ฮัลโหล…สปาเคลื่อนที่มาแล้วค่ะ

กระทู้สนทนา
ฮัลโหล…สปาเคลื่อนที่มาแล้วค่ะ

ร้านสปานวดเท้า  แถวบ้านฉันเปิดแข่งกันราวกับดอกเห็ด   ไม่ว่าจะเป็นที่ห้าง   ข้างตลาด  หลังปั๊มน้ำมัน   ติดกับโรงภาพยนต์ และไม่ว่าจะผ่านไปเมื่อไหร่  ทุกร้านก็จะมีลูกค้าเต็มไปหมด   และลูกค้าแต่ละคนที่นั่งให้เขานวดเท้า   หน้าตายิ้มแย้มมีความสุข   ฉันเห็นแล้วขยับๆจะเข้าไปในร้านก็หลายครั้ง   เพราะอยากแฮปปี้อย่างพวกเขาบ้าง   แต่ความที่ยุ่งๆ ก็เลยผัดผ่อนเรื่อยมา
เดี๋ยวไป
แต่ก็ไม่ได้ไปสักที

กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้   แทมมี่ ลูกพี่ลูกน้องของแฟนที่เป็นพยาบาล  ไปนวดเท้าที่สปาใกล้ที่ทำงานของหล่อน  พอเจอหน้ากันวันหยุด   หล่อนก็พร่ำพรรณนาสรรพคุณของสปาแห่งนั้น   ว่าดีกว่าทุกที  วิเศษกว่าทุกแห่งที่ไป  แถมยุให้ฉันไปบ้าง ด้วยยกเหตุผลที่เข้าที ขึ้นมาโน้มน้าวใจฉัน
การบีบนวด หรือกดจุดตามส่วนต่าง ๆ อย่างถูกวิธีจะทำให้ระบบเลือดบริเวณเท้าไหลเวียนได้ดี ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยทำให้รู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายมากขึ้น

แทมมี่พูดเสียจนฉันคล้อยตาม  และหมายใจว่า ยังไงเสีย  อาทิตย์นี้แหละ  ฉันจะไปนวดเท้า นวดขาอย่างใครๆบ้าง  
เซอร์ไพรส์ๆๆๆ  เพราะแค่คิด แต่ ไม่ทันจะได้ไป สปาก็เคลื่อนที่มาหาฉันที่บ้านเสียก่อนในวันเกิดเหตุ  

ฉันซึ่งอยู่ในชุดลำลอง  กางเกงยีนส์ขาสั้นชายขาดรุ่ยๆ  เสื้อยืดที่ไม่สวย  แต่ใส่แล้วสบาย   กำลังสาละวนอยู่ในครัวเพื่อเตรียมอาหารมื้อเย็น   ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน   ก็ละมือ  ก้าวยาวๆไปที่ประตู   เย็นป่านนี้ไม่ใช่ไปรษณีย์แน่นอน  
แต่ใครกันนะที่มาเยือน

ถ้าวันไหน อยู่คนเดียว ก่อนเปิดประตู  ฉันจะย่องไปดูช่องสำหรับแอบมองที่ประตู   ( Peep hole, พีพ'โฮล )
เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ใช่ผู้ร้าย แต่วันนี้ไม่ต้องทำอย่างนั้น  เพราะแฟนทำงานอยู่ในห้องทำงานชั้นบน  
แรมโบ้ อยู่ทั้งคนจะต้องไปกลัวอะไร

ทันทีที่ฉันเปิดประตู  ก็แปลกใจไม่น้อย เมื่อพบกับ  สาวสาวสาว  เอ๊ย  ไม่ใช่ค่ะ   ขออภัย   ผู้มาเยือน คือ  ลูกสาวเพื่อนบ้าน สามคน  

หนูเคท กับ หนูซาร่า  เป็นพี่น้องกัน  หนูเคทพี่สาวอายุสิบเอ็ดปี  ซาร่าคนน้องแปดปี   ส่วนสาวคนสุดท้ายคือ หนูพริตตี้  เด็กกว่าเขาเพื่อน วัยแค่เจ็ดปี  ทั้งสามคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน  พูดถึงหนูพริตตี้ คุณพ่อของหนูพริตตี้คือคุณบิลล์  บ้านเขาอยู่ติดกับฉัน  เราสนิทกันดี

“สวัสดีจ๊ะ หนูๆ แวะมานี่  มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอจ๊ะ”  ฉันถามยิ้มๆ  อย่างคุณป้าใจดี  ไม่ใช่ หมาป่า  ที่แปลงร่างมาหวังจะ  จ้องตะครุบหนูน้อยหมวกแดงหรอกนะ  อันนั้นคนละเรื่อง

“สวัสดีค่ะ มิสอนันต์  เราสามคนมานี่ ก็เพื่อจะถามว่า  มิสอนันต์  อยากจะแต่งหน้า  ทำสปาเท้า บ้างไหม”   หนูซาร่า ที่เป็นคนมาเคาะประตู  รายงาน ในขณะที่เคทยังนั่งประจำที่คนขับบนรถกอล์ฟ   ส่วนพริตตี้ยืนกอดอกพิงรถ อยู่ที่ถนนนั่น

“เหอ”  ( คุณป้างง )

“คืออย่างนี้นะคะ  มิสอนันต์   เราสามคนกำลังหาเงิน เพื่อซื้อทีวี   และแอร์คอนดิชั่น  ไปใส่  บ้านตุ๊กตาของเรา  เราก็เลยออกรับจ็อบพิเศษ   ทำสปาร์เคลื่อนที่” ( เด็กแถวบ้าน เรียกฉัน  ว่ามิสอนันต์ ทุกคนค่ะ    )

ขอเบรค  ตรงนี้นิดหนึ่งนะคะ   เพื่ออธิบายกับคุณผู้อ่านทุกท่าน  จะได้ไม่งงกัน

น้องพริตตี้  ลูกสาวของคุณบิลล์   เธอมี บ้านตุ๊กตา หรือ Doll house  ตั้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน ของเธอ   คุณบิลล์ คุณพ่อเธอ  ซื้อให้เมื่อวันเกิดปีที่แล้ว   พอถึงวันหยุด เธอกับเพื่อนๆในหมู่บ้านก็ไปเล่นในบ้านตุ๊กตา อย่างสนุกสนาน

รายงานที่ได้รับจากซาร่า  นำรอยยิ้มมาให้ฉัน เพราะครั้งหนึ่ง   ตอนที่ฉันยังเด็ก  ฉันก็เป็นแบบพวกเขา  และเด็กหญิงทั้งหลาย  ที่หลงใหล และชื่นชมบ้านตุ๊กตา

พูดถึงบ้านตุ๊กตา ครั้งหนึ่งฉันก็เคยมีเหมือนกันนะคะ  แม้ว่าบ้านตุ๊กตาของฉันหลังนั้น จะไม่งดงามเหมือนของหนูพริตตี้  เพราะมันเป็นแค่กล่องกระดาษที่เอามาตัด  เป็นฝา  และหลังคา  เอาเทปแปะลวกๆ   แล้วฉันกับเพื่อนก็เข้าไปคลุกอยู่ในบ้านตุ๊กตาที่ทำจากกระดาษอันโย้เย้     เป็นวันๆ   เล่นหม้อข้าวหม้อแกง  หรือแต่งตัวตุ๊กตากระดาษที่เราวาดมันขึ้นมา พร้อมกับชุดสวยๆ   แล้วเราก็เปลี่ยนชุดนั้นชุดนี่ไปเรื่อยๆอย่างสำราญบานใจ


“ที่ฉันพูดมานี่  คุณเข้าใจไหมคะ มิสอนันต์”   คำถามของหนูซารา  ดึงเอาความคิดของฉันกลับมา  พร้อมกับบ้านตุ๊กตาที่ทำจากกระดาษของฉันก็หายวับไปในอากาศ

“ถ้าฉันตกลงใจ จะใช้ บริการของเธอสามคน  เธอคิดเท่าไหร่หรือจ๊ะ”  ฉันถามยิ้มๆ  นึกสนุกไปกับหนูน้อย  ทั้งที่งานบ้านล้นมือ

“แต่งหน้า  กับ  สปาเท้า  รวมกัน สิบเหรียญค่ะ”  ซาร่าตอบฉะฉาน
“แล้วถ้าไม่แต่งหน้า แต่ทำแต่สปาอย่างเดียวล่ะ” ฉันถามยิ้มๆ  (  เอาวะ เป็นไงเป็นกัน )

“ห้าเหรียญค่ะ “ ซาร่าตอบโดยเร็วๆ ก่อนจะพูดต่อไปยืดยาวชนิดไม่หายใจหายคอ ” แต่หนูว่า  มิสอนันต์  น่าจะแต่งหน้าด้วยนะคะ  เพราะหนูคิดว่า  ถ้ามิสอนันต์แต่งหน้า  จะต้องสวยมากๆเลย  และถ้ามิสอนันต์ตกลงจะแต่งหน้าจริงๆ  หนูจะแต่งหน้ามิสอนันต์ให้สุดฝีมือเลยค่ะ “  นักธุรกิจ รุ่นจิ๋ว  พยายามโน้มน้าวใจฉันสุดฤทธิ์

“นี่ หนูแต่งหน้าได้ด้วยเหรอ” ฉันถามอย่างแปลกใจ

“ได้ซิค่ะ เก่งด้วยค่ะ  บางทีหนูยังแต่งหน้าให้แม่หนูเลย  ”  ซาร่าคุยซะเลย

“แล้วถ้าฉันให้หนู สิบเหรียญ แต่ทำแค่สปาเท้า   ไม่แต่งหน้าจะได้ไหม”   ฉันต่อลอง   แต่ไม่ได้เหตุผลกับหนูซาร่า
ที่ฉันไม่ให้แต่งหน้าให้นั้น  เพราะฉันนึกไม่ออกจริงๆว่า  ฉันจะให้เด็กวัยแปดขวบมาแต่งหน้าให้ตัวเองอย่างไร  ถึงสปาก็เถอะ ที่ตกปากรับคำไป  ก็เพราะไม่อยากเห็นทั้งสามผิดหวัง   อีกทั้งคำนึงถึงความจริงที่ว่านั้นด้วย
บ้าน (ตุ๊กตา)  ที่ไม่มีทีวี  คนอยู่ก็เหงาแย่  
และถ้าไม่มีแอร์คอนดิชั่นละก้อ    คงได้ร้อนตาย

“ว่าไง ตกลงไหมจ๊ะ”  คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายถามซาร่าบ้าง  เมื่ออีกฝ่ายยืนงง  

“ได้ค่ะ  “ หนูซาร่าร้องออกมาดังๆอย่างยินดี หันไปร้องบอกพี่สาวและเพื่อน  “มิสอนันต์  ใช้บริการของเราแล้ว  “
ทั้งสองได้ยินก็ไม่รอช้า  ช่วยกันหอบอุปกรณ์ในการทำสปา ลงจากรถ   โดยมีฉันยืนยิ้มแฉ่งรอที่หน้าประตู   เมื่ออีกสองคนมาสมทบ ฉันที่เป็นเจ้าของบ้านก็นำหน้า  พาอนาคตนักธุรกิจไฟแรง  ตัวน้อยทั้งสามคน เข้ามาในบ้าน เมื่อทุกคนเข้ามาเรียบร้อย ก็ปิดประตูลงกลอน

ซึ่งถ้าตอนนั้น  ฉันมีลูกแก้ววิเศษ   มองอนาคตภายหน้าได้แล้วละก้อ  ฉันคงบอกกับ หนูซาราว่า  
“ไม่ละจ๊ะ ขอบคุณ”

เด็กหญิงทั้งสามคน  เดินตามฉัน เข้ามาในห้องรับแขก    ท่าทางแต่ละคนแข็งขัน  ช่วยกันหอบหิ้วอุปกรณ์  
“จะให้เราทำที่ไหนคะ” แคทถาม
“ที่โซฟาเป็นไง”  ฉันตอบ    นำหน้าหนูๆ   ไปยังโซฟา  เมื่อไปถึงก็ยืนมองทั้งสาม  ที่ช่วยกันคนละมือละไม้  
ก่อนที่ซาร่าจะเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ ปูลงบนพื้นหน้าโซฟาตัวเล็ก  เรียบร้อยก็หันมาบอกฉัน
“นั่งค่ะ มิสอนันต์ หนูจะนวดขาให้คุณก่อน”

เอาจริงเหรอนี่ ไอ้เราก็คิดว่าพูดเล่นๆ  ฉันคิดในใจ  ทำตามที่ซาร่าว่า  นั่งลงบนโซฟา เอาเท้าวางบนผ้าขนหนู  ท่าทางของซาร่าตอนนั้น  มืออาชืพมาเห็นเป็นต้องอาย

“หนูจะทาครีม แล้วก็นวดก่อน   จากนั้นถึงจะให้คุณแช่เท้าในอ่างซึ่งเราจะใส่ *ลูกOrbeez ลงไปในนั้น “ ซาร่าบอกกับฉัน อย่างแคล่วคล่อง  ( *ลูก orbeez ลักษณะของมัน  เป็นลูกใสใสที่มีหลายสี , แต่ในเรื่องนี้ จะเป็นสีขาวล้วนนะคะ )
“ตกลง” “ฉันบอกยิ้มๆ  มองไปทางเคท ที่กำลังดึง อ่างพลาสติก  สำหรับแช่เท้าออกจากกล่อง  โดยมีพริตตี้คอยช่วย

ซาร่าหันไปหยิบขวดครีมที่มีที่กด  ที่ตั้งบนโต๊ะติดมือหันกลับมา กดแรงๆ  แต่แรงไปนิด  ครีมกระเด็นลงพื้นไม้  ที่ฉันเพิ่งจะถูไปเมื่อวาน  เป็นทางยาว

“อุ๊ย หนูขอโทษค่ะ” ซาร่าบอกกับฉัน  พร้อมกับเอามือถูครีมที่แรกเริ่มเดิมที เป็นจุดเล็กๆ ไปมาหลายครั้ง  จากจุดเล็กๆ ตอนนี้ กลายเป็นปื้นยาว  ดูไม่จืด
“ไม่เป็นไร ซาร่า เดี๋ยวฉันทำเอง ”  ฉันร้องบอกยิ้ม  ไม่ได้ตกอกตกใจอะไร  เพราะพื้นถูซะหน่อย เดี๋ยวก็เป็นเงาวับเหมือนเดิม  

ซาร่าเอาครีมทาน่องทั้งสองของฉัน  ระหว่างนั้น   เคทก็เอาอ่างแช่เท้าพลาสติก มาวางตรงหน้า  แล้วหันไปบอก  พริตตี้ที่กำลังดึงเอาถุงใส่ลูก Orbeez ออกมาจากกล่อง
แต่แทนที่จะจับปากถุง พริตตี้ดันคว้าก้นถุง  แล้วบังเอิญจริงๆที่ปากถุงดันปิดไม่สนิท  พอพริตตี้จับมันดึงขึ้นมา ปากถุงเลยเปิดอออก  ลูกOrbeez เลยกระจายเกลื่อนพื้น

“ว้าย” สาวน้อยทั้งสามคนร้องขึ้นมาพร้อมๆกันอย่างตกใจ   ในขณะที่ มิสอนันต์ ร้องไม่ออก  ได้แต่มองลูก Orbeez วิ่งไปทุกทิศทุกทาง อย่างฉงนฉงายใจ
“คุณพระช่วย!!!  ฉันร้องแรกในใจ  หลังจากสติหวลคืนกลับมาอีกครั้ง  ตาทั้งสองจ้องเขม็งไปยัง ลูก Orbeez มากมายที่ วิ่งไปบนพื้น  ถ้าคุณนึกภาพไม่ออก   ขอให้จินตนาการตามคนเขียน  

คุณลองเอาลูกแก้วใส่กระป๋องให้เต็ม  แล้วชูขึ้นเหนือศีรษะ   จากนั้นก็เทมันลงบนพื้น  ลูกแก้วก็จะกระจายเกลื่อน
แต่ข้อแตกต่างระหว่างลูกแก้ว กับลูก Orbeez
ลูกแก้วอยู่ในสถานะของแข็ง   เราจะจับ หรือบีบ มันก็ไม่แตก  แต่ลูก Orbeez  เป็นของเหลว   แค่แตะเบาๆ  ก็แตกดังโพละ  เลอะพื้นเป็นวง  กระจายเกลื่อน  


“เกิดอะไรกันขึ้น เอะอะเชียว” แรมโบ้ เอ๊ย  แฟนได้ยินเสียงเอะอะ  ชะโงกหน้าจากชั้นบนถามยิ้มๆ  ฉันถอนใจยาว  รายงานกับเขายิ้มๆ

““หนูๆ เขาหาลำไพ่พิเศษ  ทำสปาเคลื่อนที่ ฉันให้เขานวดเท้าให้   แต่พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย   ว่าแต่คุณเถอะ  สนใจจะนวดฝ่าเท้าบ้างไหมล่ะ”  

“เหอ” เขาร้องออกมาดังๆ ทำหน้าประหลาดใจเหลือล้ำ
“อย่ามัวแต่เหอ ลงมาเร็วๆ” ฉันร้องบอกเขาดังๆ  กวักมือเรียกยิกๆ   หาเพื่อนร่วมชะตากรรมนั่นแหละเรื่องของเรื่อง

“มิสอนันต์  คุณแน่ใจเหรอคะ ว่าคุณจะไม่ทำสปาต่อ”  คนถามคือเคท   ถามเสร็จ  ก็เอาสองมือกอบ ลูกOrbeez ใส่อ่างแช่เท้า   ซึ่งตอนแรกมันก็เป็นสีขาว  แต่ตอนนี้กระดำกระด่าง   เพราะบางลูกที่กลิ้งเข้าไปหลังตู้โชว์  และบาร์  ไม้กวาด กับไม้ถูพื้นไปไม่ถึง  เจอเอาฝุ่น และหยากไย่ ดำปี๋ แล้วหนูเคทจะให้ฉันเอาเท้าลงไปจุ่มในอ่างที่ดำปี๋  
“อ๊ายหยา”

“แน่ใจจ๊ะ ” ฉันตอบหนักแน่น   แอบหลิ่วตาให้แฟน  ที่ยืนกลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆ  
“นอกจากฉัน  เธอยังมีลูกค้าคนอื่นอีกไหม”   ฉันถามไป  เอาไม้กวาดลูก Orbeez ไป  กับข้าวก็ยังไม่ได้ทำ  กลับต้องมากวาดบ้านแทน

“ออกจากบ้านคุณ  ฉันจะไปบ้าน มิสเจสซิก้า  เธอเรียกให้พวกเราไปทำสปาเท้า  และแต่งหน้าให้  ”

“งั้นช่วย  บอกมิสเจสซิก้าด้วยนะ  ว่ามิสอนันต์  คิดถึง นะจ๊ะ ”   ฉันพูดเรียบๆ  พยายามกลั้นหัวเราะสุดขีด
“ได้ค่ะ”

“ที่รัก  มีแบงค์สิบ  ไหม ฉันจะให้หนูๆพวกนี้“ ฉันร้องถามแฟน  แฟนยังไม่พูดอะไร  เคทปฏิเสธลั่น
“เราไม่คิดค่าบริการหรอกค่ะ เพราะเราทำบ้านคุณเลอะ”

“แต่น้องซาร่านวดขาให้ฉัน ก่อนที่พวกเธอทำบ้านฉันเลอะ  ยังไงฉันก็ต้องให้” ฉันว่า
“งั้นเราขอแค่ห้าเหรียญพอ”เคทต่อรอง
“ตกลง จ๊ะ” ฉันบอกกับเคท  เดอะซีอีโอ  (  CEO = Chief Executive Officer  )

หลังจากจ่ายค่าแรงให้เคท และคณะ   ฉันก็เดินออกไปส่งทั้งสามถึงที่จอดรถ  รอจนเคท พารถบ่ายหน้าไปยังบ้านของ เจสซิก้าที่อยู่ตรงข้ามกัน  ฉันก็พึมพำออกมาเบาๆ
“ขอให้พระเจ้า  จงคุ้มครองเธอด้วยเถิดนะ  มิสเจสซิก้า ”

เมื่อฉันกลับเข้ามาในบ้าน  ก็พบว่าแฟนกำลังยืนอยู่กลางห้องรับแขก  ที่เต็มไปด้วย ลูก Orbeez  สีหน้าและท่าทางของเขายังคงงงงันเหมือนเดิม  
ฉันจึงก้าวไปยืนข้างเขา  เขาหันมาทางฉัน ไม่พูดอะไรแต่ยื่นมือมาให้  ฉันไม่รอช้า ยื่นมือไปจับมือเขา  พร้อมกับนึกถึงคำสาบาน ในวันที่เราแต่งงานกัน

For better or worse
ไม่ว่าจะยากดีมีจน  สุข หรือทุกข์ เราจะยืนหยัดอยู่ข้างกัน
เพราะตลอดเวลา ที่ครองคู่กันมา…..
เราสองคน  เคยผ่านเรื่องราวร้าย และแย่ๆมานับไม่ถ้วน   อย่างคราวหนึ่ง  ต้องติดอยู่ในสนามบินเป็นวันๆ  เพราะหิมะลงหนัก เครื่องดีเลย์  
หรือคราวที่เจอพายุเฮอริเคนเมื่อหลายปีก่อน  สองเราต้อง ช่วยกันลากเรือที่ท่าน้ำมาจอดใกล้ๆบ้าน  ก่อนที่พายุจะหอบเรือไปทิ้งในอ่าวแม็กซิโก
อีกทั้งยังเคย  เข้าไปหลบอยู่ในหลุมหลบภัย  หนีทอร์เนโดที่พัดกระหน่ำอย่างไม่ปราณี
แต่เราก็ผ่านมันมาได้…..

แต่อนิจจา  พอมาเจอลูก Orbeez  เกลื่อนบ้าน  ฉันกลับยืนงง   ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนก่อน
“จะยืนงงอะไรล่ะที่รัก  จะเก็บตรงไหนก็เลือกเอา  ชักช้า โอ้เอ้ เดี๋ยวผมเปลี่ยนใจ  ไม่ช่วยด้วยนะ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่