บ้านหลังใหญ่ท้ายซอยถูกทิ้งร้างมาหลายสิบปีแล้ว แต่เจ้าของยังจ้างคนมาดูแลอาทิตย์ละครั้ง ภายในบ้านแทบไม่มีอะไรเหลือเพราะการขนย้ายและขโมย ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเหตุใดเจ้าของบ้านจึงปล่อยทิ้งร้างไว้ มีเสียงร่ำลือกันว่าเกี่ยวกับการตายของคุณยายคนหนึ่งที่เคยอาศัยในบ้านหลังนั้น น่าแปลกที่คนละแวกนั้นไม่เคยพบปรากฏการณ์ผิดธรรมชาติเลย นอกเสียจากมีฆาตกรนำศพมาทิ้งไว้เสมอโดยไม่ทราบสาเหตุ และมักเป็นศพของคนร้ายในคดีต่างๆที่ยังลอยนวลอยู่
สุดท้ายมันก็กลายเป็นที่หลบซ่อนของคนร้ายหนีคดีสองคน นนต์ชัยกับสัตวัฒน์เพิ่งฆ่าคนตายกำลังหาที่ซ่อนตัวจากตำรวจ
“แกจะกลัวอะไร เขาว่ากันว่าที่นี่ไม่มีผี แค่ไม่มีใครอยากเข้ามา” นนต์ชัยกระซิบบอกเพื่อนโจรระหว่างหาทางมุดรั้วลวดหนามของบ้านท้ายซอยตอนดึกสงัด พวกเขาเล็งบ้านหลังนี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนก่อเหตุแล้ว รอคดีซาลงก็จะหนีออกนอกประเทศ
“ไม่มีคนแน่หรอพี่มนต์ เมื่อกี้ผมเห็นเงาแมวกระโจนขึ้นต้นไม้ด้วยนะ”
“มันก็มีอยู่ทุกที่นั่นแหละ!” มนต์ชัยตวาด
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
“รีบปิดประตูเร็วเข้า” สัตวัฒน์เร่งเพื่อนให้เข้าไปในบ้านก่อน กว่าคนเฝ้าบ้านจะมาตรวจอีกครั้งก็อาทิตย์หน้าซึ่งมีเวลาเหลือเฟือ “เราไม่น่าเจอใครหรอก แต่ถ้าเจอฆ่าให้หมด” ชายหนุ่มคำรามในลำคอ
ทั้งคู่แทบก้าวกระโดดขึ้นไปซ่อนบนชั้นสอง บ้านในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวคงไม่มีคนสังเกตชั้นสองมากนัก แม้จะมีเสียงสักพักคนจะลือไปเองว่าเป็นเสียงผี
“เหมียว” ทั้งคู่ชะงัก แมวตัวหนึ่งยืนขวางอยู่ที่บันไดชั้นบนสุด มนต์ชัยสบถเบาๆโบกมือไล่ แมวตัวน้อยหลีกไปไม่รั้งรอ เงาหางมันไหววูบเป็นเงาทาบทับผนัง
“หน้าต่างคงเปิดอยู่ ไปปิดเร็วเข้า!” นนต์ชัยกระซิบ ทว่าไม่มีหน้าต่างบานไหนเปิดอยู่ หน้าต่างและประตูทุกบานปิดสนิทไม่มีทางไหนให้แมวตัวนั้นเข้ามาได้เลย
“ช่างมัน เลือกห้องเข้าไปซ่อนก่อนแล้วค่อยปิดหน้าต่าง แมวมันมาได้ทุกทางนั่นแหละ”
ทั้งคู่เลือกห้องทางขวามือซึ่งเคยมาสำรวจกันแล้วว่าเป็นห้องใหญ่ที่สุดบนชั้นสอง ผ้าม่านถูกรูดปิดทุกด้านทันที ท้องห้องเต็มไปด้วยกลิ่นฝุ่นและกลิ่นเลือดที่ตัวทั้งคู่อยู่
“ในที่สุดก็ฆ่าไปแล้ว” สัตวัฒน์ตัวสั่นด้วยความดีใจระคนเหนื่อยหอบจากการวิ่งหาที่หลบซ่อน ในกระเป๋ายังมีมีดเปื้อนเลือดอาวุธสังหารอยู่ ซึ่งจะทิ้งเมื่อมีโอกาส
“ฆ่าสินะ”
“ก็บอกว่าฆ่าไปแล้ว! เอ็งก็เห็นมันนอนเลือดกระฉูด แบบนั้นตายชัวร์” สัตวัฒน์ย้ำกับเพื่อนคู่หู
ทันใดนั้นแสงผ่านผ้าม่านก็ส่องให้เห็นบางสิ่งที่เป็นเส้นยาวทาบทับผนังห้องสีขาวขุ่นอยู่แวบหนึ่ง ทั้งคู่ลงความเห็นว่าเป็นเงาต้นไม้
“เมื่อกี้ข้าไม่ได้พูดนะ” นนต์ชัยเกาหัว
“พวกแกฆ่าไปแล้วสินะ” เงาดำอีกฟากห้องก่อรูปเป็นเงาตะคุ่มคล้ายคน ทั้งคู่ไม่กลัวผีจึงคิดว่าเป็นคนเร่ร่อนมากกว่า จึงชูมีดขึ้นเตรียมปิดปาก
ไม่ทันที่ฆาตกรสองคนจะทำอะไรก็เริ่มง่วงและผล็อยหลับในทันที พวกเขาจมอยู่ในห้วงฝัน ฝันเห็นอดีตของบ้านหลังนี้...
เมื่อสิบกว่าปีก่อนผู้อาศัยในบ้านหลังนี้มีคุณยาย เด็กชาย และแมวอีกหนึ่งตัว พ่อกับแม่ของเด็กชายไปทำงานในเมืองทิ้งลูกเอาไว้กับยาย สามชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่หลังนี้อย่างมีความสุข ได้รับเงินเกื้อหนุนและการเยี่ยมเยียนจากลูกสาวและลูกเขยเป็นประจำ เนื่องจากห่วงที่ดินเก่าผู้เป็นยายจึงไม่ยอมออกจากบ้านหลังนี้ ลูกสาวจึงให้หลานมาอยู่ด้วยอีกคนหนึ่งเป็นเพื่อน
ทั้งคุณยายและเด็กชายเลี้ยงแมวขาวตัวนั้นไว้อย่างดีเป็นเพื่อนยามเหงา แม้จะไม่ใช่หมาหากมันจงรักภักดีต่อคนทั้งคู่เหมือนกับเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ มันรักคุณยายและเด็กชายมาก
แต่แล้ววันวิปโยคก็มาถึง เด็กชายไปเรียนตามปกติทิ้งคุณยายกับแมวอยู่กับบ้าน ช่วงตอนบ่ายแก่ๆก่อนเด็กชายจะกลับนั้นมีโจรขึ้นบ้านหลังนี้เพื่อขโมยของ มันทำสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดคือสังหารหญิงชราตัวที่เฝ้าบ้านอยู่กับแมวเท่านั้น
บทสรุปคือ เจ้าโจรร้ายลอยนวลเด็กชายรอดชีวิตเพราะกลับบ้านช้า ส่วนเจ้าแมว มันอาฆาตคนชั่วที่เป็นศัตรูกับนายมัน มันเฝ้ารอและตามหาคนฆ่านายที่มันเคารพบูชา มันใช้สื่อพิเศษของแมวติดต่อกับวิญญาณในอีกมิติหนึ่ง ให้ดลใจฆาตกรร้ายจากที่ต่างๆให้มาซ่อนตัวที่บ้านหลังนี้ เพื่อสักวันจะได้พบศัตรูและฆ่ามันด้วยกรงเล็บของตัวเอง
จากนั้นบ้านก็ปล่อยร้าง เด็กชายถูกรับตัวไปอยู่กับพ่อแม่ ทิ้งแมวไว้กับคนข้างบ้านที่ฝากเข้าไปสำรวจและดูแลบ้านเป็นประจำ วันแล้วคืนเล่าที่คนร้ายในคดีต่างๆพากันตรงมาซ่อนที่บ้านหลังนี้ แล้วก็ถูกสิ่งที่มองไม่เห็นฆ่าไปคนแล้วคนเล่า แมวอาฆาตตัวนี้คิดจะฆ่าคนชั่วต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบกับคนที่ฆ่าคุณยายของมัน!
แล้วดวงตาของแมวในความฝันของฆาตกรสองคนก็ขยายใหญ่คับห้อง เงาดำก่อตัวขึ้นอีกครั้งที่ปลายเท้า ทั้งนนต์ชัยและสัตวัฒน์ตื่นขึ้นด้วยพลังงานบางอย่าง ทั้งคู่ผงะเมื่อเห็นเงาดำขยายใหญ่ขึ้นเป็นรูปร่างคล้ายคน
“พวกแกใช่ไหมที่ฆ่า” เสียงแหลมสูงแทบหั่นร่างทั้งคู่เป็นสองท่อนเปล่งออกมาจากเงาดำ เมื่อตื่นเต็มตาทั้งคู่จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน
มันมีรูปร่างเหมือนคนแต่หลังโก่ง ใบหน้ามู่ทู่คล้ายแมว หูแหลมชี้ไปด้านหลัง เขี้ยวยาวออกจากริมฝีปาก เหมือนมนุษย์แมวมากกว่าคนธรรมดา!
“ใช่ ฉันฆ่ามันเอง!” สัตวัฒน์ที่ปากไวที่สุดโผล่งขึ้น ในขณะที่นนต์ชัยนอนนิ่งราวถูกดวงตาสีเหลืองสะกดเอาไว้
“อย่างนั้นพวกแกก็ตายทั้งคู่นี่ล่ะ!”
แล้วทั้งคู่ก็กรีดร้องด้วยความกลัวขีดสุด น่าแปลกที่เสียงร้องขอชีวิตไม่ได้ดังแว่วออกไปยังบ้านข้างๆเลย ราวกับเจ้าแมวก็ให้ความเคารพเพื่อนบ้านเช่นกัน...
วันนี้บ้านร้างท้ายซอยก็มีคนมาตายอีกแล้วสองคน ทั้งคู่เป็นฆาตกรที่ยังหลบหนีจากการจับกุม นนต์ชัย กับสัตวัฒน์ หมอชันสูตรรายงานว่าทั้งคู่ถูกกัดเส้นเลือดใหญ่ที่คอจนเป็นเลือดหมดตัวตาย เด็กชายในอดีตกลับมาดูบ้านเก่าเพราะเพื่อนบ้านโทรศัพท์ไปบอกเหตุ บัดนี้เด็กชายโตเป็นหนุ่มแล้วได้แต่ถอนหายใจระหว่างที่เพื่อนบ้านบอกกับเขาว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเมื่อคืนก่อน
“ขอผมเข้าไปตรวจดูของข้างในก่อนได้ไหมครับ” อดีตเด็กชายขอตำรวจทว่าไม่ได้รับอนุญาต ได้รับแค่คำบอกเล่าว่ามีรอยเลือดเป็นทางยาวคล้ายรอยลากจากชั้นสองของบ้านลงมายังลานหน้าบ้าน แมวแก่ตัวเก่าวิ่งมาหาด้วยความรักแล้วกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
“คิดถึงกันไหมเจ้าเหมียว” เจ้าแมวร้องตอบอย่างร่าเริง
“ถ้าอยู่ในป่าผมจะบอกว่าเป็นฝีมือของเสือ แต่บ้านนี้ไม่มีเสือสักหน่อย ไม่มีเหตุเสือหลุดด้วย” แพทย์ชันสูตรศพนอกสถานที่บอกกับอดีตเด็กชายเจ้าของบ้าน “เราคงต้องขอกักพื้นที่บ้านคุณเอาไว้เพื่อตรวจสอบต่ออีก เหมือนเดิม” แพทย์โคลงหัวเพราะมีเหตุเช่นนี้หลายครั้งแล้วที่บ้านร้างหลังนี้
“ฉันรู้นะว่าฝีมือแก” อดีตเด็กหนุ่มหามุมปลอดคนกระซิบกับแมวขาวในอ้อมแขน มันกลอกตาสีเหลืองขุ่นมองเขาราวตั้งคำถามกลับ
“ไม่ว่าฉันจะเอาแกไปด้วยหรือเอาไปปล่อยวัดแกก็หวนกลับมาทุกที น่าจะรู้นะว่ามันเป็นบาป” เขาเกาคางแมวเบาๆ
เจ้าแมวแก่ครางรับอย่างสุภาพ มันจะทำตามใจมันเท่านั้น คือล่อเหล่าฆาตกรมาซ่อนตัวที่นี่ให้มันฆ่า หวังว่าสักวันมันจะได้พบและแก้แค้นให้คนที่ฆ่าคนที่มันรักที่สุด...
[เรื่องสั้นอย่างสั้น]บ้านร้างท้ายซอย
สุดท้ายมันก็กลายเป็นที่หลบซ่อนของคนร้ายหนีคดีสองคน นนต์ชัยกับสัตวัฒน์เพิ่งฆ่าคนตายกำลังหาที่ซ่อนตัวจากตำรวจ
“แกจะกลัวอะไร เขาว่ากันว่าที่นี่ไม่มีผี แค่ไม่มีใครอยากเข้ามา” นนต์ชัยกระซิบบอกเพื่อนโจรระหว่างหาทางมุดรั้วลวดหนามของบ้านท้ายซอยตอนดึกสงัด พวกเขาเล็งบ้านหลังนี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนก่อเหตุแล้ว รอคดีซาลงก็จะหนีออกนอกประเทศ
“ไม่มีคนแน่หรอพี่มนต์ เมื่อกี้ผมเห็นเงาแมวกระโจนขึ้นต้นไม้ด้วยนะ”
“มันก็มีอยู่ทุกที่นั่นแหละ!” มนต์ชัยตวาด
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
“รีบปิดประตูเร็วเข้า” สัตวัฒน์เร่งเพื่อนให้เข้าไปในบ้านก่อน กว่าคนเฝ้าบ้านจะมาตรวจอีกครั้งก็อาทิตย์หน้าซึ่งมีเวลาเหลือเฟือ “เราไม่น่าเจอใครหรอก แต่ถ้าเจอฆ่าให้หมด” ชายหนุ่มคำรามในลำคอ
ทั้งคู่แทบก้าวกระโดดขึ้นไปซ่อนบนชั้นสอง บ้านในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวคงไม่มีคนสังเกตชั้นสองมากนัก แม้จะมีเสียงสักพักคนจะลือไปเองว่าเป็นเสียงผี
“เหมียว” ทั้งคู่ชะงัก แมวตัวหนึ่งยืนขวางอยู่ที่บันไดชั้นบนสุด มนต์ชัยสบถเบาๆโบกมือไล่ แมวตัวน้อยหลีกไปไม่รั้งรอ เงาหางมันไหววูบเป็นเงาทาบทับผนัง
“หน้าต่างคงเปิดอยู่ ไปปิดเร็วเข้า!” นนต์ชัยกระซิบ ทว่าไม่มีหน้าต่างบานไหนเปิดอยู่ หน้าต่างและประตูทุกบานปิดสนิทไม่มีทางไหนให้แมวตัวนั้นเข้ามาได้เลย
“ช่างมัน เลือกห้องเข้าไปซ่อนก่อนแล้วค่อยปิดหน้าต่าง แมวมันมาได้ทุกทางนั่นแหละ”
ทั้งคู่เลือกห้องทางขวามือซึ่งเคยมาสำรวจกันแล้วว่าเป็นห้องใหญ่ที่สุดบนชั้นสอง ผ้าม่านถูกรูดปิดทุกด้านทันที ท้องห้องเต็มไปด้วยกลิ่นฝุ่นและกลิ่นเลือดที่ตัวทั้งคู่อยู่
“ในที่สุดก็ฆ่าไปแล้ว” สัตวัฒน์ตัวสั่นด้วยความดีใจระคนเหนื่อยหอบจากการวิ่งหาที่หลบซ่อน ในกระเป๋ายังมีมีดเปื้อนเลือดอาวุธสังหารอยู่ ซึ่งจะทิ้งเมื่อมีโอกาส
“ฆ่าสินะ”
“ก็บอกว่าฆ่าไปแล้ว! เอ็งก็เห็นมันนอนเลือดกระฉูด แบบนั้นตายชัวร์” สัตวัฒน์ย้ำกับเพื่อนคู่หู
ทันใดนั้นแสงผ่านผ้าม่านก็ส่องให้เห็นบางสิ่งที่เป็นเส้นยาวทาบทับผนังห้องสีขาวขุ่นอยู่แวบหนึ่ง ทั้งคู่ลงความเห็นว่าเป็นเงาต้นไม้
“เมื่อกี้ข้าไม่ได้พูดนะ” นนต์ชัยเกาหัว
“พวกแกฆ่าไปแล้วสินะ” เงาดำอีกฟากห้องก่อรูปเป็นเงาตะคุ่มคล้ายคน ทั้งคู่ไม่กลัวผีจึงคิดว่าเป็นคนเร่ร่อนมากกว่า จึงชูมีดขึ้นเตรียมปิดปาก
ไม่ทันที่ฆาตกรสองคนจะทำอะไรก็เริ่มง่วงและผล็อยหลับในทันที พวกเขาจมอยู่ในห้วงฝัน ฝันเห็นอดีตของบ้านหลังนี้...
เมื่อสิบกว่าปีก่อนผู้อาศัยในบ้านหลังนี้มีคุณยาย เด็กชาย และแมวอีกหนึ่งตัว พ่อกับแม่ของเด็กชายไปทำงานในเมืองทิ้งลูกเอาไว้กับยาย สามชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่หลังนี้อย่างมีความสุข ได้รับเงินเกื้อหนุนและการเยี่ยมเยียนจากลูกสาวและลูกเขยเป็นประจำ เนื่องจากห่วงที่ดินเก่าผู้เป็นยายจึงไม่ยอมออกจากบ้านหลังนี้ ลูกสาวจึงให้หลานมาอยู่ด้วยอีกคนหนึ่งเป็นเพื่อน
ทั้งคุณยายและเด็กชายเลี้ยงแมวขาวตัวนั้นไว้อย่างดีเป็นเพื่อนยามเหงา แม้จะไม่ใช่หมาหากมันจงรักภักดีต่อคนทั้งคู่เหมือนกับเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ มันรักคุณยายและเด็กชายมาก
แต่แล้ววันวิปโยคก็มาถึง เด็กชายไปเรียนตามปกติทิ้งคุณยายกับแมวอยู่กับบ้าน ช่วงตอนบ่ายแก่ๆก่อนเด็กชายจะกลับนั้นมีโจรขึ้นบ้านหลังนี้เพื่อขโมยของ มันทำสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดคือสังหารหญิงชราตัวที่เฝ้าบ้านอยู่กับแมวเท่านั้น
บทสรุปคือ เจ้าโจรร้ายลอยนวลเด็กชายรอดชีวิตเพราะกลับบ้านช้า ส่วนเจ้าแมว มันอาฆาตคนชั่วที่เป็นศัตรูกับนายมัน มันเฝ้ารอและตามหาคนฆ่านายที่มันเคารพบูชา มันใช้สื่อพิเศษของแมวติดต่อกับวิญญาณในอีกมิติหนึ่ง ให้ดลใจฆาตกรร้ายจากที่ต่างๆให้มาซ่อนตัวที่บ้านหลังนี้ เพื่อสักวันจะได้พบศัตรูและฆ่ามันด้วยกรงเล็บของตัวเอง
จากนั้นบ้านก็ปล่อยร้าง เด็กชายถูกรับตัวไปอยู่กับพ่อแม่ ทิ้งแมวไว้กับคนข้างบ้านที่ฝากเข้าไปสำรวจและดูแลบ้านเป็นประจำ วันแล้วคืนเล่าที่คนร้ายในคดีต่างๆพากันตรงมาซ่อนที่บ้านหลังนี้ แล้วก็ถูกสิ่งที่มองไม่เห็นฆ่าไปคนแล้วคนเล่า แมวอาฆาตตัวนี้คิดจะฆ่าคนชั่วต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบกับคนที่ฆ่าคุณยายของมัน!
แล้วดวงตาของแมวในความฝันของฆาตกรสองคนก็ขยายใหญ่คับห้อง เงาดำก่อตัวขึ้นอีกครั้งที่ปลายเท้า ทั้งนนต์ชัยและสัตวัฒน์ตื่นขึ้นด้วยพลังงานบางอย่าง ทั้งคู่ผงะเมื่อเห็นเงาดำขยายใหญ่ขึ้นเป็นรูปร่างคล้ายคน
“พวกแกใช่ไหมที่ฆ่า” เสียงแหลมสูงแทบหั่นร่างทั้งคู่เป็นสองท่อนเปล่งออกมาจากเงาดำ เมื่อตื่นเต็มตาทั้งคู่จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน
มันมีรูปร่างเหมือนคนแต่หลังโก่ง ใบหน้ามู่ทู่คล้ายแมว หูแหลมชี้ไปด้านหลัง เขี้ยวยาวออกจากริมฝีปาก เหมือนมนุษย์แมวมากกว่าคนธรรมดา!
“ใช่ ฉันฆ่ามันเอง!” สัตวัฒน์ที่ปากไวที่สุดโผล่งขึ้น ในขณะที่นนต์ชัยนอนนิ่งราวถูกดวงตาสีเหลืองสะกดเอาไว้
“อย่างนั้นพวกแกก็ตายทั้งคู่นี่ล่ะ!”
แล้วทั้งคู่ก็กรีดร้องด้วยความกลัวขีดสุด น่าแปลกที่เสียงร้องขอชีวิตไม่ได้ดังแว่วออกไปยังบ้านข้างๆเลย ราวกับเจ้าแมวก็ให้ความเคารพเพื่อนบ้านเช่นกัน...
วันนี้บ้านร้างท้ายซอยก็มีคนมาตายอีกแล้วสองคน ทั้งคู่เป็นฆาตกรที่ยังหลบหนีจากการจับกุม นนต์ชัย กับสัตวัฒน์ หมอชันสูตรรายงานว่าทั้งคู่ถูกกัดเส้นเลือดใหญ่ที่คอจนเป็นเลือดหมดตัวตาย เด็กชายในอดีตกลับมาดูบ้านเก่าเพราะเพื่อนบ้านโทรศัพท์ไปบอกเหตุ บัดนี้เด็กชายโตเป็นหนุ่มแล้วได้แต่ถอนหายใจระหว่างที่เพื่อนบ้านบอกกับเขาว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเมื่อคืนก่อน
“ขอผมเข้าไปตรวจดูของข้างในก่อนได้ไหมครับ” อดีตเด็กชายขอตำรวจทว่าไม่ได้รับอนุญาต ได้รับแค่คำบอกเล่าว่ามีรอยเลือดเป็นทางยาวคล้ายรอยลากจากชั้นสองของบ้านลงมายังลานหน้าบ้าน แมวแก่ตัวเก่าวิ่งมาหาด้วยความรักแล้วกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
“คิดถึงกันไหมเจ้าเหมียว” เจ้าแมวร้องตอบอย่างร่าเริง
“ถ้าอยู่ในป่าผมจะบอกว่าเป็นฝีมือของเสือ แต่บ้านนี้ไม่มีเสือสักหน่อย ไม่มีเหตุเสือหลุดด้วย” แพทย์ชันสูตรศพนอกสถานที่บอกกับอดีตเด็กชายเจ้าของบ้าน “เราคงต้องขอกักพื้นที่บ้านคุณเอาไว้เพื่อตรวจสอบต่ออีก เหมือนเดิม” แพทย์โคลงหัวเพราะมีเหตุเช่นนี้หลายครั้งแล้วที่บ้านร้างหลังนี้
“ฉันรู้นะว่าฝีมือแก” อดีตเด็กหนุ่มหามุมปลอดคนกระซิบกับแมวขาวในอ้อมแขน มันกลอกตาสีเหลืองขุ่นมองเขาราวตั้งคำถามกลับ
“ไม่ว่าฉันจะเอาแกไปด้วยหรือเอาไปปล่อยวัดแกก็หวนกลับมาทุกที น่าจะรู้นะว่ามันเป็นบาป” เขาเกาคางแมวเบาๆ
เจ้าแมวแก่ครางรับอย่างสุภาพ มันจะทำตามใจมันเท่านั้น คือล่อเหล่าฆาตกรมาซ่อนตัวที่นี่ให้มันฆ่า หวังว่าสักวันมันจะได้พบและแก้แค้นให้คนที่ฆ่าคนที่มันรักที่สุด...