ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ได้เจอเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจค่ะ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันได้คุยกับผู้ชายคนนึงทางอินเตอร์เนต เราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ หลังจากนั้นก็รุ้สึกไม่อยากติดต่อค่ะด้วยเหตุผลบางประการก็เลยบล็อกไป ไม่นานนักก็ถูกแฮกอีเมล ข้อมูลทุกอย่างถูกแฮกหมดค่ะ จนกระทั่งตัดสินใจที่จะติดต่อเค้าค่ะเพื่อที่จะถามว่าเค้าเป็นคนทำใช่ไหม แต่สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ จนกระทั่งต้องไปแจ้งความ มันทำให้เราไม่กล้าเล่นอินเตอร์เนตไปช่วงเวลาหนึ่งและตอนนั้นรู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตามมาที่บ้าน ดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ ไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อค่ะ นั่นเป็นเหตุให้ดิฉันตัดสินใจพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ณ ตอนนี้ อายุ 29 ปี หมอให้ทานยา abilify 15 mg กับ depakine 500 mg อย่างละหนึ่งเม็ด หมอบอกว่ายาพวกนี้ไม่มีผลข้างเคียง ไม่สะสมในร่างกาย ไม่ทราบว่าจริงรึเปล่าค่ะ จากการที่ทานยาเป็นเวลานาน รุ้สึกว่าตัวเองน้ำหนักเพิ่มขึ้น หน้ามืดง่าย ทำอะไรช้าลง ตัดสินใจช้า เลยไม่กล้าขับรถเลยค่ะ

จากการที่ค้นหาข้อมูลโรคทางอินเตอร์เนต แล้วทำแบบคัดกรองผู้ป่วยไบโพลาร์ พบว่าอาการไม่น่าจะเข้าข่ายเป็นโรคนี้ หรือว่าเป็นโรคอื่นค่ะ ไม่เคยคิดที่อยากจะทำร้ายตัวเองเลยค่ะอาจจะมีอาการอารมณ์ดีบ้างถ้าเจอเรื่องดี เศร้าบ้างถ้าเจอเรื่องเศร้า มันเป็นปกติของมนุษย์รึป่าวค่ะ หรือคิดไปเอง หรือเป็นโรคนี้จริงๆเพราะเหตุกระทบกระเทือนจิตใจที่เล่ามาค่ะ หมอบอกว่าสารเคมีในสมองไม่สมดุล ทั้งที่ไม่มีการแสกนสมองแต่อย่างใด ถ้าหมอวินิจฉัยผิดแล้วยาที่ทานส่งผลกระทบอะไรบ้างค่ะถ้าไม่ได้เป็นโรคนี้

ตอนนี้ตกงานด้วย ทำให้ไม่อยากพบปะผู้คน เพื่อนเก่าๆก็ไม่อยากติดต่อ ติดต่อแค่เพื่อนสนิทจริงๆค่ะ นี่เป็นอาการหนึ่งของโรคนี้รึเปล่าค่ะ แต่มันไม่ได้ทำให้เหงาหรือเศร้ามากนะค่ะ เพราะค่อนข้างมีเพื่อนน้อยอยู่แล้วค่ะและส่วนใหญ่จะไปไหนมาไหนกับครอบครัวมากกว่า

เป้าหมายของฉันคืออยากเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศโดยการหาทุน เป็นความไฝ่ฝันเลยก็ว่าได้ เพราะที่ประเทศไทยไม่มีสาขาที่อยากจะเรียนค่ะ แต่หมอไม่อนุญาตให้ไป ตอนนี้ดิฉันรู้สึกอยากจะไปมากเพื่ออนาคตของตัวเอง จบมาก็อยากได้งานดีๆทำและอยากช่วยเหลือครอบครัวด้วยค่ะ แต่ติดตรงที่เป็นโรคนี้และต้องทานยาประจำ พบแพทย์เป็นระยะ  ฉันควรจะทำอย่างไรดีค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ