หลังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 6:3 พิพากษาให้นายนภดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ไม่มีความผิดตามมาตรา 157 จากการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา สนับสนุนกัมพูชาให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยศาลฯบอกว่าแถลงการณ์มิใช่สัญญา ไม่ต้องผ่านสภาฯตามมาตรา 190 และไทยก็ไม่มีความเสียหายใดๆ ..ตามคำฟ้องของ ปปช.
น้ำใสๆที่เรียกว่าน้ำตาก็ไหลออกจากดวงตาของผู้ชายที่ชื่อนภดล ปัทมะ ในวินาทีนั้น มันคงเป็นสารพัดความรู้สึกที่ประดังกันเข้ามา ทั้งความสะเทือนใจ สลดหดหู่ เศร้าเสียใจ วังเวงใจ รวมถึงความปลอดโปร่งโล่งใจ..โอ้ชีวิต
จากนั้น นพดล ปัทมะ ก็กล่าวสัมโมทนียะกถา พร้อมกล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เกี่ยวข้อง..ดังนี้
"น้ำตาไหลตั้งแต่องค์คณะตุลาการได้อ่านคำพิพากษาตั้งแต่อ่านยังไม่จบ ซึ่งคดี นี้ใช้เวลานานมากว่า7ปี ที่ความจริงจะปรากฏ ตนรู้สึกดีใจและตื้นตันที่ได้รับความเป็นธรรมจากศาล และขอบคุณ ทุกคนที่มาให้กำลังใจ
ขออโหสิกรรมให้ทุกคนที่เข้าใจตนผิดมาตลอด ว่ากล่าวหาตนขายชาติทำให้เสียดินแดนเขา พระวิหารไป และตนขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ จะไม่มีการฟ้องกลับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รวมถึงนางรสนา โตสิตระกูล ทั้งยังนายสมชาย แสวงการที่กล่าวหาว่าตนและพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับประเทศกัมพูชา
นอกจากนี้จะไม่นำคำพิพากษาของศาลไปใช้ผลประโยชน์ทางการเมือง และตนไม่ได้คุยกับ พันตำรวจโททักษิณมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่ได้คุยกันคดีนี้ จากนี้จะกลับไปพักผ่อนที่บ้านและไปทำบุญ ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศนั้นยังไม่สามารถเดินทางไปได้เนื่องจากติดคำสั่ง พร้อมขอบคุณข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ ที่มาเป็นพยานในคดี ซึ่งคำแถลงการณ์ร่วมแม้ว่าจะถูกโจมตีอย่างไรก็ตาม ก็พิสูจน์ได้ว่าคำแถลงการณ์ร่วมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสู้คดีที่ศาลโลก"
นี่คือ
“หนึ่งตัวอย่างของผู้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการใส่ร้ายทางการเมือง” เป็นอีกตัวอย่างที่เราเห็นกันได้ชัดๆในปัจจุบัน สำหรับคนที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีมาตลอด 7 ปี ก็ยิ่งต้องทำให้มองย้อนไปในอดีตที่ผ่านมาว่า จำนวนเท่าใดแล้ว ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้ และในอนาคต ยังจะมีอีกสักเท่าใดที่ต้องตกเป็นเหยื่อ..อีกกี่คน ??
ดีกรีนักเรียนทุนอานันทมหิดล มือกฎหมายระหว่างประเทศผู้ช่ำชองอย่าง นภดล ปัทมะ กลับถูกใส่ร้ายในเรื่องระหว่างประเทศเสียเองอย่างหน้าตาเฉยมา 7 ปี ก็แล้วคนอื่นๆที่ไม่มีต้นทุนทางกฎหมายล่ะ จะเป็นอย่างไร ??..คงไม่ต้องพูด !
ความเลวร้ายของขบวนการนี้ บ่อนเซาะเกาะกินประเทศมาอย่างต่อเนื่องยาวนานมาเกือบ 70 ปี บั่นทอนชอนไชประเทศให้ก้าวลงสู่ความตกต่ำย่ำอยู่กับที่ ชนิดไม่โงหัว ทำลายล้างคนดีๆที่อาสามาพัฒนาประเทศไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน..เวรกรรมของไทย
วันนี้ แม้จะยังไม่สามารถกำจัดขบวนการนี้ได้ง่ายๆ เพราะความที่มันโยงใยหยั่งรากฝังลึก แพร่เชื้อชั่วมาช้านาน แต่อย่างน้อยบทเรียนของนภดล ก็ทำให้คนไทยอีกหลายคนที่ยังมืดมน ตาสว่างวาบ เกิดดวงตาเห็นธรรม มองออกได้ว่าอะไรเท็จอะไรจริง จะได้ระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการนี้ง่ายๆเหมือนที่ผ่านๆมาอีก..ขอทุกท่านพ้นภัย !!!
...หนึ่งตัวอย่างผู้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการใส่ร้าย “นพดล ปัทมะ”...
น้ำใสๆที่เรียกว่าน้ำตาก็ไหลออกจากดวงตาของผู้ชายที่ชื่อนภดล ปัทมะ ในวินาทีนั้น มันคงเป็นสารพัดความรู้สึกที่ประดังกันเข้ามา ทั้งความสะเทือนใจ สลดหดหู่ เศร้าเสียใจ วังเวงใจ รวมถึงความปลอดโปร่งโล่งใจ..โอ้ชีวิต
จากนั้น นพดล ปัทมะ ก็กล่าวสัมโมทนียะกถา พร้อมกล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เกี่ยวข้อง..ดังนี้
"น้ำตาไหลตั้งแต่องค์คณะตุลาการได้อ่านคำพิพากษาตั้งแต่อ่านยังไม่จบ ซึ่งคดี นี้ใช้เวลานานมากว่า7ปี ที่ความจริงจะปรากฏ ตนรู้สึกดีใจและตื้นตันที่ได้รับความเป็นธรรมจากศาล และขอบคุณ ทุกคนที่มาให้กำลังใจ ขออโหสิกรรมให้ทุกคนที่เข้าใจตนผิดมาตลอด ว่ากล่าวหาตนขายชาติทำให้เสียดินแดนเขา พระวิหารไป และตนขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ จะไม่มีการฟ้องกลับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รวมถึงนางรสนา โตสิตระกูล ทั้งยังนายสมชาย แสวงการที่กล่าวหาว่าตนและพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับประเทศกัมพูชา
นอกจากนี้จะไม่นำคำพิพากษาของศาลไปใช้ผลประโยชน์ทางการเมือง และตนไม่ได้คุยกับ พันตำรวจโททักษิณมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่ได้คุยกันคดีนี้ จากนี้จะกลับไปพักผ่อนที่บ้านและไปทำบุญ ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศนั้นยังไม่สามารถเดินทางไปได้เนื่องจากติดคำสั่ง พร้อมขอบคุณข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ ที่มาเป็นพยานในคดี ซึ่งคำแถลงการณ์ร่วมแม้ว่าจะถูกโจมตีอย่างไรก็ตาม ก็พิสูจน์ได้ว่าคำแถลงการณ์ร่วมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสู้คดีที่ศาลโลก"
นี่คือ “หนึ่งตัวอย่างของผู้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการใส่ร้ายทางการเมือง” เป็นอีกตัวอย่างที่เราเห็นกันได้ชัดๆในปัจจุบัน สำหรับคนที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีมาตลอด 7 ปี ก็ยิ่งต้องทำให้มองย้อนไปในอดีตที่ผ่านมาว่า จำนวนเท่าใดแล้ว ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้ และในอนาคต ยังจะมีอีกสักเท่าใดที่ต้องตกเป็นเหยื่อ..อีกกี่คน ??
ดีกรีนักเรียนทุนอานันทมหิดล มือกฎหมายระหว่างประเทศผู้ช่ำชองอย่าง นภดล ปัทมะ กลับถูกใส่ร้ายในเรื่องระหว่างประเทศเสียเองอย่างหน้าตาเฉยมา 7 ปี ก็แล้วคนอื่นๆที่ไม่มีต้นทุนทางกฎหมายล่ะ จะเป็นอย่างไร ??..คงไม่ต้องพูด !
ความเลวร้ายของขบวนการนี้ บ่อนเซาะเกาะกินประเทศมาอย่างต่อเนื่องยาวนานมาเกือบ 70 ปี บั่นทอนชอนไชประเทศให้ก้าวลงสู่ความตกต่ำย่ำอยู่กับที่ ชนิดไม่โงหัว ทำลายล้างคนดีๆที่อาสามาพัฒนาประเทศไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน..เวรกรรมของไทย
วันนี้ แม้จะยังไม่สามารถกำจัดขบวนการนี้ได้ง่ายๆ เพราะความที่มันโยงใยหยั่งรากฝังลึก แพร่เชื้อชั่วมาช้านาน แต่อย่างน้อยบทเรียนของนภดล ก็ทำให้คนไทยอีกหลายคนที่ยังมืดมน ตาสว่างวาบ เกิดดวงตาเห็นธรรม มองออกได้ว่าอะไรเท็จอะไรจริง จะได้ระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการนี้ง่ายๆเหมือนที่ผ่านๆมาอีก..ขอทุกท่านพ้นภัย !!!