรียกได้ว่าเทพเจ้าแห่งการท่องเที่ยวอยู่ข้างเราจริงๆ
หิมะที่ตกลงมาเป็นเม็ดกลมๆ อีกด้วย เรากะคุณแฟนเลยรีบออกไปเล่นหิมะ และก็ถ่ายรูป แถวศาลเจ้าที่เดินผ่านเมื่อคืนนี้กันแต่เช้า
หิมะกลมๆ
ศาลเจ้า Shishojinja
ถ่ายไปสักพัก จากตื่นเต้น เริ่มเข้าสู่โหมดทรมาน เพราะหิมะเริ่มตกหนักขึ้น รองเท้าที่ใส่กันมาก็ไม่ได้เตรียมมาสำหรับลุยหิมะ ด้วยสิ น้ำหิมะที่ละลายก็ไหลเข้าไป ทำให้เท้าเปียก
"คุณแฟน เค้าไม่ไหวละ ต้องหาซื้อรองเท้าใหม่ มันเปียก หนาวเท้ามาก เท้าแข็งละ"
"โอเค งั้นเดินกลับเข้าเมือง ไปหาซื้อรองเท้ากัน"
"แห่
ได้คู่ใหม่ละ" (คิดในใจ)
สถานี Kinosaki (โปรดสังเกตรองเท้าคู่ใหม่ เป็นรองเท้ายาง กันไม่ให้น้ำจากหิมะที่ละลายเข้าไปได้)
เมื่อเท้าอบอุ่น เราก็พร้อมออกเดินทางตามแพลนที่วางไว้ ไปซื้อตั๋วรถบัส แบบ One Day Pass ของรถบัสชื่อ Zentan ที่ Tourist Information ตรงสถานี เพื่อไปยังเมือง Izushi จริงๆเราสามารถขึ้นบัสจาก Kinosaki ไปได้เลย แต่เพื่อประหยัดเวลา เราเลือกที่จะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Toyooka ก่อน แล้วค่อนต่อรถบัสจากตรงนั้น จะใกล้กว่า
จาก Toyooka นั่งรถบัสไป 20 นาที ก็ถึง Isuzhi ไปถึงที่นั่นก็เดินหาที่ขึ้นรถบัส เถียงกันไป เถียงกันมา ว่าทางซ้ายหรือขวากันแน่ สรุปไปรอผิดด้าน โชคดีที่แฟนเราเดินไปถามคนญี่ปุ่นแถวนั้น เลยรู้ว่ามารอผิดที่ วิ่งงงง ไปอีกฝั่งของสถานี รถบัสมาพอดี เกือบไม่ทัน (สรุปออกมาตรงช่องสแกนตั๋ว แล้วต้องเลี้ยวขวานะ)
หิมะที่เกาะตามพุ่มไม้ หน้าสถานี Tooyoka
มาถึง รถบัสจะมาจอดใกล้ๆ supermarket สีเหลืองๆนี้ แล้วเราก็เดินเข้าเมืองกัน (เดินตามๆ เค้าไป)
Supermarket คือป้ายสีเหลืองแดง นี่แหละ
ระหว่างทาง อย่าลืมก้มมองพื้นด้วยนะ....ฝาท่อที่นี่สวยมากกกก
ที่แรกที่เราจะไปกันคือ Izushi castle ปราสาทเล็กๆตั้งอยู่ใจกลางเมืองนี้ ทางเข้าปราสาทจะมีสะพานให้ข้าม
รูปถ่ายจากสะพานข้ามปราสาท มองไปจะเห็นสะพานเล็กๆอีกอันนึง
เอาหละ จุดนี้เองคือ Sweet Gimmick เคล็ดลับเพิ่มความเลี่ยน ของเมืองนี้ นั่นก็คือสะพานหน้าปราสาทนี่แหละ เพราะเป็นจุดที่ถ่ายรูปออกมาสวย แถมมีความหมายเป็นนัยยะแฝง ประมาณว่า เราจะข้ามฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน (อะไร ประมาณนั้น นี่แค่ข้ามสะพานนะ คิดไปไกลซะ)
"เราจะข้ามผ่านอุปสรรคไปด้วยกันนะ"
หลังจากถ่ายรูป Pre Pre-Wedding (555 หรือ พรี ฮันนีมูนดี) เสร็จ และยืนชื่นชมวิวกันสองคน บนสะพานจนเต็มอิ่ม เราก็เข้าไปบริเวณสวนหน้าปราสาท มองไม่ออกว่ามีต้นไม้อะไรบ้าง เพราะโดนหิมะคลุมจนขาวโพลนไปหมด
สวนบริเวณหน้าปราสาท
ปราสาทที่นี่หลงเหลืออยู่แค่กำแพง กับป้อมเล็กๆ 2-3 อัน แต่ที่ ที่นี่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเราะด้านข้างปราสาทจะมีศาลเจ้า Izushi อยู่ อันนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด
ข้างหลังคือป้อมปราสาท
ศาลเจ้าแห่งนี้มีเสาโทริ สีแดงเรียงรายตลอดทาง เหมือนกับที่ ฟูชิมิอินาริ ในเกียวโตเลย
เสาโทริสีแดง ตัดกับหิมะสีขาว ถ่ายรูปออกมาสวยมาก
เสาโทริ
สักรูปก่อนเดินขึ้นเขา
เดินขึ้นเขา ลอดเสาเหล่านี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอศาลเจ้าอยู่ด้านบนสุด
ไม่นานก็ถึง แต่ระหว่างทางก็มีเรื่องระทึกตลอด เพราะหิมะที่เกาะอยู่บนต้นไม้ จะร่วงลงมาเป็นระยะๆ ถ้าโชคร้ายโดนเข้าไปนี่คงเหมือนไปตกถังน้ำแข็งกันมาเลยทีเดียว
ถึงหน้าศาลเจ้าและ ต้องเอาฮูดคลุมหัว กันหิมะตลอดทาง
ขนาดเทพจิ้งจอก ยังโดนหิมะตกใส่หัวเลย (แต่ก็เท่ห์ดีนะ)
เดินเล่นชมศาลเจ้าเสร็จก็เดินลงมา ตามเสาโทริมาเรื่อยๆ ก็จะมาโผล่ตรงสะพานสีแดงๆ ที่เราเห็น ตอนมองจากบนสะพานอันแรก
ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นย่านร้านอาหาร และร้านค้าของเมือง Izushi
แผนที่เมืองนี้
สัญลักษณ์อีกอย่างที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านร้านค้าของที่นี่ก็คือ หอนาฬิกาโบราณของ Izushi
หอนาฬิกาโบราณ
ส่วนของขึ้นชื่อของที่นี่ที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด คือ โซบะ ในเมืองไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะเห็นร้านโซบะเต็มไปหมด เอกลักษณ์ของโซบะที่นี่คือจะเสิร์ฟใส่จานเล็กๆมาให้ ใน1เซ็ตจะมีประมาณ 5 จาน แล้วเค้าก็จะให้ซอสกับเครื่องปรุ่งเรามาเทใส่ถ้วยเอง เครื่องปรุงหลักๆก็จะเป็นไข่ ต้นหอมญี่ปุ่น หัวไชเท้าขูด และวาซาบิ เอามาคนๆรวมกัน จุ่มโซบะลงไป แล้วก็ ซู๊ดดดดดด คล่องคอสุดๆ แป๊บเดียว 5 จาน หายไปในพริบตา
ร้านที่เราไปกินชื่อร้าน Kogetsudo เราเลือกร้านนี้เพราะวิวสวย นั่งที่ชั้นสองสามารถมองเห็นหอนาฬิกาโบราณได้อย่างใกล้ชิด รสชาติเส้นโซบะของที่นี่ หอมมาก และมีความเหนียวเล็กน้อย อร่อยกว่าที่เคยกินตามร้านทั่วๆไปแน่นอน ห้ามพลาด
Izushi โซบะ
ท้องอิ่ม ก็พร้อมเดินต่อ ดูร้านรวงที่ขายของที่ระลึกไปเรื่อยๆ
ส่วนใหญ่ก็จะขายเส้นโซบะสำเร็จรูป ที่สามารถซื้อกลับไปต้มเองที่บ้านได้ แล้วก็ร้านขายขนมน่ารัก น่ากินเต็มไปหมด
ภาพสุดท้ายก่อน Bye bye Izushi
กลับมาที่ Kinosaki อีกครั้ง
ช่วงที่เราอยู่ Izushi หิมะไม่ตกเลย มีแต่ที่กองๆอยู่ที่พื้น แต่พอกลับไปถึงที่ Kinosaki หิมะยังตกหนักเหมือนตอนเราออกมาอยู่ เราเลยต้องกางร่ม เพราะกลัวจะไม่สบายไปซะก่อน นี่พึ่งวันที่ 2 เองด้วย
"Reflection" เห็นเราสองคนมั้ย
หิมะที่ตกลงมายิ่งทำให้เมืองเล็กๆนี้ ดูมีเสน่ห์น่าหลงไหลมากขึ้น
จุดที่คนมาถ่ายรูปมากที่สุดคือบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ Otanigawa
มุมเด็ด
มาถึงช่วง Sweet Gimmick เคล็ดลับเพิ่มความสวีทกันอีกแล้ววว เคล็ดลับเพิ่มความหวานนี้ คิดได้ตอนกางร่มนี่แหละ เพราะเคยเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่น เวลาคู่ที่เป็นแฟนกันเค้าจะวาดรูป ส่วนใหญ่ก็วาดบนโต๊ะเรียน (เหมือนเด็กไทยเลยเนอะ) หรือบนกำแพง โดยวาดเป็นรูปร่ม แล้วก็เขียนชื่อของ 2 คนไว้ใต้ร่มเดียวกัน
Credit ภาจ จากเว็บ japan-cc.com
เป็นสัญลักษณ์อารมณ์แบบว่า เราเป็นแฟนกันนะ ที่ญี่ปุ่นจะเรียกสัญลักษณ์อันนี้ว่า Ai-Ai gasa แปลเป็นอังกฤษแบบตรงๆ ก็คือ Love-Love Umbrella เราก็ทำบ้างงง
Love-Love Umbrella
ไม่ทันไรก็ถึงเวลาอาหารเย็นอีกแล้วว... เย็นนี้เราจะพาไปกินร้านดังในเมือง Kinosaki ชื่อร้าน Honten เป็นร้านที่เน้นขายพวกข้าวหน้าปลาดิบโดยเฉพาะ เมนูที่เราสั่งก็คือเมนูหน้าปลาดิบรวม จานใหญ่มาก
ปลาสดมาก เพราะข้างล่างของร้านนี้เป็นร้านขายปลา และก็เปิดขายอาหารกันบนชั้น 2 จึงไม่ต้องกังลวเรื่องความสดใหม่ของวัตถุดิบ
กินเสร็จก็กางร่มกลับ รร พักผ่อน ...
เดินผ่านร้านนี้ สงสารเจ้าปูตัวนี้มาก ตากหิมะทั้งคืน หนาวแย่
ตามพื้นมีท่อน้ำเล็กๆ ฉีดน้ำออกมาเพื่อช่วยละลายหิมะ
กลางร่มกันหิมะ
ต้นไทรตลอดสองข้างทาง
ระหว่างทางในเมืองนี้ จะมีบ่อสำหรับแช่เท้า ให้แช่ฟรีอยู่หลายจุด ใครเดินไม่ไหวอยากนั่งพัก ก็สามารถมานั่งแช่เท้าได้ สบายสุดๆ
กลับถึง รร เราก็มาแช่ออนเซ็นใน รร เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะบอกลา Kinosaki วันพรุ่งนี้
Good Night
พรุ่งนี้เจอกันใหม่ เราจะไป Kobe กัน!
ติมตามพวกเราได้ที่
http://www.2roamwithlove.com/
หรือมาlike ในเฟสกันเยอะๆนะคะ
www.facebook.com/2roamwithlove
[CR] รีวิวเที่ยวฉบับคู่รัก - Winter in Kansai - Day2: Izushi เสาโทริ & เส้นโซบะ
- Day 1 : Kinosaki - แช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะ - http://ppantip.com/topic/34196389
- Day 2 : Izushi - เสาโทริ & เส้นโซบะ - http://ppantip.com/topic/34198470
- Day 3 : Kobe - มีอะไรมากกว่าเเค่สเต็ก - http://ppantip.com/topic/34201976
- Day 4 : Osaka - พุงป่อง กระเป๋าเเฟ่บ - http://ppantip.com/topic/34214910
- Day 5 : Kyoto - ย้อนเวลาในชุด กิโมโน - http://ppantip.com/topic/34227536
ตื่นเช้ามาวันนี้ สิ่งที่เรารอคอยคือ "อาหารเช้า" โดยเฉพาะอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นเนี่ย ไม่ได้จะได้กินบ่อยๆ นอนตามโรงแรม ประเทศไหนๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารตะวันตก American breakfast แต่ถ้ามานอนเรียวกัง เค้าก็จะมีคนมาตั้งโต๊ะ เสริฟอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นกันถึงห้องเลยทีเดียว
หน้าตาอาหาร มันก็ช่างน่ารัก กระจุ๋ม กระจิ๋ม มีนู่นนิด นี่หน่อย ได้ลองกินหลายอย่าง ไม่น่าเบื่อดี (แต่ไม่อิ่มนี่อะสิ) ไม่เป็นไร เดี๋ยวออกไปหากินเอาข้างนอก ต่อ
มองออกไปนอกหน้าต่าง ก็ต้องตื่นเต้นยกใหญ่ เพราะหิมะยังตกอยู่ แถมตกหนักกว่าเดิมอีก ตามปกติแล้วโอกาสที่หิมะจะตกในเมืองนี้น้อยมาก ตกแค่ไม่กี่วันใน 1 ปี เรามาถึงปุ๊บก็ตกเลย เรียกได้ว่าเทพเจ้าแห่งการท่องเที่ยวอยู่ข้างเราจริงๆ
หิมะที่ตกลงมาเป็นเม็ดกลมๆ อีกด้วย เรากะคุณแฟนเลยรีบออกไปเล่นหิมะ และก็ถ่ายรูป แถวศาลเจ้าที่เดินผ่านเมื่อคืนนี้กันแต่เช้า
หิมะกลมๆ
ศาลเจ้า Shishojinja
ถ่ายไปสักพัก จากตื่นเต้น เริ่มเข้าสู่โหมดทรมาน เพราะหิมะเริ่มตกหนักขึ้น รองเท้าที่ใส่กันมาก็ไม่ได้เตรียมมาสำหรับลุยหิมะ ด้วยสิ น้ำหิมะที่ละลายก็ไหลเข้าไป ทำให้เท้าเปียก
"คุณแฟน เค้าไม่ไหวละ ต้องหาซื้อรองเท้าใหม่ มันเปียก หนาวเท้ามาก เท้าแข็งละ"
"โอเค งั้นเดินกลับเข้าเมือง ไปหาซื้อรองเท้ากัน"
"แห่ ได้คู่ใหม่ละ" (คิดในใจ)
เมื่อเท้าอบอุ่น เราก็พร้อมออกเดินทางตามแพลนที่วางไว้ ไปซื้อตั๋วรถบัส แบบ One Day Pass ของรถบัสชื่อ Zentan ที่ Tourist Information ตรงสถานี เพื่อไปยังเมือง Izushi จริงๆเราสามารถขึ้นบัสจาก Kinosaki ไปได้เลย แต่เพื่อประหยัดเวลา เราเลือกที่จะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Toyooka ก่อน แล้วค่อนต่อรถบัสจากตรงนั้น จะใกล้กว่า
จาก Toyooka นั่งรถบัสไป 20 นาที ก็ถึง Isuzhi ไปถึงที่นั่นก็เดินหาที่ขึ้นรถบัส เถียงกันไป เถียงกันมา ว่าทางซ้ายหรือขวากันแน่ สรุปไปรอผิดด้าน โชคดีที่แฟนเราเดินไปถามคนญี่ปุ่นแถวนั้น เลยรู้ว่ามารอผิดที่ วิ่งงงง ไปอีกฝั่งของสถานี รถบัสมาพอดี เกือบไม่ทัน (สรุปออกมาตรงช่องสแกนตั๋ว แล้วต้องเลี้ยวขวานะ)
มาถึง รถบัสจะมาจอดใกล้ๆ supermarket สีเหลืองๆนี้ แล้วเราก็เดินเข้าเมืองกัน (เดินตามๆ เค้าไป)
ระหว่างทาง อย่าลืมก้มมองพื้นด้วยนะ....ฝาท่อที่นี่สวยมากกกก
ที่แรกที่เราจะไปกันคือ Izushi castle ปราสาทเล็กๆตั้งอยู่ใจกลางเมืองนี้ ทางเข้าปราสาทจะมีสะพานให้ข้าม
เอาหละ จุดนี้เองคือ Sweet Gimmick เคล็ดลับเพิ่มความเลี่ยน ของเมืองนี้ นั่นก็คือสะพานหน้าปราสาทนี่แหละ เพราะเป็นจุดที่ถ่ายรูปออกมาสวย แถมมีความหมายเป็นนัยยะแฝง ประมาณว่า เราจะข้ามฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน (อะไร ประมาณนั้น นี่แค่ข้ามสะพานนะ คิดไปไกลซะ)
"เราจะข้ามผ่านอุปสรรคไปด้วยกันนะ"
หลังจากถ่ายรูป Pre Pre-Wedding (555 หรือ พรี ฮันนีมูนดี) เสร็จ และยืนชื่นชมวิวกันสองคน บนสะพานจนเต็มอิ่ม เราก็เข้าไปบริเวณสวนหน้าปราสาท มองไม่ออกว่ามีต้นไม้อะไรบ้าง เพราะโดนหิมะคลุมจนขาวโพลนไปหมด
ปราสาทที่นี่หลงเหลืออยู่แค่กำแพง กับป้อมเล็กๆ 2-3 อัน แต่ที่ ที่นี่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเราะด้านข้างปราสาทจะมีศาลเจ้า Izushi อยู่ อันนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด
ข้างหลังคือป้อมปราสาท
ศาลเจ้าแห่งนี้มีเสาโทริ สีแดงเรียงรายตลอดทาง เหมือนกับที่ ฟูชิมิอินาริ ในเกียวโตเลย
เสาโทริสีแดง ตัดกับหิมะสีขาว ถ่ายรูปออกมาสวยมาก
เสาโทริ
เดินขึ้นเขา ลอดเสาเหล่านี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอศาลเจ้าอยู่ด้านบนสุด
ไม่นานก็ถึง แต่ระหว่างทางก็มีเรื่องระทึกตลอด เพราะหิมะที่เกาะอยู่บนต้นไม้ จะร่วงลงมาเป็นระยะๆ ถ้าโชคร้ายโดนเข้าไปนี่คงเหมือนไปตกถังน้ำแข็งกันมาเลยทีเดียว
ถึงหน้าศาลเจ้าและ ต้องเอาฮูดคลุมหัว กันหิมะตลอดทาง
ขนาดเทพจิ้งจอก ยังโดนหิมะตกใส่หัวเลย (แต่ก็เท่ห์ดีนะ)
เดินเล่นชมศาลเจ้าเสร็จก็เดินลงมา ตามเสาโทริมาเรื่อยๆ ก็จะมาโผล่ตรงสะพานสีแดงๆ ที่เราเห็น ตอนมองจากบนสะพานอันแรก
ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นย่านร้านอาหาร และร้านค้าของเมือง Izushi
สัญลักษณ์อีกอย่างที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านร้านค้าของที่นี่ก็คือ หอนาฬิกาโบราณของ Izushi
หอนาฬิกาโบราณ
ส่วนของขึ้นชื่อของที่นี่ที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด คือ โซบะ ในเมืองไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะเห็นร้านโซบะเต็มไปหมด เอกลักษณ์ของโซบะที่นี่คือจะเสิร์ฟใส่จานเล็กๆมาให้ ใน1เซ็ตจะมีประมาณ 5 จาน แล้วเค้าก็จะให้ซอสกับเครื่องปรุ่งเรามาเทใส่ถ้วยเอง เครื่องปรุงหลักๆก็จะเป็นไข่ ต้นหอมญี่ปุ่น หัวไชเท้าขูด และวาซาบิ เอามาคนๆรวมกัน จุ่มโซบะลงไป แล้วก็ ซู๊ดดดดดด คล่องคอสุดๆ แป๊บเดียว 5 จาน หายไปในพริบตา
ร้านที่เราไปกินชื่อร้าน Kogetsudo เราเลือกร้านนี้เพราะวิวสวย นั่งที่ชั้นสองสามารถมองเห็นหอนาฬิกาโบราณได้อย่างใกล้ชิด รสชาติเส้นโซบะของที่นี่ หอมมาก และมีความเหนียวเล็กน้อย อร่อยกว่าที่เคยกินตามร้านทั่วๆไปแน่นอน ห้ามพลาด
ท้องอิ่ม ก็พร้อมเดินต่อ ดูร้านรวงที่ขายของที่ระลึกไปเรื่อยๆ
ส่วนใหญ่ก็จะขายเส้นโซบะสำเร็จรูป ที่สามารถซื้อกลับไปต้มเองที่บ้านได้ แล้วก็ร้านขายขนมน่ารัก น่ากินเต็มไปหมด
ภาพสุดท้ายก่อน Bye bye Izushi
กลับมาที่ Kinosaki อีกครั้ง
ช่วงที่เราอยู่ Izushi หิมะไม่ตกเลย มีแต่ที่กองๆอยู่ที่พื้น แต่พอกลับไปถึงที่ Kinosaki หิมะยังตกหนักเหมือนตอนเราออกมาอยู่ เราเลยต้องกางร่ม เพราะกลัวจะไม่สบายไปซะก่อน นี่พึ่งวันที่ 2 เองด้วย
"Reflection" เห็นเราสองคนมั้ย
หิมะที่ตกลงมายิ่งทำให้เมืองเล็กๆนี้ ดูมีเสน่ห์น่าหลงไหลมากขึ้น
จุดที่คนมาถ่ายรูปมากที่สุดคือบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ Otanigawa
มาถึงช่วง Sweet Gimmick เคล็ดลับเพิ่มความสวีทกันอีกแล้ววว เคล็ดลับเพิ่มความหวานนี้ คิดได้ตอนกางร่มนี่แหละ เพราะเคยเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่น เวลาคู่ที่เป็นแฟนกันเค้าจะวาดรูป ส่วนใหญ่ก็วาดบนโต๊ะเรียน (เหมือนเด็กไทยเลยเนอะ) หรือบนกำแพง โดยวาดเป็นรูปร่ม แล้วก็เขียนชื่อของ 2 คนไว้ใต้ร่มเดียวกัน
Credit ภาจ จากเว็บ japan-cc.com
เป็นสัญลักษณ์อารมณ์แบบว่า เราเป็นแฟนกันนะ ที่ญี่ปุ่นจะเรียกสัญลักษณ์อันนี้ว่า Ai-Ai gasa แปลเป็นอังกฤษแบบตรงๆ ก็คือ Love-Love Umbrella เราก็ทำบ้างงง
ไม่ทันไรก็ถึงเวลาอาหารเย็นอีกแล้วว... เย็นนี้เราจะพาไปกินร้านดังในเมือง Kinosaki ชื่อร้าน Honten เป็นร้านที่เน้นขายพวกข้าวหน้าปลาดิบโดยเฉพาะ เมนูที่เราสั่งก็คือเมนูหน้าปลาดิบรวม จานใหญ่มาก
ปลาสดมาก เพราะข้างล่างของร้านนี้เป็นร้านขายปลา และก็เปิดขายอาหารกันบนชั้น 2 จึงไม่ต้องกังลวเรื่องความสดใหม่ของวัตถุดิบ
กินเสร็จก็กางร่มกลับ รร พักผ่อน ...
เดินผ่านร้านนี้ สงสารเจ้าปูตัวนี้มาก ตากหิมะทั้งคืน หนาวแย่
ตามพื้นมีท่อน้ำเล็กๆ ฉีดน้ำออกมาเพื่อช่วยละลายหิมะ
ต้นไทรตลอดสองข้างทาง
ระหว่างทางในเมืองนี้ จะมีบ่อสำหรับแช่เท้า ให้แช่ฟรีอยู่หลายจุด ใครเดินไม่ไหวอยากนั่งพัก ก็สามารถมานั่งแช่เท้าได้ สบายสุดๆ
กลับถึง รร เราก็มาแช่ออนเซ็นใน รร เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะบอกลา Kinosaki วันพรุ่งนี้
Good Night
พรุ่งนี้เจอกันใหม่ เราจะไป Kobe กัน!
ติมตามพวกเราได้ที่
http://www.2roamwithlove.com/
หรือมาlike ในเฟสกันเยอะๆนะคะ
www.facebook.com/2roamwithlove
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น