สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
เคยเจอมาเหมือนกันครับ แต่ผมสามารถหลุดพ้นจากมันมาได้
"ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากหล่อหลอมจิตใจตัวเองให้แข็งแกร่งครับ"
ให้มองว่าพ่อแม่จริงๆก็คือคนอื่น ถึงเป็นคนที่เป็นผู้ให้กำเนิดในความหมายคนทั่วไป แต่สิ่งนึงที่ต้องไม่ลืมคือ เค้าก็ไม่ได้มีชีวิตเดียวกับคุณอยู่ดี
ทางที่ดีคือหลีกหนีให้ไกลครับ ทุกวันนี้ผมส่งเงินให้แต่ไม่กลับไปเจอหน้าแล้ว ทำดีที่สุดคือเท่านี้
มองให้แตกว่านั่นคือสิ่งไม่ดีสิ่งหนึ่งที่เกิดกับชีวิตเป็นปัญหาหนึ่งที่เราต้องผ่านไปไม่ต่างจากปัญหาอื่น ไม่ต่างจากปัญหาเพื่อน หรือ ที่ทำงาน
ในเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เค้าทำไม่ดี เราก็อย่าไปเอาตัวอย่างครับ ตัวอย่างที่ดีและประสบความสำเร็จมีมากมายให้เดินตาม ไม่จำเป็นว่าเป็นพ่อแม่แล้วต้องสอนลูกได้ถูกต้องเสมอไป เราเดินตามความคิดตัวอย่างบุคคลสำคัญที่ประสบความสำเร็จดีกว่ามาก
เวลาคุยกันพูดตรงๆครับไม่ต้องเกรงใจอะไรกันอีกต่อไป อันไหนที่ทำไม่ดีกับเราก็พูดตรงๆ อย่าไปเก็บ อย่าไปยึดติดการสอนแบบโบราณในบ้านเรา ที่แบบพ่อแม่ห้ามเถียงห้ามด่า นับวันมีแต่จะสร้างปมในใจให้เป็นแผลเป็นที่ยากจะแก้ อันไหนไม่ดีก็สวนไปครับ
ละอย่าไปหวังเอาธรรมมะกล่อมเกลาจิตใจไรครับ นั่นเป็นการหนีปัญหา แค่ทำเป็นลืมเวลาไปอยู่แบบนั้นชั่วขณะ พอกลับมาเจออีกก็แย่อีก
ดังนั้นทางเดียวที่เราจะแก้ปัญหาคือทุบทำลายและเดินเหยียบผ่านมันไปให้ได้ครับ เมื่อไรที่เราเหยียบมันได้ครั้งนึงมันจะไม่มีอิทธิพลเหนือเราอีกต่อไป อย่าใช้วิธียอมรับแล้วทำใจ หรือใช้วิธีหลีกเลี่ยงไปวันๆเด็ดขาดครับ
"ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากหล่อหลอมจิตใจตัวเองให้แข็งแกร่งครับ"
ให้มองว่าพ่อแม่จริงๆก็คือคนอื่น ถึงเป็นคนที่เป็นผู้ให้กำเนิดในความหมายคนทั่วไป แต่สิ่งนึงที่ต้องไม่ลืมคือ เค้าก็ไม่ได้มีชีวิตเดียวกับคุณอยู่ดี
ทางที่ดีคือหลีกหนีให้ไกลครับ ทุกวันนี้ผมส่งเงินให้แต่ไม่กลับไปเจอหน้าแล้ว ทำดีที่สุดคือเท่านี้
มองให้แตกว่านั่นคือสิ่งไม่ดีสิ่งหนึ่งที่เกิดกับชีวิตเป็นปัญหาหนึ่งที่เราต้องผ่านไปไม่ต่างจากปัญหาอื่น ไม่ต่างจากปัญหาเพื่อน หรือ ที่ทำงาน
ในเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เค้าทำไม่ดี เราก็อย่าไปเอาตัวอย่างครับ ตัวอย่างที่ดีและประสบความสำเร็จมีมากมายให้เดินตาม ไม่จำเป็นว่าเป็นพ่อแม่แล้วต้องสอนลูกได้ถูกต้องเสมอไป เราเดินตามความคิดตัวอย่างบุคคลสำคัญที่ประสบความสำเร็จดีกว่ามาก
เวลาคุยกันพูดตรงๆครับไม่ต้องเกรงใจอะไรกันอีกต่อไป อันไหนที่ทำไม่ดีกับเราก็พูดตรงๆ อย่าไปเก็บ อย่าไปยึดติดการสอนแบบโบราณในบ้านเรา ที่แบบพ่อแม่ห้ามเถียงห้ามด่า นับวันมีแต่จะสร้างปมในใจให้เป็นแผลเป็นที่ยากจะแก้ อันไหนไม่ดีก็สวนไปครับ
ละอย่าไปหวังเอาธรรมมะกล่อมเกลาจิตใจไรครับ นั่นเป็นการหนีปัญหา แค่ทำเป็นลืมเวลาไปอยู่แบบนั้นชั่วขณะ พอกลับมาเจออีกก็แย่อีก
ดังนั้นทางเดียวที่เราจะแก้ปัญหาคือทุบทำลายและเดินเหยียบผ่านมันไปให้ได้ครับ เมื่อไรที่เราเหยียบมันได้ครั้งนึงมันจะไม่มีอิทธิพลเหนือเราอีกต่อไป อย่าใช้วิธียอมรับแล้วทำใจ หรือใช้วิธีหลีกเลี่ยงไปวันๆเด็ดขาดครับ
แสดงความคิดเห็น
ใครมีปมในใจเรื่องที่พ่อแม่ทำไม่ดีกับเราบ้างคะ? มีวิธีลบมันออกไปจากใจไหม
พ่อแม่เราเป็นพ่อแม่ที่รักน้องมากกว่าค่ะ ตั้งอายุไม่กี่เดือนก็ถูกส่งไปอยู่กับยายเพราะแม่คลอดน้องชาย น้องอายุห่างกันสี่ปีค่ะ ยายเล่าว่าแม่อยากมีเวลาดูแลน้องเลยให้ยายเลี้ยงเรา ความเสียใจครั้งแรกคือ วันที่พ่อแม่มารับกลับไปอยู่ด้วยตอนประมาณเจ็ดขวบ เราเคยเป็นลูกคนเดียวมาก่อน ตอนนั้นคิดว่าพ่อแม่รักเราเหมือนเดิม พอถึงวันแม่ก็ร้อยมาลัยดอกมะลิไปให้แม่ แต่แม่อุ้มน้องเดินเล่นอยู่ในสวน พอดีกับที่ตอนนั้นน้องงอแง แม่ได้มาลัยเรามาก็ไม่มีที่ถือเลยโยนทิ้งไว้บนพุ่มไม้ เราโมโหโวยวายค่ะ เพราะยังเด็ก เริ่มคิดว่าโดนแย่งความรัก พ่อเห็นเราโวยวายก็ลากไปตีค่ะ บอกว่าแม่อุ้มน้องอยู่ เป็นพี่ต้องเสียสละ เราก็ร้องไห้ พอดีว่าโชคร้ายที่เราร้องแล้วหยุดยาก คืออยากหยุดแต่หยุดไม่ได้ ไม่ได้อยากร้องแต่ยังสะอื้น แม่เห็นว่าเราไม่หยุดก็ตีซ้ำค่ะ ไม่มีการปลอบ เราก็อธิบายว่าหยุดสะอื้นไม่ได้ แต่ไม่มีใครฟัง วันนั้นช็อคมากๆ กลายเป็นเด็กเงียบ กลัวว่าร้องไห้แล้วจะหยุดไม่ได้ก็จะโดนตีอีก
พอโตมาหน่อยก็มีแย่งของเล่นกับน้อง เราจะถูกสอนให้เสียสละให้น้องทุกอย่างค่ะ น้องอยากได้ต้องได้เดี๋ยวนั้น วันหนึ่งน้องอยากให้เราเล่นเกมด้วย แต่เราทำการบ้านอยู่ น้องเรียกหลายครั้ง เราอธิบายก็ไม่ฟัง น้องเอาจอยปาหน้าเรา เจ็บมากๆค่ะ น้ำตาเล็ด เราปาคืน พ่อแม่มาเห็นก็จับแยก เราพยายามอธิบาย แต่ไม่มีใครฟัง สั่งให้เรา "ยกมือไหว้ขอโทษน้อง" พอเราทำก็หาว่าไม่จริงใจ ใครจะไปเต็มใจทำ ในเมื่อไม่ได้ผิด พ่อแม่บังคับให้ทำใหม่ซ้ำๆจนเราร้องไห้ เราต้องมายกมือไหว้ขอโทษน้องตัวเอง เสียใจจนวันนี้เลยค่ะ ยังมีอีกหลายเรื่องมาก จนเราไม่กล้าขัดใจหรือหาเรื่องน้องเลยค่ะ บางทีแย่งปืนอัดลมกัน พ่อแม่บังคับให้เราไปยืนเป็นเป้าให้น้องยิง เขียวช้ำเลยค่ะ TT
แต่เรื่องที่พีคที่สุดคือ พ่อแม่เราจะเป็นคนประหยัด แต่โรงเรียนเราบังคับให้ไว้ผมสั้น พอถึงเวลาผมยาวต้องไปตัดผม ตอนนั้นเราอายุย่างวันรุ่นแล้ว โดนอาจารย์ปกครองไล่มาตัดผม ไม่งั้นพรุ่งนี้จะโดนหักคะแนนความประพฤติและตัดผม ซึ่งตัดสั้นมากกกก พอดีวันนั้นแม่เราให้พ่อตัดผมให้ที่หน้าบ้าน เราก็บอกพ่อว่าขอตัดบ้างได้ไหมคะ อาจารย์สั่งให้ตัดแล้ว พ่อเราไม่รู้ว่าโมโหมาจากไหน บอกว่าเหนื่อย ไม่ตัด ให้อาจารย์ตัด เสียงเหวี่ยงและดังมาก เราเลยล่าถอยเงียบๆ ....แต่สักพักพ่อก็โกนออกมาว่า ถอดเสื้อออกให้หมดแล้วมานั่งนี่!!
เราตกใจมาก ถอดเสื้อได้ยังไง เราอยู่ในวัยที่ต้องใส่บราแล้ว คือนมเป็นนมแล้วอ่ะค่ะ ถอดก็อายแล้ว พ่อเราตะโกนซ้ำอีก ด้วยความที่เราผ่านประสบการณ์น่ากลัวจากพ่อมาหลายครั้ง เลยจำใจต้องยอมค่ะ ยอมถอดเสื้อออกให้คนข้างบ้านที่เดินผ่านไปมาดูนมตัวเอง! พ่ออ้างว่าขี้เกียจปัดเศษผมออกจากเสื้อผ้า ระหว่างที่ตัดผมคนข้างบ้านผชทั้งแก่และหนุ่มก็มาเกาะรั้วทำเป็นยืนคุยกับพ่อ แต่ตานี่มองอะไรคงไม่ต้องบอก เราเสียใจมากค่ะ เสียใจจนลืมไม่ลง เสียใจจนวันนี้อายุจะเลขสามแล้วยังเสียใจร้องไห้ได้ทุกครั้งที่นึกถึง ยิ่งมีลุงข้างบ้านมาแซวอีกว่าโตเป็นสาวแล้วนะ ไม่อายเหรอ?
เราอายค่ะ อายจนอยากร้องไห้แต่น้ำตาไม่ไหลแล้ว ทำไมพ่อแม่ไม่รักเราเลย? หลังจากวันนั้นก็ยิ่งเงียบไปอีกค่ะ ตั้งใจเรียน สอบเอามหาลัยไกลบ้าน ทำงานก็ไกลบ้าน
ตอนนี้ออกจากบ้านมาทำงานได้เกือบสิบปีแล้ว แทบไม่กลับไป พ่อแม่ก็บ่นว่าทำไมไม่กลับ กลับไปแล้วเรานึกถึงแต่เรื่องนี้ค่ะ เสียใจมากๆ อายมากๆ เลยทำให้ไม่อยากติดต่อกับครอบครัวเลยค่ะ เพื่อนๆมีวิธีทำให้สถานการณ์ดีขึ้นไหมคะ ?