นิทานธรรมะให้คติสอนใจ เรื่อง รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี

รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี (นิทานธรรมะให้คติสอนใจ) ... มีสำนวนไทยบทหนึ่งว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” ความหมายก็คือ ถ้ารักวัวก็ให้ผูกล่ามไว้ มิฉะนั้นวัวอาจจะถูกขโมยหรือหนีหายไปได้ ส่วนรักลูกให้ตีก็หมายถึงให้อบรมสั่งสอนลูกและทำโทษเมื่อลูกผิดนั่นเอง โดยลูกในที่นี้ หมายถึงลูกที่อยู่ในวัยเด็ก พ่อแม่จึงต้องคอยว่ากล่าวตักเตือน จะปล่อยให้ลูกทำการใด ๆ ตามใจชอบมิได้ ดังนั้น ถ้าจำเป็นจริง ๆ แม้การทำโทษโดยการเฆี่ยนตีเพื่อให้หลาบจำก็เป็นสิ่งที่ใช้ได้ แต่ผู้รู้ให้ถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยเมื่อจะลงมือเฆี่ยนตีนั้นท่านแนะวิธีปฏิบัติไว้ดังนี้

        ๑. อย่าเฆี่ยนตีพร่ำเพรื่อ เพราะเด็กที่โดนเฆี่ยนตีบ่อย ๆ มีแนวโน้มที่จะเกเรและต่อต้านมากยิ่งขึ้น ดังนั้น พฤติกรรมบางอย่างที่สามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องลงไม้ลงมือ เช่น การร้องไห้โวยวาย การปัสสาวะรดที่นอน เป็นต้น ให้ใช้การตักเตือนก็เพียงพอ

       ๒. อย่าเฆี่ยนตีโดยใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้พ่อแม่ ดังนั้น พ่อแม่จึงต้องระมัดระวังอย่าใช้กำลังกับลูกมากเกินไป และควรจะเฆี่ยนตีเมื่อลูกทำผิดซ้ำในเรื่องเดิมทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ได้ตักเตือนไปแล้ว จึงจะเป็นการเฆี่ยนตีที่สมเหตุสมผล

        ๓. อย่าเฆี่ยนตีลูกต่อหน้าคนอื่น
เพราะจะทำให้ลูกอับอายและเสียหน้า วิธีจัดการเมื่อลูกทำตัวไม่น่ารักขณะมีผู้อื่นอยู่ด้วย ให้พ่อแม่ใช้วิธีเตือนด้วยเสียงเข้ม ๆ ก่อน หากเขาไม่ยอมหยุดก็ให้พาออกไปจากที่นั้นแล้วค่อยลงโทษ

       สำนวน “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” นี้ ในทางปฏิบัติหาใช่จะต้องใช้กับลูกทุกคนก็หาไม่ เพราะเด็กบางคนที่มีดีอยู่ในตัว เพียงแต่เราแนะนำเขาก็ปฏิบัติได้แล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับบางคนก็จำเป็น ดังคำประพันธ์ที่ว่า

เมื่อรักวัว กลัวทำไม ท่านให้ผูก
ถ้ารักลูก ก็อย่าปล่อย คอยว่าขาน
หากแม่พ่อ พะนอลูก ไม่ถูกกาล
ก็เหมือนหว่าน พืชฉิXหาย ในสกุล
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่