ช่วงหลังๆ มานี้ ถ้าใครติดตามข่าวสารในแวดวงธุรกิจ คงจะได้เห็นความเคลื่อนไหวของเจ้าสัวธนินท์ ในการเข้าไปร่วมทุนหรือซื้อกิจการในต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อต้นปี พ.ศ. 2556 ก็มีดีลกับ “ผิงอัน อินชัวรันซ์” ธุรกิจประกันอันดับ 2 ของจีน ปีถัดมาก็มีอีกดีลกับ “อิโตชู” จากญี่ปุ่น และล่าสุดร่วมกับอิโตชู ซื้อหุ้น “ซิติก ลิมิเต็ด” ของจีน
นอกจากดีลทั้งหลายเหล่านี้แล้ว ธุรกิจในเครือของ CP เอง ก็ต่างพาเหรดไปลงทุนในต่างประเทศเช่นกัน โดยเฉพาะ CPF ที่วันนี้ลงทุนไปแล้ว 13 ประเทศทั่วโลก (ข้อมูลจากรายงานประจำปี 2557)
ที่น่าสนใจคือ รายได้ของ CPF กว่าครึ่งไม่ใช่รายได้จากกิจการในประเทศไทยอีกต่อไป หากแต่เป็นกิจการในต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 59% ของรายได้จากการขายรวมของ CPF เลยทีเดียว (ข้อมูลจากรายงานประจำปี 2557)
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้นึกถึงคำพูดของเจ้าสัวที่ว่า “ตลาดทั่วโลกเป็นของ CP”
ประเทศไทยเป็นประเทศเปิด บรรษัทข้ามชาติ (Multinational Corporations: MNCs) ต่างหลั่งไหลเข้ามาลงทุนจำนวนมาก คนทั่วไปมักเห็นว่า CP เป็นบริษัทใหญ่ แต่วันนี้เทียบไม่ได้เลยกับบรรษัทข้ามชาติขนาดยักษ์ทั่วโลกที่เข้ามาแข่งขัน
คู่แข่งจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตลาดในประเทศมีอยู่แค่ 70 ล้านคน ธุรกิจจึงต้องแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ที่มีจำกัดนี้กันอย่างดุเดือด คู่แข่งมีอะไร เราต้องมีบ้าง คู่แข่งขายที่ราคาเท่าไหร่ เราต้องขายให้ถูกกว่า
เมื่อถึงจุดที่ทุกคนใช้กลยุทธ์แข่งขันกันด้านราคา (กลยุทธ์ทะเลสีแดง : Red Ocean Strategy) ธุรกิจก็เข้าสู่ภาวะเสี่ยงที่จะขาดทุนและล้มหายตายจากกันไปในที่สุด
เจ้าสัวไม่ได้ต้องการให้ธุรกิจไปอยู่ในทะเลเลือด (Red Ocean) ที่รอวันตายแบบนั้น จึงต้องแสวงหากลยุทธ์ใหม่ให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้
นั่นคือ กลยุทธ์ทะเลสีคราม (Blue Ocean Strategy) ซึ่งหมายถึง การหาช่องว่างทางการตลาดใหม่ๆ ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่างจากคู่แข่ง เช่น กรณี "เกี๊ยวกุ้ง CP" ที่ผู้เขียนเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ (
http://ppantip.com/topic/33827596) แต่เจ้าสัวไปไกลกว่านั้น กล่าวคือ เจ้าสัวมองหาช่องว่างทางการตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศด้วย
อาเซียนมีประชากรถึง 600 ล้านคน จีนมีถึง 1,300 ล้านคน นี่ยังไม่นับรวมอินเดีย รัสเซีย และประเทศอื่นๆ อีกทั่วโลก แล้วทำไมเราต้องจำกัดตัวเองให้อยู่แต่ในประเทศไทย?
นี่คือที่มาว่า ทำไมตลาดทั่วโลกจึงเป็นของ CP
อันที่จริงแล้ว เจ้าสัวบอกอยู่เสมอว่า ตลาดทั่วโลกไม่ใช่ของ CP แต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นของทุกคนที่ไม่จำกัดตัวเอง ถ้าคุณมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และใช้ความสามารถของคุณลงมือคว้าโอกาสนั้นมาได้ นั่นก็เท่ากับว่า ตลาดนั้นก็เป็นของคุณเช่นกัน
ขอแค่อย่าจำกัดตัวเอง ตลาดทั่วโลกเป็นของทุกคน...
ปล. 1 ขอขอบคุณข้อมูลจากรายงานประจำปี 2557 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
http://www.cpfworldwide.com/contents/investors/download/annual-report/AnnualReport_2014_TH.pdf
ปล. 2 เนื้อหาในบทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของเจ้าสัวให้กับนักธุรกิจโดยเฉพาะผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ SMEs และผู้ที่สนใจ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน ดังนั้น ผู้เขียนของดพูดถึงประเด็นขัดแย้งทางสังคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าสัว และ CP ในกระทู้นี้ค่ะ ^^
The Side Story
FB:
https://www.facebook.com/Dhaninsidestory
"ตลาดทั่วโลกเป็นของ CP"
เมื่อต้นปี พ.ศ. 2556 ก็มีดีลกับ “ผิงอัน อินชัวรันซ์” ธุรกิจประกันอันดับ 2 ของจีน ปีถัดมาก็มีอีกดีลกับ “อิโตชู” จากญี่ปุ่น และล่าสุดร่วมกับอิโตชู ซื้อหุ้น “ซิติก ลิมิเต็ด” ของจีน
นอกจากดีลทั้งหลายเหล่านี้แล้ว ธุรกิจในเครือของ CP เอง ก็ต่างพาเหรดไปลงทุนในต่างประเทศเช่นกัน โดยเฉพาะ CPF ที่วันนี้ลงทุนไปแล้ว 13 ประเทศทั่วโลก (ข้อมูลจากรายงานประจำปี 2557)
ที่น่าสนใจคือ รายได้ของ CPF กว่าครึ่งไม่ใช่รายได้จากกิจการในประเทศไทยอีกต่อไป หากแต่เป็นกิจการในต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 59% ของรายได้จากการขายรวมของ CPF เลยทีเดียว (ข้อมูลจากรายงานประจำปี 2557)
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้นึกถึงคำพูดของเจ้าสัวที่ว่า “ตลาดทั่วโลกเป็นของ CP”
ประเทศไทยเป็นประเทศเปิด บรรษัทข้ามชาติ (Multinational Corporations: MNCs) ต่างหลั่งไหลเข้ามาลงทุนจำนวนมาก คนทั่วไปมักเห็นว่า CP เป็นบริษัทใหญ่ แต่วันนี้เทียบไม่ได้เลยกับบรรษัทข้ามชาติขนาดยักษ์ทั่วโลกที่เข้ามาแข่งขัน
คู่แข่งจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตลาดในประเทศมีอยู่แค่ 70 ล้านคน ธุรกิจจึงต้องแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ที่มีจำกัดนี้กันอย่างดุเดือด คู่แข่งมีอะไร เราต้องมีบ้าง คู่แข่งขายที่ราคาเท่าไหร่ เราต้องขายให้ถูกกว่า
เมื่อถึงจุดที่ทุกคนใช้กลยุทธ์แข่งขันกันด้านราคา (กลยุทธ์ทะเลสีแดง : Red Ocean Strategy) ธุรกิจก็เข้าสู่ภาวะเสี่ยงที่จะขาดทุนและล้มหายตายจากกันไปในที่สุด
เจ้าสัวไม่ได้ต้องการให้ธุรกิจไปอยู่ในทะเลเลือด (Red Ocean) ที่รอวันตายแบบนั้น จึงต้องแสวงหากลยุทธ์ใหม่ให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้
นั่นคือ กลยุทธ์ทะเลสีคราม (Blue Ocean Strategy) ซึ่งหมายถึง การหาช่องว่างทางการตลาดใหม่ๆ ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการที่แตกต่างจากคู่แข่ง เช่น กรณี "เกี๊ยวกุ้ง CP" ที่ผู้เขียนเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ (http://ppantip.com/topic/33827596) แต่เจ้าสัวไปไกลกว่านั้น กล่าวคือ เจ้าสัวมองหาช่องว่างทางการตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศด้วย
อาเซียนมีประชากรถึง 600 ล้านคน จีนมีถึง 1,300 ล้านคน นี่ยังไม่นับรวมอินเดีย รัสเซีย และประเทศอื่นๆ อีกทั่วโลก แล้วทำไมเราต้องจำกัดตัวเองให้อยู่แต่ในประเทศไทย?
นี่คือที่มาว่า ทำไมตลาดทั่วโลกจึงเป็นของ CP
อันที่จริงแล้ว เจ้าสัวบอกอยู่เสมอว่า ตลาดทั่วโลกไม่ใช่ของ CP แต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นของทุกคนที่ไม่จำกัดตัวเอง ถ้าคุณมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และใช้ความสามารถของคุณลงมือคว้าโอกาสนั้นมาได้ นั่นก็เท่ากับว่า ตลาดนั้นก็เป็นของคุณเช่นกัน
ขอแค่อย่าจำกัดตัวเอง ตลาดทั่วโลกเป็นของทุกคน...
ปล. 1 ขอขอบคุณข้อมูลจากรายงานประจำปี 2557 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) http://www.cpfworldwide.com/contents/investors/download/annual-report/AnnualReport_2014_TH.pdf
ปล. 2 เนื้อหาในบทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของเจ้าสัวให้กับนักธุรกิจโดยเฉพาะผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ SMEs และผู้ที่สนใจ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน ดังนั้น ผู้เขียนของดพูดถึงประเด็นขัดแย้งทางสังคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าสัว และ CP ในกระทู้นี้ค่ะ ^^
The Side Story
FB: https://www.facebook.com/Dhaninsidestory