แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะนำเสนอเรื่องให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังพิจารณาความเสียหายที่เกิดจากการแก้ไขสัญญาสัมปทานกิจการโทรคมนาคม ที่บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ทำร่วมกับเอกชน เนื่องจากระยะเวลาตั้งแต่ช่วงปี 2540 เป็นต้นมาที่มีการแก้สัญญาสัมปทานหลายครั้ง ซ้ำซ้อน และไม่ทำตามขั้นตอนทำให้รัฐเสียหายรวมถึง 1.3 แสนล้านบาท จากนั้นจะเร่งเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแบ่งเป็นสัญญาสัมปทานของ บริษัท บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ซึ่งได้รับสัมปทานจากทีโอที แก้ไขสัญญากรณีรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจ่ายก่อนหรือ บัตรเติมเงิน (พรีเพด) และแก้ไขสัญญาระบบเหมาจ่ายรายเดือนตั้งแต่ปี 2549 - 2553 ที่จะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้จำนวน 30% กลับแก้ไขให้เหลือเพียง 25% เท่านั้น
ขณะเดียวกันยังได้มีการแก้ไขสัญญาสัมปทานในช่วงปี 2554 – 2558 ซึ่งเป็นปีที่หมดอายุสัญญาสัมปทานจากเดิมที่กำหนดให้จ่ายส่วนแบ่งรายได้ จำนวน 35% ก็แก้ไขให้จ่ายเพียง 25% เช่นกัน ทำให้รัฐสูญเสียรายได้รวมทั้งสิ้น 8.7 หมื่นล้านบาท
ในส่วนของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ก็มีการแก้ไขสัญญาสัมปทานที่ทำกับบมจ. กสท สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 2 หมื่นล้านบาท และบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ได้มีการแก้ไขสัญญาสัมปทานที่ทำกับบมจ. กสท รัฐเสียรายได้ 7.9 พันล้านบาท ดังนั้นเพื่อปกป้องความเสียหายของรัฐจะเสนอให้ครม.พิจารณาเรียกร้องค่าเสีย หายกลับคืน
“ที่ผ่านมามีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความการแก้ไขสัญญา สัมปทานโทรศัพท์มือถือของบริษัทเอกชนที่ทำกับทีโอทีและกสท กฤษฎีกาก็ระบุชัดว่าการแก้ไขไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ผ่านกระบวนการกฎหมายร่วมทุนรัฐและเอกชน แต่ก็ยังแก้ไขบ่อยครั้งและรัฐสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมากถึงแสนกว่าล้านบาท มาคราวนี้จึงต้องเรียกร้องกลับคืน และเอกชนที่กระทำกับรัฐก็มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการเมืองทำให้ที่ผ่านมาไม่ มีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับอายุสัมปทานระหว่างทีโอทีกับเอไอเอสจะสิ้นสุดปี 2558 สัญญาสัมปทานของ กสท กับ ดีแทค จะสิ้นสุดปี 2560 และสัญญาสัมปทานระหว่าง กสท กับ ทรูมูฟ สิ้นสุดปี 2556.
http://www.consumerthai.org/main/index.php?option=com_content&view=article&id=809:-3-&catid=99:2009-10-14-13-10-54&Itemid=198
บริษัท อื่น ๆ ที่เหลือที่มีการแก้สัญญาสัมปทานเหมือนกัน เป็นไงบ้าง มีใครตามข่าวไหม อยากเห็นความเป็นธรรมในสังคม
"นายกรัฐมนตรี" สั่งไอซีทีไล่บี้ทีโอทีเรียกค่าชดใช้ความเสียหายเอไอเอส แก้สัญญาสัมปทาน..
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแบ่งเป็นสัญญาสัมปทานของ บริษัท บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ซึ่งได้รับสัมปทานจากทีโอที แก้ไขสัญญากรณีรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจ่ายก่อนหรือ บัตรเติมเงิน (พรีเพด) และแก้ไขสัญญาระบบเหมาจ่ายรายเดือนตั้งแต่ปี 2549 - 2553 ที่จะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้จำนวน 30% กลับแก้ไขให้เหลือเพียง 25% เท่านั้น
ขณะเดียวกันยังได้มีการแก้ไขสัญญาสัมปทานในช่วงปี 2554 – 2558 ซึ่งเป็นปีที่หมดอายุสัญญาสัมปทานจากเดิมที่กำหนดให้จ่ายส่วนแบ่งรายได้ จำนวน 35% ก็แก้ไขให้จ่ายเพียง 25% เช่นกัน ทำให้รัฐสูญเสียรายได้รวมทั้งสิ้น 8.7 หมื่นล้านบาท
ในส่วนของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ก็มีการแก้ไขสัญญาสัมปทานที่ทำกับบมจ. กสท สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 2 หมื่นล้านบาท และบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ได้มีการแก้ไขสัญญาสัมปทานที่ทำกับบมจ. กสท รัฐเสียรายได้ 7.9 พันล้านบาท ดังนั้นเพื่อปกป้องความเสียหายของรัฐจะเสนอให้ครม.พิจารณาเรียกร้องค่าเสีย หายกลับคืน
“ที่ผ่านมามีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความการแก้ไขสัญญา สัมปทานโทรศัพท์มือถือของบริษัทเอกชนที่ทำกับทีโอทีและกสท กฤษฎีกาก็ระบุชัดว่าการแก้ไขไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ผ่านกระบวนการกฎหมายร่วมทุนรัฐและเอกชน แต่ก็ยังแก้ไขบ่อยครั้งและรัฐสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมากถึงแสนกว่าล้านบาท มาคราวนี้จึงต้องเรียกร้องกลับคืน และเอกชนที่กระทำกับรัฐก็มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการเมืองทำให้ที่ผ่านมาไม่ มีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับอายุสัมปทานระหว่างทีโอทีกับเอไอเอสจะสิ้นสุดปี 2558 สัญญาสัมปทานของ กสท กับ ดีแทค จะสิ้นสุดปี 2560 และสัญญาสัมปทานระหว่าง กสท กับ ทรูมูฟ สิ้นสุดปี 2556.
http://www.consumerthai.org/main/index.php?option=com_content&view=article&id=809:-3-&catid=99:2009-10-14-13-10-54&Itemid=198
บริษัท อื่น ๆ ที่เหลือที่มีการแก้สัญญาสัมปทานเหมือนกัน เป็นไงบ้าง มีใครตามข่าวไหม อยากเห็นความเป็นธรรมในสังคม