จะคุยยังไง เมื่อความเห็นเราต่างกัน?



ตั้งแต่สมัยเด็ก เรามักจะถูกฝึกให้จับผิด  ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับคำผิดเล็กๆ น้อยๆ ในประโยค ในรูป หรือในสมการก็ตาม  และเมื่อเราจับผิดได้สำเร็จ เราก็มักจะได้รางวัลตอบแทนในในรูปแบบของเกรด หรือถ้าเด็กหน่อยก็อาจจะได้เป็นสแตมป์หรือสติ๊กเกอร์รูปดาวหรือหัวใจแทน (ย้อนวัยหน่อย ฮ่าๆ)  แล้วถ้าเราตอบถูกในขณะที่เพื่อนเราตอบผิดล่ะ? โอ้โห แบบนั้นเราจะได้ความชื่นชมจากคุณครูไปอีกเต็มๆ  ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดอุปนิสัยการจับผิดของเรา

เมื่อเราโตขึ้นมา เราทุกคนก็มักมีทักษะและอุปนิสัยของการจับผิดติดตัวมาด้วย  แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าเราไม่สามารถควบคุมอุปนิสัยนี้ หรือใช้ทักษะนี้อย่างไม่ระมัดระวัง มันก็จะส่งผลเสียให้เราได้ โดยเฉพาะในเวลาที่เรากำลังอยู่ในบทสนทนาสำคัญต่างๆ ที่เราและอีกฝ่ายเห็นต่างกัน

การที่เราพยายามจับผิดอีกฝ่ายตลอดเวลา จะนำไปสู่การสนทนาที่แตกหัก และไม่ก้าวหน้า วันนี้ผมเลยจะมาสรุป 3 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะทำให้บทสนทนาเป็นไปด้วยดี เมื่อเราเห็นต่างกับอีกฝ่ายครับ



เวลาที่ความคิดเห็นในบทสนทนาของแต่ละฝ่ายไม่ตรงกัน ผู้ที่ฉลาดพูด นั้นจะไม่เริ่มจากการบอกว่า "ผมไม่เห็นด้วย!" หรือ "ผิดละ!" แต่จะเริ่มหาสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วย (Agree) และจะเริ่มการสนทนาจากจุดนั้นก่อน เช่น

“ใช่ๆ ผมเห็นด้วยตรงที่คุณบอกว่า …….”
“ตรงที่คุณบอกว่า ……. ก็ถูก“

พอเห็นด้วยกันทุกจุดแล้ว ถ้าเขาเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้นึกถึงบางอย่างที่สำคัญ เขาค่อยเสริม (Build) ความคิดที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้คิดถึง หรือตกหล่นไป

แทนที่เขาจะบอกว่า “ไม่ใช่ละ! คุณลืมคิดถึง…” เขาจะพูดว่า

“นอกจากนี้ ผมยังเห็นว่า …….”
“ใช่แล้ว และผมอยากเสริมอีกนิดว่า …….”

และสุดท้าย ยังไงสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นไม่เหมือนกัน ก็ยังต้องเป็นอย่างนั้น แต่ ผู้ที่ฉลาดพูดจะไม่เริ่มจากคำว่า “ไม่! คุณผิด คุณลืมคิดเรื่อง…….”  เพราะประโยคดังกล่าวจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณตั้งใจจับผิดเขา ไม่เคารพ และไม่ตั้งใจฟังความเห็นของเขา (ถึงแม้คุณจะไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้นก็เถอะ)

แทนที่จะพูดแบบนั้น เราควรชี้ให้อีกฝ่ายเห็นว่า เราเห็นต่างนะ (Compare) เราอยากอธิบายความเข้าใจของฝั่งเรา  อีกฝ่ายอาจจะผิดจริงๆ ก็ได้ แต่ถึงอย่างไร เราก็ไม่ควรคิดไปก่อนว่าเราเป็นคนถูก และอีกฝ่ายเป็นคนผิด จนกว่าเราจะได้ยินเรื่องของอีกฝ่ายจนจบครับ ถึงตอนนี้เราควรคิดว่าก่อนว่า เราแค่คิดต่างกัน..

เพราะฉะนั้นเราควรเริ่มจากประโยคที่ตรง แต่เปิดกว้าง โดยที่ไม่เริ่มที่เราถูก เช่น

“ผมว่าผมเห็นต่างจากคุณนะ  ผมขออธิบายให้ฟังครับ ….”

พอเห็นภาพไหมครับ? ถ้าแบบนี้เราอาจจะหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งที่ไร้ประโยชน์ โดยการไม่พยายามจับผิดตั้งแต่แรก

เมื่ออีกฝ่ายยอมให้คุณอธิบายแล้ว ที่เหลือก็ไม่ยากครับ เราแค่ต้องค่อยๆ เล่าเป็นขั้นตอนว่า เราเห็นอะไร ทำไมเราถึงคิดแบบนี้ (แต่ต้องไม่พยายามบอกว่าความคิดเราถูกต้องแล้ว) และเปิดให้อีกฝ่ายเช็คความถูกต้องของความคิดเห็นของเรา

พูดง่ายๆ คือเวลามีปัญหาต้องเลิกจับผิด และหันมาช่วยกันแก้ปัญหาแทนครับ

ทั้งหมดนี้ อาจจะพูดง่าย  แต่ในสถานการณ์จริงเรามักจะใจร้อน  เราจะอยากพูด อยากเห็นในสิ่งที่เราอยากเห็น และอยากจะเป็นฝ่ายถูกเต็มทน  ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ  แต่เราต่างก็รู้ว่าความคิดแบบที่ว่านั้น มักจะไม่ใช่ทางออกที่ดีกับทั้งฝั่งเราและอีกฝ่าย และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่  เพราะฉะนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือความใจเย็นครับ  ใจเย็นๆ เข้าไว้และทำตามขั้นตอนดังกล่าว..

1. เห็นด้วย – Agree
2. เสริม / เพิ่มเติม – Build
3. เปรียบเทียบว่าเราเห็นต่างนะ – Compare

ลองนำไปฝึกใช้ด้วยกันกับผมนะครับ  เป็นอย่างไรมาบอกด้วยนะครับ
Practice makes perfect!

ถ้าเพื่อนๆ ชอบหรือได้ความรู้ไม่มากก็น้อย ได้โปรดแชร์หรือเข้าไปดูบทความอื่นที่บล็อกผมได้ที่ http://www.facebook.com/metaponblog ครับ
ขอบคุณมากๆ ครับ ^^

บทความนี้แปลจากบทที่ 8 (แบบไม่ตรงตัวเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น) จากหนังสือ Crucial Conversations โดย Patterson, Grenny, McMillan และ Switzler  เป็นหนังสือแนะนำเทคนิคที่ช่วยให้การสนทนาที่สำคัญๆ การทะเลาะ การเห็นต่าง ลงเอยโดยที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกดีและปรองดองกันครับ ใช้ได้จริง และฟังสนุก (ผมฟังใน Audible ครับ)

credit photo: Karolina Grabowska และ http://www.glacialblog.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่