เชียร์ซื้อ 'ADVANC' หุ้นร่วงแรงเกินไปคาดบริษัทไม่ผิด เลวร้ายสุดฟ้องศาลใช้เวลาอีกนาน

กระทู้ข่าว

          หุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ปรับตัวลงตั้งแต่เปิดตลาด และลงไปต่ำสุดที่ 232 บาท ก่อนเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 236 บาท ลดลง 4 บาท หรือ 1.67% มูลค่าการซื้อขายถึง 2,532 ล้านบาท และส่งผลต่อเนื่องถึงบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 40.45% ของทุนเรียกชำระแล้ว ราคาหุ้นปิดที่ 76 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.62% มูลค่าซื้อขายกว่า 1,722 ล้านบาท

          ราคาหุ้นของทั้งสองบริษัท ปรับตัวลงแรงสวนทางดัชนีหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เพิ่มขึ้น 11.15 จุด ปิดที่ 1,381.80 จุด หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา มีมติให้กระทรวงไอซีทีที่กำกับดูแลบริษัท ทีโอที ให้เร่งดำเนินการตามคำตัดสินของศาลที่ว่าให้ ADVANC จ่ายเงินชดเชยบริษัท ทีโอที กว่า 1 แสนล้านบาท กรณีที่ได้มีการแก้ไขสัญญาต่างๆ เอื้อประโยชน์ให้กับ ADVANC ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทชี้แจงว่า ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

          ด้านนักวิเคราะห์มีมุมมอง เรื่องนี้แตกต่างกัน โดยบริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ว่า ประเด็นดังกล่าว จะเป็นลบต่อราคาหุ้น ADVANC อีกครั้ง และคาดว่าทีโอทีจะต้องเข้า มาเจรจาเรียกร้องค่าเสียหายจาก ADVANC ราว 7.2 หมื่นล้านบาท แต่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า ADVANC จะไม่เห็นด้วยกับความเสียหายดังกล่าว ข้อสรุปต่างๆ จึงน่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งคาดว่าศาลจะต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีในการตัดสิน กรณีเลวร้ายหากหักมูลค่าความเสียหายดังกล่าว คิดเป็นผลกระทบต่อหุ้นที่ราว 25 บาท ออกจากมูลค่าพื้นฐานปี 2558 และ 2559 ที่ 285 และ 300 บาท จะได้มูลค่าพื้นฐานปีนี้และปีหน้าที่ 260 และสูงเกิน 275 บาท

          ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 322 บาท โดยประเมินว่า การที่ ทีโอทีจะเรียกร้องให้ ADVANC จ่ายผลประโยชน์คืนนั้นอาจจะต้องมีการฟ้องร้องต่อศาลต่อไป คาดต้องใช้เวลาอีกพอสมควร หากประเมินผลกระทบในกรณีเลวร้ายสุด ถ้า ADVANC จะต้องจ่ายจากการแก้ไขสัญญาสัมปทาน ประมาณ 9.7 หมื่นล้านบาท จะกระทบต่อ หุ้นที่ 32 บาท แต่ถ้าคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันที่มีส่วนลด 8.30% จะได้ผลกระทบ 22 บาท/หุ้น จากราคาเป้าหมายเดิมที่ 322 บาท ทำให้ช่วงราคาเป้าหมายปรับลดลงมาอยู่ที่ 290-300 บาท

          นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์ บล.ธนชาต กล่าวว่า แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ 1.การแก้ไขส่วนแบ่งรายได้สัมปทาน 2จี เป็น 20% ตลอดอายุสัญญา จากเดิม 25-30% ทำให้ทีโอทีสูญเสียรายได้ 3.6 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 5% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ซึ่งประเด็นนี้ ADVANC ได้เปิดตัวแพ็กเกจแบบเติมเงินเพื่อรุกเข้าสู่ตลาดระดับล่างมากขึ้น ทำให้ ทีโอทีได้รับรายได้รวมมากกว่าเดิม และเป็นความผิดของทีโอทีเองที่ไม่ ส่งสัญญาที่แก้ไขให้ ครม.อนุมัติ ขณะที่ ADVANC เคารพในสัญญาที่ได้รับความเห็นชอบจากทีโอที

          2.การลดภาษีสรรพสามิตลง 10% จากส่วนแบ่งรายได้ ซึ่งทีโอทีเรียกร้องว่าเกิดการสูญเสียรายได้อีก 7.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นประมาณ 10% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ทั้งนี้ภาษีที่ลดลงนี้ไม่ได้ใช้เฉพาะแต่ ADVANC แต่ใช้ทั้งอุตสาหกรรม ทั้งบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ซึ่งทั้งสามได้ส่งรายได้ให้ทีโอทีและ กสทฯ ซึ่งเป็นผู้จ่ายภาษีสรรพสามิตให้กับกระทรวงการคลัง จึงมอง แรงขาย ADVANC และ INTUCH จากประเด็นข่าวนี้มากเกินไป และด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5.40-6% ปีนี้ รวมไปถึงเป็น ผู้ได้รับประโยชน์จากการประมูล 4จี ทำให้แนะนำ "ซื้อ" ทั้ง ADVANC, INTUCH ด้วยเป้าหมาย 275 บาท และ 95 บาท

          นายทรงกลด วงศ์ไชย ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กรุงศรี กล่าวว่า กรณีข่าว ADVANC เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาร่วมการงานระหว่างบริษัท ทีโอที ส่งผลให้ภาครัฐเสียประโยชน์ และให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายต่อทีโอทีนั้น มองว่าเป็นเพียงประเด็นข่าวเก่าที่ถูกยกขึ้นมาพูด เนื่องจากอยู่ในช่วงที่สัมปทานกำลังจะครบอายุ

          อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงสัญญาที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาได้ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากทีโอที และ ADVANC ได้ปฏิบัติตามสัญญาและกฎหมาย จึงเชื่อว่าไม่น่าจะกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และ ไม่กระทบการประมูล 4จี แน่นอน

          "ราคาหุ้นลงบ้าง แต่ไม่แรงจากความตระหนก เพราะนักลงทุนกังวลว่าจะกระทบการประมูล 4จี แต่มีกลุ่มที่เข้ามารับซื้อ เพราะต้องการเงินปันผลที่จ่ายสูงถึง 100% ของกำไร และมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น หรืออาร์โออี สูงสุดในตลาด" นายทรงกลด กล่าว

ขอขอบคุณแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558 (หน้า B8)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่