ขอเถอะนะคะคุณผู้ชาย...ถ้าคิดจะจีบหมอหญิงอย่าใช้มุกนี้เลยน้า > <"

ถึงตะเอง...ที่เคารพ
เค้าเข้าใจอารมณ์ตะเองนะคะว่าอยากแสดงความห่วงใยมุ้งมิ้ง

แต่แบบเล่นถามทุกเช้าว่า....
ทานกาแฟหรือยัง
วันนี้มีคนไข้หนักหรือเปล่า
ตรวจคนไข้ไปกี่คนแล้ว
เมื่อคืนอยู่เวรมีเคสอะไรบ้าง...บลาๆๆ

คีบับ...ขอเถอะค่ะ
คำถามว่าทานกาแฟ/ทานข้าวหรือยัง...
ถามบ้างเป็นครั้งคราวก็น่ารักดีค่ะ...ดูแสดงความห่วงใยเอาใจใส่
แต่ถามทุกเช้าซ้ำๆๆๆๆๆนี่ไม่ไหวนะคะ...
ไม่รู้จะทักอะไรเซย์ hi มาก็พอค่ะ...
ถ้าเรามีอารมณ์มุ้งมิ้งเดี๋ยวเราชวนคุยเองนะนะ

ถ้าเราเงียบไปหายไปไม่ตอบไลน์ไม่รับโทรศัพท์
แปลว่าเรากำลัง CPR...กำลังคุยกับคนไข้...กำลังเหนื่อย...กำลังเข้าห้องน้ำ
หรือกำลังนอนตายหลังจาก post เวรที่เยินมาทั้งคืน
ปล่อยเราไปสงบซักพักนะคะเดี๋ยวเราฟื้นคืนชีพเราจะกลับมาตอบคุณเอง

อย่าโทรจิกซ้ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะคะ...
(นอกจากญาติคุณความดันตกกำลังเข้า icu. หรือ CPR อยู่....อันนั้นเราอนุโลมให้)
เรานอนฟังเสียงโทรศัพท์มาทั้งคืนแล้ว...
เราอยากจะคุยกับคุณในสภาพที่มีสติดีอยู่นะคะ
ขอนะคะขอ....

แล้วก็บทสนทนาเรื่องคนไข้และโรงพยาบาลเลี่ยงหน่อยเถอะนะคะ
อาทิเช่น มีเคสหนักมั้ย...อยู่เวรเจอเคสอะไรบ้าง
มันทำให้เรารู้สึกเหมือนต้องคุยอยู่กับชีฟเวรทั้งที่เลิกงานแล้วอ่ะค่ะ

เวลาลงเวรแล้วหรือเลิกงานแล้ว...
เราไม่อยากแบกโรงพยาบาลไว้กับตัวตลอดเวลา
เหมือนกับที่คุณไม่อยากหอบที่ทำงานไว้กับตัวนั่นแหละนะคะ
ชวนเราคุยเรื่องนอกโรงบาลบ้าง...ดินฟ้าอากาศ...เรื่องเที่ยว...เรื่องหนัง
ไก่กาอาราเล่ อะไรก็คุยมาเถอะคะ...แต่อย่าถามเรื่องเคสเรื่องงานเลย
ถ้าพวกเราอยากเล่าเราจะเล่าเองนะคะนะ

เวลาพวกเราอยู่นอกรพ.นี่...
เชื่อเถอะว่าเกิน70%คุณไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าเราเป็นหมอ
นั่นเพราะเราไม่ได้อยากเป็นแพทย์หญิงตลอดเวลาไงคะ

พวกเราเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ กินข้าว...
ว่างๆเราก็ชอบดูหนังฟังเพลง...ไปเที่ยวตจว...ช๊อปปิ้ง...กินไอติม...กินขนม
(พวกที่เราชอบห้ามคนไข้เบาหวานกินนั่นแหละค่ะ...เราชอบมากกก)

พวกเราไม่ได้รักสุขภาพตลอดเวลา...
ฉนั้นกรุณาอย่าถามว่าเป็นหมอกินแบบนี้ได้ด้วยเหรอ...
เราฟังประโยคนี้จากคุณแม่ที่บ้านมาบ่อยแล้วค่ะ

พวกเรามีมุมอ่อนแอและป่วยเป็น
จะเพลียมากกก...เวลามีคนถามว่าเป็นหมอป่วยได้ด้วยเหรอ
เวลาเราไม่สบายเราก็ต้องการคนดูแลถามไถ่นะคะ...
ลูบหัวลูบหางบ้าง...เช็ดตัวให้...จัดยาให้ทานไรงี้
มันรู้สึกดีกว่าคลานลงจากเตียงไปหยิบยากินเองเยอะ...เชื่อเถอะค่ะ
(ถึงแม้บางทีเราจะสั่งยาให้ตัวเองได้ก็เถอะนะ)

พวกเรามีงี่เง่าง๊องแง๊งบ้าง นอยด์บ้างเป็นบางโอกาสเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป
แต่อาจจะน้อยกว่านิดเพราะเราไม่ค่อยมีเวลาไปตามจิกคุณ...
ถือเป็นข้อดีเนอะ 5555++

มักจะมีคนถามว่าทำไมหมอชอบเลือกคบกับหมอ
จริงๆแล้วเป็นเพราะเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตพวกเราอยู่แต่ในรพ.ค่ะ
เดินสวนกันไปสวนกันมาปรึกษาเคสกันไปมาก็สปาร์คกันเองบ้างไรบ้าง...อิ อิ
โอกาสจะออกมาเจอหนุ่มๆนอกวงการนี่แสนยาก
พอมาเจอคนนอกวงการทีก็มักต้องเจอบทสนทนาแบบนี้มันก็เสียดายนะ

เอาจริงๆกว่าจะเรียนจบนู่นนี่นั่นก็สามสิบนิดๆกันแย้ว...
พวกเราไม่อยากปิดโอกาสชีวิตตัวเองหรอกค่ะ
คือหลายคนตอนเริ่มคุยก็น่าสนใจดี...
แต่พอคุยๆไปดันแป๊กแบบที่เล่ามา
ได้ยินคำถามว่าเป็นไงเจอเคสอะไรบ้างครับเมื่อคืน...ซัก 2รอบ
นี่แทบจะกลอกตาเป็นเลขแปดไทยรอแล้วเลย

คือแบบว่า...จนป่านนี้แล้ว...(ไม่อยากใช้คำจนปูนนี้...สะเทือนใจ)
คนเข้ามาก็ใช่ว่าจะมีมากมาย
เอาจริงเค้าก็ไม่อยากตัดตะเองออกไปไว้ในตำแหน่งเพื่อนอ่ะนะ
ฉนั้นช่วยเข้าให้ถูกทางกันหน่อยนะคะนะ...please
(อันนี้บ่นแทนแพทย์หญิง 30up ทุกนางที่ยังรอคนมาเชิญลงจากคานค่ะ...555+)

ถ้าถามว่าแล้วต้องเข้าทางไหน...แบบไหน
มาแบบธรรมดาค่ะ...ไม่ต้องประดิษฐ์มาก...แต่ขอความจริงใจค่ะ
ถ้านาง 30+ แล้ว...นางผ่านโลกมาระดับหนึ่งค่ะ...
แสดงเยอะไป...ไม่เนียน...นางอาจจะเบ้ปากใส่ได้ค่ะ

ที่สำคัญ...เบอร์โทรศัพท์ถ้านางไม่ได้ให้เอง...
ห้ามไปสืบแล้วโทรมานะคะ
การทำแบบนั้นคือการฆ่าตัวตายค่ะ...นี่พูดเลย...5555

บ่นๆมาซะมากมาย...สุดท้ายนี้...ง่ายๆเลยค่ะ
เลิกคิดว่าพวกเราเป็นหมอเถอะนะคะ...ถ้าอยากได้พวกเราเป็นแฟน
ง่ายนิดเดียวเองเนอะ ^^

ปล. สุดท้ายจริงๆแระนะคะ
1 miss call = อยากคุย
2-3 miss calls = มีเรื่องด่วน
>3 miss calls  = มีใครซักคนใกล้จะตาย

ขอให้สำเร็จๆๆกันทุกคนน้า ;))))
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่