(คนกลุ่มหนึ่งของจักรวาลกำลังคิดเช่นเดียวกัน. นี่คือบทความที่เขียนเพื่อปกป้องคนกลุ่มนั้น...อาจจะไม่โดนใจใครหลายคนน้า)
เข้าเรื่องเลย
หลายคนคงผิดหวัง(อะมั้ง?) เพราะอยากจะให้มันหวานหวิวก่านี้ พีคก่านี้
แต่บอกเลย แค่นี้ผมก็จิกหมอนแล้วนะ ><
หลักฐานความหวิว(สปอยล์แหลก)
1. ทุกครั้งที่ยุ่นอยู่ในห้องแคบๆ กะหมอ แม่มโครตอยากให้เวลาผ่านไปช้า ๆ ได้เจอเดือนละครั้งเอง (แล้วทำไมไม่ขอไลน์ล่ะสัส!)
2. ทำไมหมออิมแม่มตัองตรวจละเอียดขนาดนั้น จับนู่นแหวกนี่ นี่คือการบรรลุความมโนขั้นสุดยอดแบบจำยอม
3. หมอแม่มได้ของขวัญปีใหม่ จากตั้งหลายคน แต่เค้าเลือกใช้ของกุเว้ยย การรวมตัวระหว่างวิทย์กันศิลป์. ชนะเลิศ
4. ขึ้นหวอดแล้วยังไลน์มารักษาเว้ย (ไอ้ยุ่นเอ้ยย เค้าไลน์มาตั้งแต่เช้า กับคนไข้คนอื่น)
5. "อย่าเกา" คำพูดเบาๆ แต่แฝงด้วยความเป็นห่วง. แม้จะในฐานะหมอ แต่กุฟังแล้วฟินหนัก.
6. หมอจับมือบ๊าย บาย เชี่ย! หมอไม่อยากเจอกุ เฮิร์ตว่ะ เด็กเนิร์ดอย่างกุ เพื่อนก็มีแค่เจ๋คนเดียว จับมืออำลากุเนี่ย ความฟินกุจะสิ้นสุดแล้วจริงๆ เหรอ?
7. "ในฐานะเพื่อนกัน หมอเสียใจนะ (ที่เราจะไม่ได้เจอกัน) ในฐานะคนไข้ หมอดีใจที่คนไข้หายดี" เมิงเข้าใจคำนี้ไม๊ไอ้ยุ่น
8. ทุกฉากที่เจอกัน จะต้องมีโมเมนต์นิ่งงัน ไม่หมออิมก็ไอ้ยุ่น ความนิ่งงันนี่ทำกุฟินมาหลายเรื่องแล้วนะ. ลองดูเรื่อง Lost in translation, Eternal sunshine สิ หรือแม้แต่หนังของเต๋อเองอย่าง 36 (โครตพ่อหนังฟินเลยเรื่องนั้น)
9. เมื่อยุ่นกลับมาแล้ว. กลับมาบอกความในใจกับหมอ ถึงความสุขที่แท้จริง. หมออิมจับมือ พร้อมพลิกมือ
"ไหนว่าหายแล้วไง?"
พวกเมิงฟินกันมั้ย เฮ้ย! กุหนักมาก
10. ฉากสุดท้ายเมื่อยุ่นปิดประตู เป็นครั้งแรกที่กล้องตั้งใจไปจับอารมณ์ที่หน้าหมออิม
หมอยิ้ม พวกเมิงเห็นกันไหม...
มิตรภาพครั้งนี้ แม้มันจะจบที่เพื่อน แต่อนาคต
ทำกุคิดไปไกลเลยว่ะ
ฟรีแลนซ์แม่มเป็นหนังรัก
บอกเลย...
ฟรีแลนซ์ แม่มเป็นหนังรักจริงๆ นะ!!
เข้าเรื่องเลย
หลายคนคงผิดหวัง(อะมั้ง?) เพราะอยากจะให้มันหวานหวิวก่านี้ พีคก่านี้
แต่บอกเลย แค่นี้ผมก็จิกหมอนแล้วนะ ><
หลักฐานความหวิว(สปอยล์แหลก)
1. ทุกครั้งที่ยุ่นอยู่ในห้องแคบๆ กะหมอ แม่มโครตอยากให้เวลาผ่านไปช้า ๆ ได้เจอเดือนละครั้งเอง (แล้วทำไมไม่ขอไลน์ล่ะสัส!)
2. ทำไมหมออิมแม่มตัองตรวจละเอียดขนาดนั้น จับนู่นแหวกนี่ นี่คือการบรรลุความมโนขั้นสุดยอดแบบจำยอม
3. หมอแม่มได้ของขวัญปีใหม่ จากตั้งหลายคน แต่เค้าเลือกใช้ของกุเว้ยย การรวมตัวระหว่างวิทย์กันศิลป์. ชนะเลิศ
4. ขึ้นหวอดแล้วยังไลน์มารักษาเว้ย (ไอ้ยุ่นเอ้ยย เค้าไลน์มาตั้งแต่เช้า กับคนไข้คนอื่น)
5. "อย่าเกา" คำพูดเบาๆ แต่แฝงด้วยความเป็นห่วง. แม้จะในฐานะหมอ แต่กุฟังแล้วฟินหนัก.
6. หมอจับมือบ๊าย บาย เชี่ย! หมอไม่อยากเจอกุ เฮิร์ตว่ะ เด็กเนิร์ดอย่างกุ เพื่อนก็มีแค่เจ๋คนเดียว จับมืออำลากุเนี่ย ความฟินกุจะสิ้นสุดแล้วจริงๆ เหรอ?
7. "ในฐานะเพื่อนกัน หมอเสียใจนะ (ที่เราจะไม่ได้เจอกัน) ในฐานะคนไข้ หมอดีใจที่คนไข้หายดี" เมิงเข้าใจคำนี้ไม๊ไอ้ยุ่น
8. ทุกฉากที่เจอกัน จะต้องมีโมเมนต์นิ่งงัน ไม่หมออิมก็ไอ้ยุ่น ความนิ่งงันนี่ทำกุฟินมาหลายเรื่องแล้วนะ. ลองดูเรื่อง Lost in translation, Eternal sunshine สิ หรือแม้แต่หนังของเต๋อเองอย่าง 36 (โครตพ่อหนังฟินเลยเรื่องนั้น)
9. เมื่อยุ่นกลับมาแล้ว. กลับมาบอกความในใจกับหมอ ถึงความสุขที่แท้จริง. หมออิมจับมือ พร้อมพลิกมือ
"ไหนว่าหายแล้วไง?"
พวกเมิงฟินกันมั้ย เฮ้ย! กุหนักมาก
10. ฉากสุดท้ายเมื่อยุ่นปิดประตู เป็นครั้งแรกที่กล้องตั้งใจไปจับอารมณ์ที่หน้าหมออิม
หมอยิ้ม พวกเมิงเห็นกันไหม...
มิตรภาพครั้งนี้ แม้มันจะจบที่เพื่อน แต่อนาคตทำกุคิดไปไกลเลยว่ะ
ฟรีแลนซ์แม่มเป็นหนังรัก
บอกเลย...