ก่อนอื่นขอบอกว่า นี่เป็นการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับแฟนแค่สองคน ครั้งแรก ตื่นเต้นมาก! มันเป็นความใฝ่ฝันของเราเลย การได้ไปเดินเดท ในที่อากาศหนาวๆ เนี่ย อารมณ์เหมือนคู่พระเอก นางเอกในซี่รี่เกาหลี เดินจูงมือท่ามกลางหิมะตก พระเอกเอาผ้าพันคอ พันให้นางเอกเวลาหนาว โอ๊ยยย แค่คิดก็เพ้ออออ...
เราเลือกที่จะไปแถบคันไซ เพราะเรายังไม่เคยไปมาก่อน โดยเมืองหลักๆที่เราเลือกก็คือ 5 เมืองนี้
- Day 1 : Kinosaki - แช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะ -
http://ppantip.com/topic/34196389
- Day 2 : Izushi - เสาโทริ & เส้นโซบะ -
http://ppantip.com/topic/34198470
- Day 3 : Kobe - มีอะไรมากกว่าเเค่สเต็ก -
http://ppantip.com/topic/34201976
- Day 4 : Osaka - พุงป่อง กระเป๋าเเฟ่บ -
http://ppantip.com/topic/34214910
- Day 5 : Kyoto - ย้อนเวลาในชุด กิโมโน -
http://ppantip.com/topic/34227536
งั้นเริ่มออกเดินทางกัน !
เราออกเดินทางด้วยสายการบิน Air China และแวะเปลี่ยนเครื่องที่ปักกิ่ง มาถึงที่ปักกิ่งพระอาทิตขึ้นพอดี ได้ถ่ายรูปแสงสวยๆ รู้สึกว่ามันเป็นการเริ่มต้นทริปได้ดีจริงๆ
สนามบินที่นี่ใหญ่มาก ใหญ่จนรู้สึกว่ามันร้างผู้คนเหลือเกิน แต่อาจจะเพราะเราลงมาเป็นไฟลท์เช้าตรู่ เลยยังไม่ค่อยคึกคัก
หลังจากที่เราลงเครื่องมา เราก็ต้องวิ่งตาลีตาเหลือกไปที่สถานีรถไฟ เพราะอะไรหนะหรอ...?
เพราะรถไฟไป Kinosaki มีแค่รอบนี้รอบเดียวหนะสิ !! ถ้าตกก็จบกัน เราลงเครื่องมาตอน 12:40 เราต้องขึ้นรถไปเข้าไปใน Osaka รอบ 13:50 เพื่อต่อรถไฟ Limited Express Konotori 15 ไป Kinosaki ให้ทันรอบ 15:15
ตอนนั้นขอสารภาพว่า ไม่มีเวลาเดินสวีท ชื่นชมสนามบินคันไซเลย วิ่ง อย่างเดียว... และก็ทันจนได้
แถมนี่ยังเป็นการสร้างสถิติใหม่ของการเช็คเอ้าผ่าน ตม. ของเราอีกด้วย เราทำทุกอย่างตั้งแต่วิ่งลงเครื่อง ผ่าน ตม. รับกระเป๋า ซื้อตั๋วรภไฟ ภายใน 30 นาที
โชคดียังมีเวลาแวะซื้อข้าวกล่องมากินบนรถไฟ รถชาติอร่อย ล้ำลึก โดยเฉพาะอันที่เป็นซาบะดอง หอมมากๆ
พูดถึงการมาเที่ยวญี่ปุ่น สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการแช่น้ำพุร้อน หรือ ออนเซ็นนั่นเอง เมือง Kinosaki เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อนมาก แต่ละบ่อจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อย่างเช่น อยู่หน้าน้ำตก อยู่ในถ้ำ อยู่บนดาดฟ้า เรียกได้ว่าแช่ได้ไม่เบื่อ เพราะเปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อยๆ
เมืองนี้ค่อนข้างเงียบสงบ เพราะเป็นเมืองเล็กๆ และก็อยู่ห่างออกมาจากเมืองใหญ่อย่าง โอซาก้า กว่าเราจะไปถึงก็มือค่ำอย่างที่เห็น แถมหิมะยังตกลงมาอีก
เราก็เลยรีบเดินจ้ำไปให้ถึง โรงแรม เพื่อเอากระเป๋าไปเก็บ คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรม Sinonomesou คืนละ 12,000 เยน หรือประมาณ 3,700 บาท (ตอนนั้นเหนื่อยมาก เลยลืมถ่ายรูปหน้า รร เลย อันนี้ยืมรูปจาก www.booking.com)
ที่นี่เป็นเรียวกังขนาดเล็ก น่ารักๆ คุณลุงคุณป้าก็ให้บริการอย่างเป็นกันเอง ทั้งปูที่นอน ทั้งเตรียมอาหารเช้า ประทับใจสุดๆเลย
Credit photo: Booking.com
ข้างในตกแต่งสวยงาม มีบ่อปลาคาร์พอยู่ตรงกลาง โรงแรมเลย
Credit Photo: Booking.com
ใช้เวลาเดินลากกระเป๋าไปถึง รร ประมาณ 10 นาที
Credit Photo: Google map
เฮ้อออ กว่าจะถึงเล่นเอาเราเหนื่อยแทบตาย เดินทางมาทั้งวัน ถึงห้องเราก็กะว่าวันนี้หมดแรงแน่นอน
แต่พอเอาเข้าจริง เข้าห้องปุ๊บ เห็นชุดยูกาตะที่ทาง รร เตรียมให้ ความคึกของเราก็กลับมาทันที รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แชะรูปคู่แบบจริงจังรูปแรกของทริปนี้
Sweet Gimmick เคล็บลับความสวีท ใส่ชุดยูกาตะเสร็จแล้ว ก็นั่งซดชาเขียว ถ่ายรูปด้วยกันสักหน่อย แค่นี้ก็รู้สึกเหมือนเป็นคู่รักญี่ปุ่นสมัยโบราณละ ;)
ดื่มชาจนเริ่มรู้สึกอุ่น ก็ได้เวลาออกไปเผชิญความหนาวอีกครั้ง เราก็พุ่งตรงไปยัง ออนเซ็นใกล้ๆ ที่เราได้หาข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ชื่อว่า Ichinoyu จุดเด่นของออนเซ็นที่ Ichinoyu นี้คือ เป็นออนเซ็นที่อยู่ในถ้ำ ตอนเราหาข้อมูลก็อยากจะไปดูว่ามันจะเป็นยังไงน้าาา ออนเซ็นในถ้ำ สรุปคือที่เลือกที่นี่เพราะความแปลกนั่นเอง
ทางเข้า Ichinoyu
เข้าไปข้างใน เราก็แค่โชว์ Onsen Pass ที่ได้มาจากทางโรงแรม ให้เค้าดูก็เข้าไปได้เลย ถ้าใครไม่ได้เอาผ้าขนหนูมาจากโรงแรม ก็สามารถเช่าได้จากที่นี่ในราคา 200 เยน
เราไม่ได้ถ่ายรูปออนเซ็นมา เพราะเข้าไปตัวเปล่า (เปล่า จริงๆนะ ย้ำ ที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ให้ใส่เสื่อผ้าลงออนเซ็นเลย เอาไปได้แต่ผ้าขนหนูผืนน้อยที่เมื่อกี้เช่าเค้ามา เลือกเอาเองจะปิดส่วนไหนนะ )
Credit Photo:www.japan-magazine.jnto.go.jp
ภายในบริเวณแช่เงียบสงบมาก เราโชคดีเข้าไปมีคนแค่หนึ่งคนและเค้ากำลังขึ้นพอดี เลยกลายเป็นออนเซ็นส่วนตัวไปเลย
หลังจากแช่เสร็จเราก็ออกมาหาอะไรกิน เดินดูไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านอาหารเล็กๆ ชื่อ Sukenroku ที่มีเจ้าของเป็นคุณลุงคุณป้าหน้าตายิ้มแย้ม ที่พยายามอธิบายอาหารให้เราฟัง เราก็สั่งโดยภาษามือ ได้เป็นข้าวหน้าเนื้อ กับ ข้าวหน้าปลาดิบรวมมาบรรเทาความหิว
ข้าวหน้าเนื้อ ปริมาณเยอะมาก ราคาก็ไม่แพงด้วย
ข้าวหน้าปลาดิบรวม
เราก็นั่งกินไป ดูคุณลุงทำอาหารไปด้วย นั่งตรงหน้าเค้าเตอร์ที่เค้าปั้นซูชินี่แหละ
คุณลุงกำลังทำข้าวหน้าปลาดิบของเรา
อิ่มแล้ว ก็น่าจะกลับไปนอนได้แล้วเนอะ แต่....คนบ้าพลังอย่างเราก็ยังไม่ยอมกลับ ไปแช่ต่ออีกหนึ่งบ่อก่อนนอนละกัน จะได้สบายตัว
ว่าแล้วก็เดินฝ่าหิมะไปที่ Goshonoyu ออนเซ็นที่นี่ก็มีเอกลักษณ์อีกเช่นเคย คือเป็นออนเซ็นที่มีน้ำตกไหลผ่านอยู่ข้างหน้า แช่ออนเซ็นไป ดูน้ำตกไหลผ่านช่องเขาไป เป็นการแช่ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายที่สุด อยู่ที่นี่แล้วลืมความวุ่นวายในเมืองใหญ่ๆไปเลย
ทางเข้า Goshonoyu
การตกแต่งภายในออนเซ็น
ออนเซ็นริมน้ำตก
Credit Photo: www.japan-magazine.jnto.go.jp
"กลับไปนอนได้แล้วเนอะ" คุณแฟนถาม
เราเดินออกมาสายตาก็ไปปะทะกับร้านไอติมที่อยู่ตรงข้าม
"กินไอติมก่อนนอนสักอันเนอะ จะได้หลับสบาย" (พูดเอง เออเอง)
ได้กินไอติมแล้ว หน้าตาแฮปปี้ทันที
ภาพตากล้อง ที่ห้อยคออยู่คือ Onsen Pass นั่นเอง
สุดท้ายก็กินไอติมชาเขียว ที่ร้านชื่อ Kinosaki Sweet Chaya ก่อนจะกลับที่พัก และพักผ่อนในคืนนี้
Good Night
ปล. พรุ่งนี้เราจะพาไปเที่ยว Izushi เป็นเมืองปราสาทเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับ Kinosaki
เเล้วก็กลับมานอนที่ Kinosaki อีกคืนนะ
เพราะฉะนั้น มาติดตามกันต่อได้ที่นี่เลย
วันที่2 Izushi เมืองโซบะ และ เสาโทริ - http://ppantip.com/topic/34198470
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลไว้สวีทกับแฟน ในเมืองต่างๆ ทั้งในญี่ปุ่น ไทยเเละเทศ
สามารถติมตาม พวกเราได้ที่
http://www.2roamwithlove.com/
หรือ มา like กันเยอะๆใน fbk นี้นะ
//www.facebook.com/2roamwithlove
[CR] รีวิวเที่ยวฉบับคู่รัก - Winter in Kansai - Day1: Kinosaki แช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะ
เราเลือกที่จะไปแถบคันไซ เพราะเรายังไม่เคยไปมาก่อน โดยเมืองหลักๆที่เราเลือกก็คือ 5 เมืองนี้
- Day 1 : Kinosaki - แช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะ - http://ppantip.com/topic/34196389
- Day 2 : Izushi - เสาโทริ & เส้นโซบะ - http://ppantip.com/topic/34198470
- Day 3 : Kobe - มีอะไรมากกว่าเเค่สเต็ก - http://ppantip.com/topic/34201976
- Day 4 : Osaka - พุงป่อง กระเป๋าเเฟ่บ - http://ppantip.com/topic/34214910
- Day 5 : Kyoto - ย้อนเวลาในชุด กิโมโน - http://ppantip.com/topic/34227536
งั้นเริ่มออกเดินทางกัน !
เราออกเดินทางด้วยสายการบิน Air China และแวะเปลี่ยนเครื่องที่ปักกิ่ง มาถึงที่ปักกิ่งพระอาทิตขึ้นพอดี ได้ถ่ายรูปแสงสวยๆ รู้สึกว่ามันเป็นการเริ่มต้นทริปได้ดีจริงๆ
สนามบินที่นี่ใหญ่มาก ใหญ่จนรู้สึกว่ามันร้างผู้คนเหลือเกิน แต่อาจจะเพราะเราลงมาเป็นไฟลท์เช้าตรู่ เลยยังไม่ค่อยคึกคัก
หลังจากที่เราลงเครื่องมา เราก็ต้องวิ่งตาลีตาเหลือกไปที่สถานีรถไฟ เพราะอะไรหนะหรอ...?
เพราะรถไฟไป Kinosaki มีแค่รอบนี้รอบเดียวหนะสิ !! ถ้าตกก็จบกัน เราลงเครื่องมาตอน 12:40 เราต้องขึ้นรถไปเข้าไปใน Osaka รอบ 13:50 เพื่อต่อรถไฟ Limited Express Konotori 15 ไป Kinosaki ให้ทันรอบ 15:15
ตอนนั้นขอสารภาพว่า ไม่มีเวลาเดินสวีท ชื่นชมสนามบินคันไซเลย วิ่ง อย่างเดียว... และก็ทันจนได้
แถมนี่ยังเป็นการสร้างสถิติใหม่ของการเช็คเอ้าผ่าน ตม. ของเราอีกด้วย เราทำทุกอย่างตั้งแต่วิ่งลงเครื่อง ผ่าน ตม. รับกระเป๋า ซื้อตั๋วรภไฟ ภายใน 30 นาที
โชคดียังมีเวลาแวะซื้อข้าวกล่องมากินบนรถไฟ รถชาติอร่อย ล้ำลึก โดยเฉพาะอันที่เป็นซาบะดอง หอมมากๆ
พูดถึงการมาเที่ยวญี่ปุ่น สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการแช่น้ำพุร้อน หรือ ออนเซ็นนั่นเอง เมือง Kinosaki เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อนมาก แต่ละบ่อจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อย่างเช่น อยู่หน้าน้ำตก อยู่ในถ้ำ อยู่บนดาดฟ้า เรียกได้ว่าแช่ได้ไม่เบื่อ เพราะเปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อยๆ
เมืองนี้ค่อนข้างเงียบสงบ เพราะเป็นเมืองเล็กๆ และก็อยู่ห่างออกมาจากเมืองใหญ่อย่าง โอซาก้า กว่าเราจะไปถึงก็มือค่ำอย่างที่เห็น แถมหิมะยังตกลงมาอีก
เราก็เลยรีบเดินจ้ำไปให้ถึง โรงแรม เพื่อเอากระเป๋าไปเก็บ คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรม Sinonomesou คืนละ 12,000 เยน หรือประมาณ 3,700 บาท (ตอนนั้นเหนื่อยมาก เลยลืมถ่ายรูปหน้า รร เลย อันนี้ยืมรูปจาก www.booking.com)
ที่นี่เป็นเรียวกังขนาดเล็ก น่ารักๆ คุณลุงคุณป้าก็ให้บริการอย่างเป็นกันเอง ทั้งปูที่นอน ทั้งเตรียมอาหารเช้า ประทับใจสุดๆเลย
ข้างในตกแต่งสวยงาม มีบ่อปลาคาร์พอยู่ตรงกลาง โรงแรมเลย
ใช้เวลาเดินลากกระเป๋าไปถึง รร ประมาณ 10 นาที
Credit Photo: Google map
เฮ้อออ กว่าจะถึงเล่นเอาเราเหนื่อยแทบตาย เดินทางมาทั้งวัน ถึงห้องเราก็กะว่าวันนี้หมดแรงแน่นอน
แต่พอเอาเข้าจริง เข้าห้องปุ๊บ เห็นชุดยูกาตะที่ทาง รร เตรียมให้ ความคึกของเราก็กลับมาทันที รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แชะรูปคู่แบบจริงจังรูปแรกของทริปนี้
Sweet Gimmick เคล็บลับความสวีท ใส่ชุดยูกาตะเสร็จแล้ว ก็นั่งซดชาเขียว ถ่ายรูปด้วยกันสักหน่อย แค่นี้ก็รู้สึกเหมือนเป็นคู่รักญี่ปุ่นสมัยโบราณละ ;)
ดื่มชาจนเริ่มรู้สึกอุ่น ก็ได้เวลาออกไปเผชิญความหนาวอีกครั้ง เราก็พุ่งตรงไปยัง ออนเซ็นใกล้ๆ ที่เราได้หาข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ชื่อว่า Ichinoyu จุดเด่นของออนเซ็นที่ Ichinoyu นี้คือ เป็นออนเซ็นที่อยู่ในถ้ำ ตอนเราหาข้อมูลก็อยากจะไปดูว่ามันจะเป็นยังไงน้าาา ออนเซ็นในถ้ำ สรุปคือที่เลือกที่นี่เพราะความแปลกนั่นเอง
เข้าไปข้างใน เราก็แค่โชว์ Onsen Pass ที่ได้มาจากทางโรงแรม ให้เค้าดูก็เข้าไปได้เลย ถ้าใครไม่ได้เอาผ้าขนหนูมาจากโรงแรม ก็สามารถเช่าได้จากที่นี่ในราคา 200 เยน
เราไม่ได้ถ่ายรูปออนเซ็นมา เพราะเข้าไปตัวเปล่า (เปล่า จริงๆนะ ย้ำ ที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ให้ใส่เสื่อผ้าลงออนเซ็นเลย เอาไปได้แต่ผ้าขนหนูผืนน้อยที่เมื่อกี้เช่าเค้ามา เลือกเอาเองจะปิดส่วนไหนนะ )
Credit Photo:www.japan-magazine.jnto.go.jp
ภายในบริเวณแช่เงียบสงบมาก เราโชคดีเข้าไปมีคนแค่หนึ่งคนและเค้ากำลังขึ้นพอดี เลยกลายเป็นออนเซ็นส่วนตัวไปเลย
หลังจากแช่เสร็จเราก็ออกมาหาอะไรกิน เดินดูไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านอาหารเล็กๆ ชื่อ Sukenroku ที่มีเจ้าของเป็นคุณลุงคุณป้าหน้าตายิ้มแย้ม ที่พยายามอธิบายอาหารให้เราฟัง เราก็สั่งโดยภาษามือ ได้เป็นข้าวหน้าเนื้อ กับ ข้าวหน้าปลาดิบรวมมาบรรเทาความหิว
ข้าวหน้าเนื้อ ปริมาณเยอะมาก ราคาก็ไม่แพงด้วย
ข้าวหน้าปลาดิบรวม
เราก็นั่งกินไป ดูคุณลุงทำอาหารไปด้วย นั่งตรงหน้าเค้าเตอร์ที่เค้าปั้นซูชินี่แหละ
คุณลุงกำลังทำข้าวหน้าปลาดิบของเรา
อิ่มแล้ว ก็น่าจะกลับไปนอนได้แล้วเนอะ แต่....คนบ้าพลังอย่างเราก็ยังไม่ยอมกลับ ไปแช่ต่ออีกหนึ่งบ่อก่อนนอนละกัน จะได้สบายตัว
ว่าแล้วก็เดินฝ่าหิมะไปที่ Goshonoyu ออนเซ็นที่นี่ก็มีเอกลักษณ์อีกเช่นเคย คือเป็นออนเซ็นที่มีน้ำตกไหลผ่านอยู่ข้างหน้า แช่ออนเซ็นไป ดูน้ำตกไหลผ่านช่องเขาไป เป็นการแช่ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายที่สุด อยู่ที่นี่แล้วลืมความวุ่นวายในเมืองใหญ่ๆไปเลย
การตกแต่งภายในออนเซ็น
ออนเซ็นริมน้ำตก
Credit Photo: www.japan-magazine.jnto.go.jp
"กลับไปนอนได้แล้วเนอะ" คุณแฟนถาม
เราเดินออกมาสายตาก็ไปปะทะกับร้านไอติมที่อยู่ตรงข้าม
"กินไอติมก่อนนอนสักอันเนอะ จะได้หลับสบาย" (พูดเอง เออเอง)
ได้กินไอติมแล้ว หน้าตาแฮปปี้ทันที
ภาพตากล้อง ที่ห้อยคออยู่คือ Onsen Pass นั่นเอง
สุดท้ายก็กินไอติมชาเขียว ที่ร้านชื่อ Kinosaki Sweet Chaya ก่อนจะกลับที่พัก และพักผ่อนในคืนนี้
Good Night
ปล. พรุ่งนี้เราจะพาไปเที่ยว Izushi เป็นเมืองปราสาทเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับ Kinosaki
เเล้วก็กลับมานอนที่ Kinosaki อีกคืนนะ
เพราะฉะนั้น มาติดตามกันต่อได้ที่นี่เลย
วันที่2 Izushi เมืองโซบะ และ เสาโทริ - http://ppantip.com/topic/34198470
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลไว้สวีทกับแฟน ในเมืองต่างๆ ทั้งในญี่ปุ่น ไทยเเละเทศ
สามารถติมตาม พวกเราได้ที่
http://www.2roamwithlove.com/
หรือ มา like กันเยอะๆใน fbk นี้นะ
//www.facebook.com/2roamwithlove
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น