รีวิว freelance ห้ามพลาด ห้ามสปอย ห้ามจิ้นเจ๋อเจ๋กับยุ่น

เมื่อวันศุกร์มีโอกาสได้ไปดูฟรีเเลนซ์ที่สกาลาร์มาค่ะ ถ้าบอกว่าเป็นหนังไทยเรื่องเเรกที่ดูจบในรอบ2ปีเลยจะเว่อร์ไปมั้ย55(จริงๆ มีเเวบดูไอฟาย วิทยา เเละเเมรี่อีสเเฮป เเต่ไม่จบเพราะไม่ได้ชอบมากบวกดูในคอมเลยดูไปนิดเดียว)
จริงๆเเล้วตอนดูเทรลเลอร์ไม่ได้ทำให้อยากดูเลยเท่าไหร่รู้สึกว่ามันคงเเนวเดิมๆ หยอดมึกฮาเเบบเกรียนๆ ทำไรเกรียนๆเเล้วก็จบสวยปิ้ง เเต่ได้เห็นในเฟซหลายๆคนบอกว่ามันไม่เหมือนเทรลเลอร์มันหม่นๆ ไม่เหมือนหนังจีทีเอชก่อนๆเลย เเถมยังเข้าสกาลาร์ ในที่สุดเราก็เเพ้ใจไปดูจนได้
มันไม่เหมือนเทรลเลอร์จริงๆเเหละ ใช่ ใครทำเทรลเลอร์ทำไม่ดีเลย ใช่ เเต่คนอื่นบอกว่าเทรลเลอร์น่าดูกว่าของจริง เเต่เราว่าของจริงดีกว่าเทรลเลอร์หลายเท่าเลย ใครว่าหม่นเราว่านี่มันโคตรจะสดใส ฟินกับความรัก ฮากับชีวิต เครียดกับชีวิต ซังกะตายกับชีวิต ตายห่าดีกว่ากับชีวิต เเละกูอยากมีชีวิต!





เป็นหนังที่ถ่ายทอดด้วยอารมณ์กวนตีนๆเเละเต็มไปด้วยฉากฮาเเบบไม่ได้เล่นมุขเเบบฮาเเบบขำกิ๊กกั๊กในลำคอเเล้วหันมองเพื่อนเล็กน้อย ฮาเเบบไม่มีซาวน์เอฟเฟคหรือคนก๊ากทั้งโรงเหมือนหนังรอมคอมของจีทีเฮช
ถามว่าอินดี้มั้ย เราว่ามันไม่อินดี้นะ มันเป็นหนังเรียลลิสติกเเบบเเนวหน้าตายที่เจือความฮามาส่วนหนึ่ง เเต่เป็นความฮาเเบบที่ไม่ได้ปั้นเเต่งเท่าไหร่ เหมือนชีวิตเราๆ ทั่วไปที่จะมีเรื่องฮาๆ ซวยๆ ตื่นเต้นๆ กลัวๆ หวั่นๆ ฟินนาเล่ๆ ในชีวิตอยู่เเล้วทุกคน จนพอดูจบอาจจะนึกยากหน่อยว่าฉากไหนที่ฮาๆ นะ ทั้งที่เราหัวเราะคิกคักทั้งเรื่อง เหมือนๆ เราที่วันหนึ่งทำเปิ่นไปเยอะเเต่เเป๊บๆก็ลืมเเล้วมันไม่ได้เรื่องใหญ่อะไรมากอย่างไปเต้นอะโกโก้กลางลานพารากอน เหมือนเวลาเราถือถือถุงออกจากเซเวนเเล้วเผลอโยนถุงทิ้งเเล้วเก็บใบเสร็จอะไรเเบบนี้
ส่วนทางด้านดนตรีภาพเเละกล้อง คุณเต๋อผกก. เรารู้จักเขาจากเมดอินไทยเเลนด์ คือเป็นหนังสือเล่มโปรดเลย ฮีเป็นคนที่เราคาดหวังไว้มากต่อวงการหนังไทยค่ะ เเต่ขอเเบบไม่อินดี้เกินไปนะคะพี่ ถึงจะไม่ได้เป็นเเฟนหนังดังๆของพี่อย่างเเมรี่ เเต่ชอบมั่นใจคนไทยเกลียดเมมากกก โคตรชอบชอบจริงจัง พัดชาอีสเซ็กซี่ก็ชอบ บางครั้งเเค่ถ่ายฉากนอนเเต่กล้องสั่นๆ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ดนตรีเรื่องนี้เจ๋งดี ช่วงกลองรัวไม่รู้เอามาจากเบิร์ดเเมนป่าว มิวสิกในเรื่องหลากหลาย ได้ฟิลเเต่ไม่บิ้วเกิน เราชอบตรงที่ฉากอารมณ์จริงๆ จะไม่มีเสียงดนตรีอะไร เราชอบมากๆๆๆ มันทำให้รู้สึกทึ้งๆ ดี ไม่เหมือนเรื่องอื่นเวลาร้องไห้จะต้องดนตรีมาตลอด
ที่สำคัญฉากพระเอกบ่นๆๆๆ ไปคนเดียว ชอบค่ะ เข้าใจฟีลตอนเรางานชุม เวลาน้อยๆ เรื่องปวดตับปวดหัวเยอะ เราก็จะพูดกับตัวเองในใจเยอะเป็นพิเศษเเบบนี้เเหละ
เนื้อหาเรื่องนี้เราได้เห็นผชคนนึงที่จักตารางชีวิตได้ไม่ค่อยดี รับงานกองๆๆๆ ทำงานยังกะพวกโด้ปยาคือบ้าพลัง เอาถึกเข้าว่า ไม่คิดถึงขีดจำกัดเลย เเต่เขาก็เชื่อว่าเขาทำได้ก็ทำมาตลอดอ่ะ เหมือนยุ่นจะเป็นคนที่ทำงานเพื่อได้ทำงาน เขาชอบที่ตารางงานเเน่นเอี้ยด มำงานเสร็จ เเละทำงานต่อ เราคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะหากไม่มีงานชีวิตยุ่นก็เเทบไม่มีอะไรเลย เขาจะไม่มีอะไรทำนอกจากนอนดูเพดาน เขาเลยต้องการงานมาก ได้เห็นเรื่องของคลื่นลูกใหม่ที่พร้อมจะชนปังให้ยุ่นกระเด็นได้เสมอด้วยความถึกกว่าเด็กกว่า สรุปเเล้วงานที่ยุ่นทำมันเหมือนเขาจัดตารางไม่เป็นเลย เเละมีข้ออ้างตลอดว่าเวลาไม่พอที่จะไปสนใจอย่างอื่น ไม่สนเพื่อนสนไรทั้งนั้นมีเเต่งานๆๆๆ งานมาทำให้เขาลืมความเหงาเเละโดดเดี่ยว จนได้มาเจอหมอ หมอที่ห่วงใยเขายิ่งกว่าตัวเขาเอง(จริงๆก็ทำตามหน้าที่ของเธอเช่นกัน งานของเธอคือรักษารักษาไม่หายก็งานไม่เสร็จ) ไอตารางเเน่นๆ ที่อัดมานานจนคิดว่าคือความสมดุลก็พังกระจาย เเละเขาจะทำอย่างไรในการจัดบาลานซ์ชีวิตต่อไป เเละในวินาทีที่เขาพลาดไปเขาจะฉุดรั้งฟางเส้นสุดท้ายเเล้วกลับมายืนได้ไหม บวกกับในเรื่องก็มีฉากที่สะท้อนความไทยๆ มาตลอดๆ เช่นการเปรียบเทียบโณงพยาบาลเอกชนเเละรัฐ นิสัยชอบเล่นโทรศัพท์ในเวาทำงานที่ซึมเข้าไปในเลือดคนไทยตั้งเเต่เด็กร้านเครื่องเขียนไปจนถึงหมอ ความไฮเทคของระบบคิวของโรงพยาบาลรัฐ เเละการที่เเค่สมัครยิมก็รู้สึกสุขภาพดีตั้งเเต่ยังไม่ทันเล่น


สุดท้ายก็จะสรุปว่า เรื่องนี้ดูได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องคออินดี้(เเต่ถ้าคิดว่าเเค่พูดยาวๆเเบบไม่มีเพลงคลอคืออินดี้ เรื่องนี้ก็อินดี้ค่ะ) หรือเป็นฟรีเเลนซ์งานสุมหัว(เรานิสัยอืดอาดตรงข้ามพระเอกมากเเต่อินมากซะงั้น) อยากให้คุณเต๋อ 頑張って! สร้างหนังกวนตีนๆออกมาอีกเยอะๆค่ะ

สปอย--
ฉากที่ชอบโคตร
พี่สุชาติไปกลับ
ฉากโชนิ้วกลาง
ฉากเทผักใส่สุกี้
ฉากไก่ไปตีเเบทกัน
ฉากชาร์ทเเบท@ยิม
ฉากเข้านอนสามทุ่ม ยันตีสี่ยังไม่หลับ เเต่พอลุกออกไปยิมหลับทันที
ฉากน้องเล็บหัก
ฉาก พี่ยังไม่เลิฟ นั่นมันหน้าที่น้องค่ะ งั้นพี่จะจ้างน้องมาทำไม
ฉากหมอเล่นโทสับ
ชอบเยอะจังขี้พูดละ
ปล ชิบเจ๋ยุ่น!!
สำหรับคนที่บ่นเพราะสุดท้ายยุ่นไม่จบกับหมอ เราว่าจบเเบบรู้สึกดีๆ เเบบนี้เเหละโอเคเเล้ว เหมือนยุ่นสื่อความรู้สึกไปเเล้ว ถึงจะไม่พูดตรงๆ เเต่ความจริงก็คือความจริง เขาเป็นหนึ่งในคนไข้หลายร้อย เขายังไม่เคยเห็นชีวิตอีกหลายด้านของหมอ จริงๆ เธออาจจะมีเเฟนที่คบมาตั้งเเจ่สมัยเรียน หรือหมอที่มาจีบ จริงๆ หมออาจจะมีความรู้สึกให้ยุ่นเเต่ ก็ไม่เเน่ใจ ใครจะไปเเน่ใจฟระเเค่เจอกันไม่กี่นาทรเเล้วหมอเขาเจอคนไข้อีกกี่คนมีชีวิตอีกเยอะ นี่ก็เป็นเเค่ด้านจากยุ่นเท่านั้น เเต่ทั้งสองมีความรู้สึกห่วงใยเเบบเพื่อนเป็นอย่างน้อยอยู่เเล้วเเน่นอน
เลิฟ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่