ปิดคดี “หมูแฮม“ ฎีกาแก้ คุก 2 ปี 1 เดือน ขับรถชนคนตาย ไม่รอลงอาญา - ลูกสาวภูมิใจสู้เพื่อแม่
ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำคุกหมูแฮม 2 ปี 1 เดือน หลังเห็นว่าเป็นพฤติกรรมร้ายแรง ขณะบุตรสาวผู้เสียชีวิตภูมิใจที่ได้ต่อสู้เพื่อแม่
วันที่ 18 กันยายน ศาลพระโขนง นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีอัยการฝ่ายคดีศาลจังหวัดพระโขนง นายมาโนจน์ หรือธนชรพล โตจวง, นางสาวสังวาล สีหะวงษ์ , นาสาวสุชีรา อินทร์สุวรรณ์ นางทองดำ หลวงแสง เป็นโจทก์ร่วมที่ 1-4 ร่วมกันฟ้อง นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือหมูแฮม อายุ 25 ปี ขณะนั้น บุตรชายนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ กับนางสาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทยปี 2527 เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้อันตรายแก่กาย หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ขับรถชนคนบนทางเท้า และชนนางสายชล หลวงแสง พนักงานการเงิน ขสมก. เสียชีวิต เมื่อ 4 กรกฎาคม ปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งนายหมูแฮมได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายไปจนเป็นที่พอใจแล้ว
แต่นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายโจทก์ร่วมที่ 3 บุตรสาวของนางสายชล ยื่นฎีกาไว้ โดยศาลเห็นว่า จากผลการตรวจสอบจากทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา เชื่อได้ว่า โจทย์มีอาการป่วยด้วยโรค สภาพจิตแปรปรวน มีปัญหาด้านการตัดสินใจจริง แต่การที่ให้รอลงอาญาศาลพิเคราะห์
จากสภาพแวดล้อมเห็นว่าก่อนเกิดเหตุโจทย์ยังมีการเสพยาตามรายงานประวัติของแพทย์โจทย์เสพยาเสพติดหลายชนิดตั้งแต่อายุ 17 ปี ประกอบกับบิดายังให้โจทย์ขับรถ จึงถือเป็นพฤติกรรมร้ายแรง พิพากษาแก้ไม่เห็นด้วยที่ศาลอุทธรณ์ให้รอลงอาญาจำคุก 2 ปี ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแต่มีจิตบกพร่อง จึงแก้เป็นไม่รอลงอาญา ส่วนทำร้ายร่างกายไม่มีการยื่นฎีกา รับโทษตามเดิม คือ 1 เดือน พร้อมยกเลิกการคุมประพฤติของโจทก์ รวมจำคุก 2 ปี 1 เดือน
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นในขณะไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่อง เห็นควรให้จำคุกจำเลย 3 ปี และเมื่อจำเลยได้บรรเทาผลร้าย โดยชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บ 3 ราย จนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่ง และคดีอาญากับจำเลยต่อไป จึงเห็นควรลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อรวมโทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น อีก 1 เดือน รวมจำคุกทั้งสิ้นเป็นเวลา 2 ปี 1 เดือน
เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้จำเลย รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ภายในกำหนด 2 ปี พร้อมให้จำเลยไปรักษาความบกพร่องทางจิตเป็นประจำตามที่แพทย์กำหนด โดยให้รายงานผลการรักษาต่อพนักงานคุมประพฤติทุกครั้งตลอดระยะเวลาของการรอลงอาญา
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายโจทก์ร่วมที่ 3 กล่าวว่า คดีนี้เกิดเมื่อ 2550 วันนี้ศาลฎีกาพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ จำคุก 2 ปี 1 เดือน โดยให้เหตุผลว่า มีพฤติกรรมไม่ควรรอลงอาญา ซึ่งคดีนี้ถือว่าถึงที่สุดแล้ว หลังจากนี้ก็ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล และขอให้ทั้ง 2 ฝ่าย อโหสิกรรมให้กัน และในฐานะทนายความ พอใจกับคำพิพากษาของศาลวันนี้
ด้านนาสาวสุชีรา อินทร์สุวรรณ์ กล่าวด้วยความรู้สึกภูมิใจที่ต่อสู้กับเรื่องนี้มานาน และทำได้เท่าที่ในฐานะที่ลูกคนนี้จะทำให้คนเป็นแม่ได้
ที่มา : นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
http://news.sanook.com/1867634/
*** กรณีนี้ถ้าลูกสุขภาพจิตไม่พร้อม พ่อแม่ไม่ควรให้ออกมาขับรถบนท้องถนน อันตรายสำหรับคนอื่นๆ จริง ...
ปิดคดี “หมูแฮม“ ฎีกาแก้ คุก 2 ปี 1 เดือน ขับรถชนคนตาย ไม่รอลงอาญา
ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำคุกหมูแฮม 2 ปี 1 เดือน หลังเห็นว่าเป็นพฤติกรรมร้ายแรง ขณะบุตรสาวผู้เสียชีวิตภูมิใจที่ได้ต่อสู้เพื่อแม่
วันที่ 18 กันยายน ศาลพระโขนง นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีอัยการฝ่ายคดีศาลจังหวัดพระโขนง นายมาโนจน์ หรือธนชรพล โตจวง, นางสาวสังวาล สีหะวงษ์ , นาสาวสุชีรา อินทร์สุวรรณ์ นางทองดำ หลวงแสง เป็นโจทก์ร่วมที่ 1-4 ร่วมกันฟ้อง นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือหมูแฮม อายุ 25 ปี ขณะนั้น บุตรชายนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ กับนางสาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทยปี 2527 เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้อันตรายแก่กาย หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ขับรถชนคนบนทางเท้า และชนนางสายชล หลวงแสง พนักงานการเงิน ขสมก. เสียชีวิต เมื่อ 4 กรกฎาคม ปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งนายหมูแฮมได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายไปจนเป็นที่พอใจแล้ว
แต่นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายโจทก์ร่วมที่ 3 บุตรสาวของนางสายชล ยื่นฎีกาไว้ โดยศาลเห็นว่า จากผลการตรวจสอบจากทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา เชื่อได้ว่า โจทย์มีอาการป่วยด้วยโรค สภาพจิตแปรปรวน มีปัญหาด้านการตัดสินใจจริง แต่การที่ให้รอลงอาญาศาลพิเคราะห์
จากสภาพแวดล้อมเห็นว่าก่อนเกิดเหตุโจทย์ยังมีการเสพยาตามรายงานประวัติของแพทย์โจทย์เสพยาเสพติดหลายชนิดตั้งแต่อายุ 17 ปี ประกอบกับบิดายังให้โจทย์ขับรถ จึงถือเป็นพฤติกรรมร้ายแรง พิพากษาแก้ไม่เห็นด้วยที่ศาลอุทธรณ์ให้รอลงอาญาจำคุก 2 ปี ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแต่มีจิตบกพร่อง จึงแก้เป็นไม่รอลงอาญา ส่วนทำร้ายร่างกายไม่มีการยื่นฎีกา รับโทษตามเดิม คือ 1 เดือน พร้อมยกเลิกการคุมประพฤติของโจทก์ รวมจำคุก 2 ปี 1 เดือน
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นในขณะไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่อง เห็นควรให้จำคุกจำเลย 3 ปี และเมื่อจำเลยได้บรรเทาผลร้าย โดยชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บ 3 ราย จนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่ง และคดีอาญากับจำเลยต่อไป จึงเห็นควรลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อรวมโทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น อีก 1 เดือน รวมจำคุกทั้งสิ้นเป็นเวลา 2 ปี 1 เดือน
เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้จำเลย รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ภายในกำหนด 2 ปี พร้อมให้จำเลยไปรักษาความบกพร่องทางจิตเป็นประจำตามที่แพทย์กำหนด โดยให้รายงานผลการรักษาต่อพนักงานคุมประพฤติทุกครั้งตลอดระยะเวลาของการรอลงอาญา
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายโจทก์ร่วมที่ 3 กล่าวว่า คดีนี้เกิดเมื่อ 2550 วันนี้ศาลฎีกาพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ จำคุก 2 ปี 1 เดือน โดยให้เหตุผลว่า มีพฤติกรรมไม่ควรรอลงอาญา ซึ่งคดีนี้ถือว่าถึงที่สุดแล้ว หลังจากนี้ก็ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล และขอให้ทั้ง 2 ฝ่าย อโหสิกรรมให้กัน และในฐานะทนายความ พอใจกับคำพิพากษาของศาลวันนี้
ด้านนาสาวสุชีรา อินทร์สุวรรณ์ กล่าวด้วยความรู้สึกภูมิใจที่ต่อสู้กับเรื่องนี้มานาน และทำได้เท่าที่ในฐานะที่ลูกคนนี้จะทำให้คนเป็นแม่ได้
ที่มา : นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com http://news.sanook.com/1867634/
*** กรณีนี้ถ้าลูกสุขภาพจิตไม่พร้อม พ่อแม่ไม่ควรให้ออกมาขับรถบนท้องถนน อันตรายสำหรับคนอื่นๆ จริง ...