ใครว่าไปญี่ปุ่นต้องแพง เดี๋ยวนี้มีเงิน 10,000 บาทก็ไปญี่ปุ่น(โอซาก้า)ได้แล้ว

หากถูกใจกระทู้นี้กดโหวตให้เก๊าด้วยน้าาาาาาาาาาาาาาาา ^_____^

กระทู้นี้ เจ้าของกระทู้ตั้งใจเขียนให้ผู้มีความฝันอยากไปสัมผัสญี่ปุ่นสักครั้ง ในราคาที่เอื้อมถึงได้  ใครทราบวิธีการแล้วก็ปล่อยผ่านไปนะคะ
คนที่เค้ายังไม่รู้ยังมีอีกมากมาย ขอแชร์ประสบการณ์ให้คนที่อยากไป แต่ไม่รู้แนวทางนะคะ
โดยในกระทู้ จะรวมทุกอย่างไว้ให้ละเอียดที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ตั๋ว ที่พัก การเดินทาง อาหารการกิน ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดว่าทำอย่างไร
มีเงิน 10,000 บาท ถึงจะไปเที่ยวไกล ถึงญี่ปุ่นได้ 2 วัน 2 คืน เต็มๆ

สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ โดยประมาณนะคะ
1. ตั๋วเครื่องบิน ไป - กลับ ราคา 3,500 บาท
2. ที่พัก 2 คืน ราคา 2,750 บาท หาร 2 (คนละครึ่งกับแฟน) ราคา 1,375 บาท
3. ค่าบัตร Osaka Pass ราคา 1,200 บาท
4. ค่ารถไฟเข้าเมือง 920 เยน 276 บาท
4. ค่าบัตร Kansai Thru Pass ราคา 780 บาท
5. ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ เสียแค่ 2 ที่ รวมแล้ว 300 บาท
6. ค่าเช่า Pocket Wifi 3 วันราคา 600 บาท หาร 2 เหลือคนละ 300 บาท
7. ค่ากินหมดไปคร่าวๆ ประมาณ 3,000 บาท
รวมทั้งทริป หมดไป 10,731 บาท

          1. ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ 3,500 บาท (จองถูกแต่ไม่ใช่แบบข้ามปีนะคะ จองแล้วเดินทางได้เลย)
วันที่จองคือกลางเดือน มิถุนายน 58 ส่วนวันเดินทางคือ 26 – 29 สิงหาคม 58
เรียกว่าไม่ต้องรอกันนาน จริงๆจองเดือน มิถุนายน สามารถเดินทางในเดือนมิถุนายนได้เลยจนถึงสิ้นเดือนสิงหาแบบไม่ต้องรอเลยก็ได้นะ แต่พอดี จขกท.ไม่ว่าง ก็เลยเลือกซะปลายเดือน สิงหาคมเลยค่ะ
อาล่ะเฮ่ !!!!! การจองตั๋ว เครื่องบิน แบบ ไป- กลับ ในราคารวมทั้งสิ้น 3,500 บาท  เป็นการจองโดยใช้ เงิน + แต้ม 500 แต้มAirasia  Big Loyalty Program แลก ในช่วงที่มีโปรโมชั่นให้ใช้แต้มแลกได้ โดย จขกท.จะคอยติดตาม เพจ Arpae.com เพื่อคอยดูว่าช่วงไหนมีโปรโมชั่นบ้าง การสะสมแต้มง่ายมากนะคะ ไม่ต้องบิน ก็สะสมได้จ้า
(สำหรับท่านที่อยากทราบวิธีการสะสมแต้มโดยไม่ต้องบินสะสมแต้มทำอย่างไร และวิธีการเป็นสมาชิก Airasia Big Loyalty Program นี้ ทำอย่างไร ใช้อย่างไร แลกอย่างไร เพื่อจะได้ตั๋วเครื่องบินราคาที่แสนถูกนี้ จะเขียนบอกในกระทู้หน้านะคะ มันยาว 5555)


2. พาสปอร์ต อันนี้คงแทบไม่ต้องบอกเนอะสำคัญมาก ไม่มีคงไปม่ายร่ายยยยย ดูวันหมดอายุก่อนไปกันด้วยน้า



3. จองที่พัก ราคา คืนละ 1,350 บาท (ที่พักห้องเดี่ยว มีห้องน้ำในตัวนะคะ ไม่ได้นอนแบบแชร์กับคนอื่น หรือแชร์ห้องน้ำ และไม่มีการต้องนอนสนามบินแต่อย่างใดค่ะ)
ในส่วนของที่พักจองถูกกว่านี้ยังได้เลยแบบคืนละ 300 บาทยังมีเลย งบถูกลงไปอีก แต่เป็นแบบนอนแคปซูลห้องน้ำรวม จขกท.ขอห้องเดี่ยว มีห้องน้ำในตัว ถูกที่สุดก็ได้ราคานี้มาค่ะ
จองที่พัก จขกท.ใช้บริการของเว็บ Booking.com  เนื่องจากราคาโดนใจ ที่สำคัญคือเรายังไม่ต้องจ่ายเงินเลย ไปจ่ายเงินสดวันที่ไปCheck-in ที่โรงแรมได้เลย  ราคาจะขึ้นๆลงๆอยู่กับค่าเงินในแต่ละวันค่ะ โรงแรมที่ได้ชื่อ For Leaves Inn Uehonmachi อยู่ย่านนัมบะค่ะ ไม่ไกลจากย่าน Dotonbori  หรือแถวๆกูลิโกะแมนนั่นเอง ของ จขกท. จบ 2 คืน ที่ราคา 2,705 บาท



4. ซื้อบัตรผ่านรถไฟตั้งแต่ในประเทศไทยไปให้เรียบร้อยเลยค่ะ หรือใครไม่สะดวกก็ไปซื้อที่สนามบินได้เลย จขกท.ซื้อบัตรผ่าน 2 ชนิด
- Kansai Thru Pass 2 day ในราคา 1,200 บาท (สามารถใช้ขึ้นรถเมล์ในเกียวโตฟรีเกือบทุกสายค่ะ)
- Osaka Amazing Pass 1 Day ในราคา 780 บาท ( ซื้อเพราะมันฟรีค่าเข้าสถานที่ต่างๆด้วย ซึ่งคุ้มค่ะ เพราะเข้าไป 3 ที่ก็ได้ราคาตามบัตรแล้ว ใครเที่ยวมากกว่านี้ก็เกินคุ้มเลยค่ะ)

สถานที่ซื้อบัตร : - Kansai Thru Pass ซื้อที่บริษัท Wendy Tour สำนักงานตั้งอยู่ที่ โรงแรมสยามแอดสยาม ชั้น 9 เค้ามีบริการจัดส่งทาง ปณ.ด้วยนะคะ แต่ก็ควรจะโทรสั่งอย่างน้อยซัก 5 วัน เผื่อๆเรื่องการขนส่งเนอะ

                      - Osaka Amazing Pass ต้องไปซื้อที่ บริษัท JTB Thailand ห้างดิเอ็มควอเทียร์ ชั้น 4 ค่ะ



5. Pocket Wifi 3 วัน 600 บาท
เพื่อให้มี Internet ใช้ทั้งวันเราจึงควร เช่า Pocket Wifi ไปด้วย จขกท.เลือกเช่าในประเทศไทย ทำให้เรียบร้อยซะก่อนไป โดยใช้บริการจาก Samurai Wifi ค่ะ ซึ่งเราสามารถติดต่อจาก Wendy Tour ที่เราไปซื้อบัตร Kansai Thur pass ได้เลยค่ะ เพราะอยู่ที่เดียวกัน  
มีบริการนัดรับด้วยตัวเอง (ในส่วนนี้ควรโทรจองเครื่องล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน) และบริการจัดส่งทาง ปณ. (ในส่วนนี้ควรโทรจองเครื่องล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วัน)
ค่าบริการ วันละ 200 บาท แถมเจ้านี้ไม่ต้องเสียค่ามัดจำด้วยนะคร้า


รูปนี้หามาจากใน Google นะคะ พอดีลืมถ่ายไว้ค่ะ เป็นรูปของท่านใดต้องขออนุญาตินำมาใช้ด้วยนะคะ


6. ที่ขาดไม่ได้เลยคือการแลกเงิน จขกท. แลกเงินที่ Supe Rich ร้านสีส้ม หลังการบินไทยสำนักงานใหญ่ค่ะ ที่นี่จะให้เราแค่ 10,000 หมื่นเยน 5,000 เยน และ 1,000เยน  ซึ่งไปถึงสนามบินคงต้องรีบซื้อน้ำดื่มเพื่อแลกเอาเหรียญ ตั้งแต่ 500 เยน ลงมาใช้เลยทีเดียว

แลกเอาไปเผื่อๆไว้ ดีกว่าขาดเนอะ



          
          Flight ของเราออกเดินทางเวลา 15.20 น. ไปถึงสนามบิน Kansai ก็ 22.40 น. ซึ่งก็ถือว่าดึกมาก ดังนั้นเราต้องเตรียมเรื่องการเดินทางเข้าเมืองให้ดีค่ะ มิเช่นนั้นอาจจะต้องนอนสนามบินเป็นแน่แท้  การเดินทางครั้งนี้ จขกท.เตรียมการเข้าเมืองไว้ 2 วิธี
     1. การเดินทางโดย Local Train จากสนามบินสู่เมืองโอซาก้า ซึ่งรอบสุดท้าย 23.40 น. ราคา 920 เยน ( 276 บาท)
     2.  เข้าเมืองโดยรถบัส เนื่องด้วยที่พักของเราอยู่แถวนัมบะ ก็จะมีรถบัสไปนัมบะเลย ซึ่งมีรอบ 00:30น.  จะไปถึงนัมบะ เวลา 01:24 น.
ราคาอยู่ที่ 1050 เยน (315 บาท)
แต่ด้วยความโชคดีของเรา ผ่าน ต.ม.มาได้อย่างรวดเร็วใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีเลยค่ะ เพราะตอนที่มาถึงตรง ต.ม.คนน้อยมาก เห็นว่าปกติบางคนต้องติดตรง ต.ม. 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้น จขกท.จึงใช้บริการรถไฟรอบสุดท้าย 23.40 ทันพอดีเลยค่ะ ก่อนจะไปขึ้นรถไฟ ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีเงินที่เป็นเหรียญเลยนี่หว่า เด่วเผื่อจะซื้อขนมอะไรระหว่างทาง ไม่อยากจ่ายแบงค์ใหย่ๆ
      ยืน งง อยู่แปปนึงว่าจะซึ้อตั๋วรถไฟตรงไหนดี เจอเจ้าหน้าที่ยืนอยู่แถวๆทางไปขึ้นรถไฟก็เลยถามเค้า ว่าจะไป นัมบะ อย่างไร เค้าก็ยื่นกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆสีขาวๆมาให้ แล้วบอกให้เรารีบวิ่งเลยภายใน 1 นาทีนี้ ไม่งั้นรถไฟรอบสุดท้ายก็จะหมดแล้ว จขกท.กับแฟน ก็วิ่งใส่เกียร์หมาโกยแนบลงบันใดเลื่อนเลยคร้า
ทันพอดี......................... กรั่กๆๆๆๆๆๆๆๆ



หน้าตาตั๋วรถไฟไป นัมบะ ซึ่งก็ใช้แบบเสียบเด้งๆแบบ BTS บ้านเราเลย คือหน้าตามันไม่น่าจะแสกนอะไรได้เล้ย ซึ่งใบนี้จะจ่ายเงินที่สถานนีปลายทางที่เราลงนะคะ ก่อนจะเสียบบัตรออกจากสถานี ก็แจ้งเจ้าหน้าที่และจ่ายเงินที่นั่นได้เลยค่ะ



บรรยากาศบนรถไฟ ต่างคนก็ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือกันไปค่ะ กรั่กๆๆๆๆๆ

        

          หลังจากที่เราเดินทางมาถึงสถานีปลายทาง นัมบะ ซึ่งก็สุดสายรถไฟสายนี้พอดี ก็เดินต่อไปค่ะ ก่อนเข้าที่พักคุณแฟนดิฉันขอแวะไปตระเวนดูสถานที่นิดนึง ด้วยการไปย่านโดทงโบริ ในเวลา ตี 1 ครึ่ง!!!!!!  เพราะด้วยความที่ ที่พักของเราไม่ไกลจากย่านโดทงโบริมาก  
นางว่าขอไปดูกูลิโกะแมนตอนดับไฟแล้วซักหน่อย 5555 บ้าเนอะ ดึกขนาดนี้ยังจะไปเดิน จากสถานีนับบะ ไปถึงย่านโดทงโบริ ระยะทางประมาณ 500 เมตร และก็เดินเล่น ถ่ายรูปนิดหน่อย ก็เดินวนกลับมายังที่พัก อีกประมาณ 2 กิโลเมตร
ถามจริง!!!!! ดึกป่านนี้ มาเดินทำไมวะ ตั้งประมาณ 3 กิโล นึกว่ามาเข้าค่ายลูกเสือนะเนี้ยยยยยย เดินทางไกลซะ

ช่วงที่ไปมีเทศกาลโคมไฟพอดี เค้าจะติดโคมไฟริมแม่น้ำโดทงโบริทั้งสองฝั่งแบบนี้ไปตลอดเดือนสิงหาคมเลยค่ะ ปกติไม่มีน้าาาาา





มื้อดึกของเราก่อนเข้านอน ก็ขอลองทาโกะยากิต้นตำหรับหน่อย พร้อมน้ำเปล่าอีก 1 ขวด
ทาโกะ 1 ชุด 500 เยน ( 150 บาท)
น้ำเปล่า 1 ขวด 110 เยน (33 บาท)

            หลังจากที่บ้าบอเดิน  3 กิโลตั้งแต่คืนแรก เราก็เดินกลับมายัง For Leaves Inn Uehonmachi ที่เราจะพักในสองคืนนี้
ถึงที่พักเราก็แทบสลบค่ะ  เราได้ทำการแจ้งผู้ดูแลโรงแรมไว้แล้วตั้งแต่ก่อนมา ว่าเราจะ Late Check-in มาถึงก็ติดต่อผู้ดูแล ซึ่งเขาก็ยังนั่งอยู่ที่เค้าเตอร์นะ  ผู้ดูแลต้อนรับขับสู้ดีมากค่ะ พูดภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่น แต่เราก็คุยกันพอจะเข้าใจ 555555
ได้กุญแจขึ้นห้องแล้ว แทบอยากจะฟาดตัวลงบนเตียงแล้วหลับเลย แต่ก็ต้องอาบน้ำก่อน เหนียวตัวมาทั้งวัน



ห้องพักก็จะเป็นห้องขนาดเล็ก มีทีวี มีแอร์ มีฮีสเตอร์ มีเครื่องทำน้ำอุ่น เรียกว่าอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพื้นฐานครบค่ะ





ด้านซ้ายมือของห้องน้ำจะมี อ่างอาบน้ำขนาดเล็กอยู่ด้วยนะคะ แต่ในรูปลืมถ่ายให้ติดมาด้วย  

สภาพรวมห้องก็โอเคค่ะ สะอาดใช้ได้ ที่นอนนุ่ม อุ่น และนอนสบายค่ะ

          หลังจากที่นอนหลับไปแบบ ภาพตัด เพราะเหนื่อยมากกกกกก  ก็ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว
และออกเดินทางไปยังเกียวโตในเวลา 8 โมงเช้าค่ะ ทีแรกตั้งใจจะตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า แต่ตื่นไม่ไหวล้าวววววววววว
เช้านี้เราก็ฝากท้อง กับร้านสะดวกซื้อ หน้าปากซอย ก็คือร้าน Lawson ซึ่งที่ญี่ปุ่นนี้เราจะหาร้าน Seven แบบบ้านเราไม่ค่อยเจอนะคะ เจอน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นร้าน Lawson กับ Family Mart มีมันทุกหัวมุมตึก ตู้กดน้ำดื่มต่างๆก็เช่นกัน พบเจอได้ทุกๆ 100 เมตร เพียบบบบบบบ



เช้านี้เราได้ ข้าวชุดนี้มาจาก Lawson ในราคา 450 เยน พร้อมนมอีก 1 กล่อง (ไม่ได้ถ่ายมา) ในราคา 120 เยน
รวมมื้อเช้า 570 เยน ( 171 บาท)





ต่อที่คอมเม้นด่านล่างเลยน้าาาาาาาาา
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่