สวัสดีครับ จาก post ตอนที่ 2 ที่ผ่านมาทิ้งช่วงไปนิดเดียวเอง ไม่นาน ไม่นานจาก 6 กันยา 57 มาต่ออีกที 8 กันยา 58 ทิ้งช่วงกันไม่นาน 2 วันกะอีก 1 ปี
กระทู้เดิมตอนที่ 1 Project Manager vs. Engineer (Specialist)
http://ppantip.com/topic/32544208
กระทู้เดิมตอนที่ 2 Project Manager vs. Engineer (Specialist) ภาคต่อ
http://ppantip.com/topic/32546567
หลังจาก 2 ตอนที่แล้วผมได้พูดถึงชีวิตการทำงานของ PM กับบรรดา Engineer หรืออาจจะเหมารวมถึง Resource ที่เป็นบุคลากรประเภทที่เป็น Specialist ไปพอหอมปากหอมคอ มาถึงตอนนี้ผมอยากจะขอพูดถึงการทำงานกับ Stakeholder อีกกลุ่มหนึ่งกันดีกว่า ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้จะว่าไปแล้วถือเป็นกลุ่มบุคคลที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งในองค์กร รวมทั้งใน Project แทบจะทุกๆ ที่
ในการทำงาน Project ให้กับองค์กรต่างๆ จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ผมจะแบ่งเป็นสองลักษณะ คือ
1. External Project: คือ Project ที่เรา Deliver ให้กับลูกค้าที่เป็นลูกค้าภายนอก นั่นคือ Sales ออกไปขายงานให้กับลูกค้าได้แล้ว หลังจากนั้น PM จะต้องรับงานนั้นมา Manage เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า ตามกำหนดเวลา ตามสัญญาที่เราได้รับมาจากลูกค้า
2. Internal Project: คือ Project ที่เรา Deliver ให้กับลูกค้าที่เป็นลูกค้าภายใน ตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุดคืองาน IT Project ทั้งหลายที่หน่วยงานภายในองค์กร (เช่น Marketing, Finance, HR etc.) ร้องขอหรือเปิดเป็น Project เข้ามาเพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ (โดยส่วนใหญ่คือแผนก IT) ช่วย manage และส่งมอบงานเหล่านี้ให้กับ user
ทั้ง Sales (สำหรับ External Project) และ Internal Customer/User (สำหรับ Internal Project) ถือว่าเป็นบุคคลที่มักจะมี ”อำนาจพิเศษ” กับ Project เสมอทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งบนดินและใต้ดิน ท่านที่ทำงานในลักษณะ External Project คงเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเสียงของ Sales มีพลังขนาดไหนในองค์กร นั่นก็ไม่แปลกเพราะคนเหล่านี้คือคน ”หางาน” “หา PO” เข้ามาทำให้บริษัทขับเคลื่อนไปได้
ขณะเดียวกันท่านที่คุ้นเคยกับการทำงาน Project ที่เป็น Internal Project ที่ต้องทำงานกับบรรดา Internal User ทั้งหลาย บรรดา User เหล่านี้ก็เช่นเดียวกันที่มีอิทธิพลและอำนาจใน Project ไม่ต่างกับ Sales ในกรณีของ External Project โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า User มาจากทางหน่วยงานที่เรียกว่า “หน้าบ้าน” หรือ Front Office แล้ว ขนาดของอิทธิพลหรืออำนาจนอกระบบก็จะมีขนาดที่ใหญ่ตามไปด้วย
เพื่อให้ง่ายและเห็นภาพว่าเวลาเราทำงานกับคนทั้งสองกลุ่มนี้ว่าเราจะต้องเจอะเจอกับอะไรบ้าง ผมจะขอเล่าโดยแบ่งตามหัวข้อหลักที่ PM ต้องดูแลรับผิดชอบเช่น Scope, Time, Cost ของ Project ซึ่งเป็นเรื่องหลักๆ ที่ PM ต้องสนใจอยู่แล้ว เดี๋ยวถ้าเขียนไปเรื่อยๆ แล้วนึกอะไรออกก็จะเสริมเข้าไปแล้วกันนะครับ ** ต่อจากนี้ไปจนจบกระทู้นี้ผมจะขอใช้คำว่า Project Owner ในกรณีที่ผมกล่าวถึง Sales หรือ Internal User แล้วกันนะครับเพื่อความสะดวกในการอ้างถึง**
Scope
ด้วยบทบาทที่ต่างกันของ PM และ Project Owner นั้นทำให้เรื่อง Scope กลายเป็นเรื่องที่สองฝ่ายมีมุมมองที่ต่างกันอยู่เป็นประจำ
ผมขอเริ่มจากกรณีของ External Project ก่อนแล้วกัน อย่างที่ทราบกันนะครับ สำหรับ Project ประเภทนี้ทาง PM จะเริ่มเข้ามาทำงานก็ต่อเมื่อทาง Sales สามารถปิดการขายของตัวเองได้แล้ว ในบางกรณีถึงแม้อาจจะยังไม่ได้ PO หรือไม่มีการเซ็นสัญญา แต่ด้วยความเร่งด่วนของ Project บางที PM ก็ต้องเข้าไปเริ่มงานก่อน จริงอยู่ถ้าเราอยู่ในโลกอุดมคติถ้ายังไม่มีการออก PO หรือ Sign Contract งานก็ไม่ควรจะเริ่ม แต่เชื่อเถอะถ้า PM ที่มีประสบการณ์มาสักหน่อยจะต้องเคยเข้าไปเริ่มงานทั้งๆ ที่ยังไม่มีสัญญา หรือ PO มาก่อนทั้งนั้น จะเข้าไปเริ่มก่อนช้าเร็วขนาดไหน อันนี้ก็ว่ากันตามแต่ความเคร่งครัดในกระบวนการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรแหละครับ อีกอย่างเท่าที่ผมเคยประสบพบเจอมา Sales นี่แหละครับเป็นส่วนสำคัญ ถ้างานไหนลูกค้าเป็น Account ใหญ่ Sales มีประสบการณ์สูง เก๋า อยู่มานาน แค่เริ่มมีแนวโน้มจะได้งานยังไม่ทันจะตกลงราคานี่แทบจะ Request PM ให้เริ่มงานแล้วเลยครับ (ผมเชื่อว่าทุกบริษัทมี Process ในการพิจารณาให้ PM เริ่มเข้าไปทำงาน แต่เชื่อเถอะว่าทุกที่มีข้อยกเว้น) ในกรณีแบบนี้แหละความลำบากจะเกิดกับ PM เพราะในระหว่างที่จะปิดดีล กันนี่แหละจะเป็นช่วงที่ Scope มันมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอๆ ตัดโน่น เพิ่มนี่ แปะนั่น ไม่เอาอันโน้น ปรับอันนี้วุ่นวายไปหมด บางทีงานบางงานเริ่มไปแล้ว อยู่ดีๆ Sales มาบอกว่าไม่ใช่แล้วนะ ที่บอกไปเมื่อวานเปลี่ยนอีกแล้วนะ บอกไปแล้วนี่ทำไมยังทำเหมือนเดิม กลายเป็นมาโบ้ยให้ PM เสียอย่างนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้แหละครับที่ไม่ได้มีบอกไว้ในตำรา ประสบการณ์เท่านั้นที่จะสอนว่า ในสถานการณ์แบบนี้ PM ควรจะรับมืออย่างไร ถ้าเจอ Sales ดีก็ดีไปจะคอย Update และ Keep เราอยู่ใน Loop ตลอดถ้ามีเรื่องเปลี่ยนแปลงหรือผิดพลาดก็ช่วยกัน Backup ไม่มีนอกมีใน แต่ Sales บางคนก็เหลือจะพรรณนา เอาแต่ผลประโยชน์ตัวเอง โดยที่ไม่คิดว่าคนข้างหลังจะเดือดร้อนยังไง ขอให้ฉันขายได้ปิดดีลได้เป็นพอ เรื่องรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ฉันไม่สนใจ เรื่องพวกนี้ต้องอาศัยชั่วโมงบินของ PM ในการรับมือและหาวิธีจัดการไปตามสภาพแวดล้อมและบริบทที่แตกต่างกัน ตามความรู้สึกของผม PM ที่ดีไม่ใช่คนที่ลุยทำทุกอย่างแบบลูกทุ่งไม่มีหลักการ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่คนที่กางตำราทำงานที่ว่ากันตามตัวหนังสือเป๊ะๆ พูดง่ายครับแต่สมดุลของมันอยู่ตรงไหนนี่แหละท้าทายอย่างที่สุด
ในอีกฟาก สำหรับ PM ที่ทำ Internal Project แม้ว่าจะไม่ต้องรอ PO หรือ Contract ตอนก่อนจะเริ่มงานก็ตาม แต่ความท้าทายของ Internal Project ก็จะมาในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะในงานที่เป็นลักษณะ Internal Project นั้นบางทีเส้นแบ่ง หรือ ”Scope” ของงานนั้นมันไม่ได้มีตายตัวเหมือนกับในงานที่เป็น External Project เพราะความสัมพันธ์ในแบบผู้ซื้อผู้ขายในกรณีของ External Project นั้น สัญญาจะเป็นตัวกำหนดหรือใช้อ้างอิงกันได้ในกรณีที่เกิดความเข้าใจหรือความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน แต่ถ้าเป็นในกรณีของ PM ที่ทำงาน internal project นั้นจริงอยู่ที่อาจจะมี Project Charter หรือเอกสารภายในที่บอก Scope ของ Project ว่าจะต้อง Deliver อะไรบ้าง แต่เอาเข้าจริงแล้วทางฝั่ง user เองนั่นแหละที่จะขอเพิ่มโน่นนิดนี่หน่อย เปลี่ยน Requirement กันเป็นว่าเล่นแม้ว่าตาม Process อาจจะมีการตกลงหรือ Sign-off กันไปแล้วก็ตาม PM ท่านใดที่มาจากสายงาน IT คงทราบความจริงในข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ในการพัฒนาระบบทางด้าน IT นั้นบางทีการ Control ให้ user อยู่กับร่องกับรอย ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ เป็นความท้าทายอันดับต้นๆ ของ PM ในสายงานดังกล่าวเลยทีเดียว
จากที่ผมยกตัวอย่างมาทั้งสองกรณีไม่ว่าจะเป็น External Project หรือ Internal Project เราคงจะเห็นกันแล้วนะครับว่าทำไมในสายตาของ Sales หรือ Internal Customer นั้นจึงอาจจะมอง PM ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้หรือไม่เข้าใจได้ง่ายๆ แค่เริ่มต้นเรื่อง Scope เนี่ย ในมุมมองของคนที่อยากได้งานก็จะรู้สึกว่าแหมเพิ่มโน่นนิดนี่หน่อย อีกนิดเดียวเอง ทำให้ไม่ได้เหรอ จริงๆ PM อย่างเราๆ ก็อยากจะทำให้ทุกคนนั่นแหละครับแต่บางทีก็ต้องเข้าใจคนทำงานที่ต้องลงรายละเอียด ต้องมีระยะเวลาหรือ Budget ที่ถูกกำหนดมาแล้ว ทำให้ไม่สามารถทำได้ทุกอย่างที่ขอมาหรอกครับ
แต่ก็อยากจะสะกิดเตือน PM บางท่านที่มีมาตรฐานสูงหรือยึดถือกฎเกณฑ์ ต่างๆ อย่างเคร่งครัด ปฏิเสธทุกอย่างที่เข้ามาจาก user ขออะไรก็ Say No โดยที่ยังไม่ได้ลองดูอย่างจริงๆ จังๆ ว่าพอจะทำให้ได้หรือเปล่า อันนี้ก็ต้องพึงระวังไว้เช่นกันครับ อย่าลืมว่าเราอยู่ในโลกที่มีการแลกเปลี่ยน บางทีถ้าอะไรยอมๆ กันได้ ยังอยู่ในวิสัยที่จะช่วยเหลือกันได้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ไม่เสียหายหรอกครับ วันข้างหน้าติดขัดขาดเหลืออะไรเขาก็อาจจะเห็นใจช่วยเหลือเราได้เหมือนกันนะครับ
เขียนไปเขียนมา ยาวอีกแล้ว เรื่องระหว่าง PM VS. Sales หรือ internal Customer ยังไม่จบนะครับ ยังมีอะไรเล่าให้ฟังต่ออีก อย่าลืมติดตามนะครับ หวังว่าคงไม่เบื่อกันไปเสียก่อน
Project Manager - อยากเป็นไหม? ผมจะเล่าให้ฟัง ตอนที่ 3 - Project Manager vs. Sales หรือ Internal Customer
กระทู้เดิมตอนที่ 1 Project Manager vs. Engineer (Specialist)
http://ppantip.com/topic/32544208
กระทู้เดิมตอนที่ 2 Project Manager vs. Engineer (Specialist) ภาคต่อ
http://ppantip.com/topic/32546567
หลังจาก 2 ตอนที่แล้วผมได้พูดถึงชีวิตการทำงานของ PM กับบรรดา Engineer หรืออาจจะเหมารวมถึง Resource ที่เป็นบุคลากรประเภทที่เป็น Specialist ไปพอหอมปากหอมคอ มาถึงตอนนี้ผมอยากจะขอพูดถึงการทำงานกับ Stakeholder อีกกลุ่มหนึ่งกันดีกว่า ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้จะว่าไปแล้วถือเป็นกลุ่มบุคคลที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งในองค์กร รวมทั้งใน Project แทบจะทุกๆ ที่
ในการทำงาน Project ให้กับองค์กรต่างๆ จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ผมจะแบ่งเป็นสองลักษณะ คือ
1. External Project: คือ Project ที่เรา Deliver ให้กับลูกค้าที่เป็นลูกค้าภายนอก นั่นคือ Sales ออกไปขายงานให้กับลูกค้าได้แล้ว หลังจากนั้น PM จะต้องรับงานนั้นมา Manage เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า ตามกำหนดเวลา ตามสัญญาที่เราได้รับมาจากลูกค้า
2. Internal Project: คือ Project ที่เรา Deliver ให้กับลูกค้าที่เป็นลูกค้าภายใน ตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุดคืองาน IT Project ทั้งหลายที่หน่วยงานภายในองค์กร (เช่น Marketing, Finance, HR etc.) ร้องขอหรือเปิดเป็น Project เข้ามาเพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ (โดยส่วนใหญ่คือแผนก IT) ช่วย manage และส่งมอบงานเหล่านี้ให้กับ user
ทั้ง Sales (สำหรับ External Project) และ Internal Customer/User (สำหรับ Internal Project) ถือว่าเป็นบุคคลที่มักจะมี ”อำนาจพิเศษ” กับ Project เสมอทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งบนดินและใต้ดิน ท่านที่ทำงานในลักษณะ External Project คงเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเสียงของ Sales มีพลังขนาดไหนในองค์กร นั่นก็ไม่แปลกเพราะคนเหล่านี้คือคน ”หางาน” “หา PO” เข้ามาทำให้บริษัทขับเคลื่อนไปได้
ขณะเดียวกันท่านที่คุ้นเคยกับการทำงาน Project ที่เป็น Internal Project ที่ต้องทำงานกับบรรดา Internal User ทั้งหลาย บรรดา User เหล่านี้ก็เช่นเดียวกันที่มีอิทธิพลและอำนาจใน Project ไม่ต่างกับ Sales ในกรณีของ External Project โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า User มาจากทางหน่วยงานที่เรียกว่า “หน้าบ้าน” หรือ Front Office แล้ว ขนาดของอิทธิพลหรืออำนาจนอกระบบก็จะมีขนาดที่ใหญ่ตามไปด้วย
เพื่อให้ง่ายและเห็นภาพว่าเวลาเราทำงานกับคนทั้งสองกลุ่มนี้ว่าเราจะต้องเจอะเจอกับอะไรบ้าง ผมจะขอเล่าโดยแบ่งตามหัวข้อหลักที่ PM ต้องดูแลรับผิดชอบเช่น Scope, Time, Cost ของ Project ซึ่งเป็นเรื่องหลักๆ ที่ PM ต้องสนใจอยู่แล้ว เดี๋ยวถ้าเขียนไปเรื่อยๆ แล้วนึกอะไรออกก็จะเสริมเข้าไปแล้วกันนะครับ ** ต่อจากนี้ไปจนจบกระทู้นี้ผมจะขอใช้คำว่า Project Owner ในกรณีที่ผมกล่าวถึง Sales หรือ Internal User แล้วกันนะครับเพื่อความสะดวกในการอ้างถึง**
Scope
ด้วยบทบาทที่ต่างกันของ PM และ Project Owner นั้นทำให้เรื่อง Scope กลายเป็นเรื่องที่สองฝ่ายมีมุมมองที่ต่างกันอยู่เป็นประจำ
ผมขอเริ่มจากกรณีของ External Project ก่อนแล้วกัน อย่างที่ทราบกันนะครับ สำหรับ Project ประเภทนี้ทาง PM จะเริ่มเข้ามาทำงานก็ต่อเมื่อทาง Sales สามารถปิดการขายของตัวเองได้แล้ว ในบางกรณีถึงแม้อาจจะยังไม่ได้ PO หรือไม่มีการเซ็นสัญญา แต่ด้วยความเร่งด่วนของ Project บางที PM ก็ต้องเข้าไปเริ่มงานก่อน จริงอยู่ถ้าเราอยู่ในโลกอุดมคติถ้ายังไม่มีการออก PO หรือ Sign Contract งานก็ไม่ควรจะเริ่ม แต่เชื่อเถอะถ้า PM ที่มีประสบการณ์มาสักหน่อยจะต้องเคยเข้าไปเริ่มงานทั้งๆ ที่ยังไม่มีสัญญา หรือ PO มาก่อนทั้งนั้น จะเข้าไปเริ่มก่อนช้าเร็วขนาดไหน อันนี้ก็ว่ากันตามแต่ความเคร่งครัดในกระบวนการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรแหละครับ อีกอย่างเท่าที่ผมเคยประสบพบเจอมา Sales นี่แหละครับเป็นส่วนสำคัญ ถ้างานไหนลูกค้าเป็น Account ใหญ่ Sales มีประสบการณ์สูง เก๋า อยู่มานาน แค่เริ่มมีแนวโน้มจะได้งานยังไม่ทันจะตกลงราคานี่แทบจะ Request PM ให้เริ่มงานแล้วเลยครับ (ผมเชื่อว่าทุกบริษัทมี Process ในการพิจารณาให้ PM เริ่มเข้าไปทำงาน แต่เชื่อเถอะว่าทุกที่มีข้อยกเว้น) ในกรณีแบบนี้แหละความลำบากจะเกิดกับ PM เพราะในระหว่างที่จะปิดดีล กันนี่แหละจะเป็นช่วงที่ Scope มันมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอๆ ตัดโน่น เพิ่มนี่ แปะนั่น ไม่เอาอันโน้น ปรับอันนี้วุ่นวายไปหมด บางทีงานบางงานเริ่มไปแล้ว อยู่ดีๆ Sales มาบอกว่าไม่ใช่แล้วนะ ที่บอกไปเมื่อวานเปลี่ยนอีกแล้วนะ บอกไปแล้วนี่ทำไมยังทำเหมือนเดิม กลายเป็นมาโบ้ยให้ PM เสียอย่างนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้แหละครับที่ไม่ได้มีบอกไว้ในตำรา ประสบการณ์เท่านั้นที่จะสอนว่า ในสถานการณ์แบบนี้ PM ควรจะรับมืออย่างไร ถ้าเจอ Sales ดีก็ดีไปจะคอย Update และ Keep เราอยู่ใน Loop ตลอดถ้ามีเรื่องเปลี่ยนแปลงหรือผิดพลาดก็ช่วยกัน Backup ไม่มีนอกมีใน แต่ Sales บางคนก็เหลือจะพรรณนา เอาแต่ผลประโยชน์ตัวเอง โดยที่ไม่คิดว่าคนข้างหลังจะเดือดร้อนยังไง ขอให้ฉันขายได้ปิดดีลได้เป็นพอ เรื่องรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ฉันไม่สนใจ เรื่องพวกนี้ต้องอาศัยชั่วโมงบินของ PM ในการรับมือและหาวิธีจัดการไปตามสภาพแวดล้อมและบริบทที่แตกต่างกัน ตามความรู้สึกของผม PM ที่ดีไม่ใช่คนที่ลุยทำทุกอย่างแบบลูกทุ่งไม่มีหลักการ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่คนที่กางตำราทำงานที่ว่ากันตามตัวหนังสือเป๊ะๆ พูดง่ายครับแต่สมดุลของมันอยู่ตรงไหนนี่แหละท้าทายอย่างที่สุด
ในอีกฟาก สำหรับ PM ที่ทำ Internal Project แม้ว่าจะไม่ต้องรอ PO หรือ Contract ตอนก่อนจะเริ่มงานก็ตาม แต่ความท้าทายของ Internal Project ก็จะมาในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะในงานที่เป็นลักษณะ Internal Project นั้นบางทีเส้นแบ่ง หรือ ”Scope” ของงานนั้นมันไม่ได้มีตายตัวเหมือนกับในงานที่เป็น External Project เพราะความสัมพันธ์ในแบบผู้ซื้อผู้ขายในกรณีของ External Project นั้น สัญญาจะเป็นตัวกำหนดหรือใช้อ้างอิงกันได้ในกรณีที่เกิดความเข้าใจหรือความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน แต่ถ้าเป็นในกรณีของ PM ที่ทำงาน internal project นั้นจริงอยู่ที่อาจจะมี Project Charter หรือเอกสารภายในที่บอก Scope ของ Project ว่าจะต้อง Deliver อะไรบ้าง แต่เอาเข้าจริงแล้วทางฝั่ง user เองนั่นแหละที่จะขอเพิ่มโน่นนิดนี่หน่อย เปลี่ยน Requirement กันเป็นว่าเล่นแม้ว่าตาม Process อาจจะมีการตกลงหรือ Sign-off กันไปแล้วก็ตาม PM ท่านใดที่มาจากสายงาน IT คงทราบความจริงในข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ในการพัฒนาระบบทางด้าน IT นั้นบางทีการ Control ให้ user อยู่กับร่องกับรอย ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ เป็นความท้าทายอันดับต้นๆ ของ PM ในสายงานดังกล่าวเลยทีเดียว
จากที่ผมยกตัวอย่างมาทั้งสองกรณีไม่ว่าจะเป็น External Project หรือ Internal Project เราคงจะเห็นกันแล้วนะครับว่าทำไมในสายตาของ Sales หรือ Internal Customer นั้นจึงอาจจะมอง PM ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้หรือไม่เข้าใจได้ง่ายๆ แค่เริ่มต้นเรื่อง Scope เนี่ย ในมุมมองของคนที่อยากได้งานก็จะรู้สึกว่าแหมเพิ่มโน่นนิดนี่หน่อย อีกนิดเดียวเอง ทำให้ไม่ได้เหรอ จริงๆ PM อย่างเราๆ ก็อยากจะทำให้ทุกคนนั่นแหละครับแต่บางทีก็ต้องเข้าใจคนทำงานที่ต้องลงรายละเอียด ต้องมีระยะเวลาหรือ Budget ที่ถูกกำหนดมาแล้ว ทำให้ไม่สามารถทำได้ทุกอย่างที่ขอมาหรอกครับ
แต่ก็อยากจะสะกิดเตือน PM บางท่านที่มีมาตรฐานสูงหรือยึดถือกฎเกณฑ์ ต่างๆ อย่างเคร่งครัด ปฏิเสธทุกอย่างที่เข้ามาจาก user ขออะไรก็ Say No โดยที่ยังไม่ได้ลองดูอย่างจริงๆ จังๆ ว่าพอจะทำให้ได้หรือเปล่า อันนี้ก็ต้องพึงระวังไว้เช่นกันครับ อย่าลืมว่าเราอยู่ในโลกที่มีการแลกเปลี่ยน บางทีถ้าอะไรยอมๆ กันได้ ยังอยู่ในวิสัยที่จะช่วยเหลือกันได้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ไม่เสียหายหรอกครับ วันข้างหน้าติดขัดขาดเหลืออะไรเขาก็อาจจะเห็นใจช่วยเหลือเราได้เหมือนกันนะครับ
เขียนไปเขียนมา ยาวอีกแล้ว เรื่องระหว่าง PM VS. Sales หรือ internal Customer ยังไม่จบนะครับ ยังมีอะไรเล่าให้ฟังต่ออีก อย่าลืมติดตามนะครับ หวังว่าคงไม่เบื่อกันไปเสียก่อน