.... เมื่ออรรถกถา บัญญัติสิ่งพี่พระศาสดาไม่เคยบัญญัติ เราจะทำอย่างไรดีครับ ....

ภิกษุทั้งหลาย !
ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ
จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว
,
จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้ว
อย่างเคร่งครัด อยู่เพียงใด,
ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้
ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.

พระไตรปิฎกบาลี สยามรัฐ๒๓/ ๒๑/๒๑
----------------------------------------------------------------------------

อรรถกถา เป็นการแต่งอธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าในภายหลัง
และมีไม่น้อยที่แต่งเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากที่พระศาสดาบัญญัติไว้ ซึ่งผิดบทบัญญัติที่พระองค์สั่งไว้

ในอรรถกถา มีทั้งบทอธิบายคำพระศาสดา มีทั้งที่บัญญัติเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากที่พระศาสดาบัญญัติไว้แล้ว
เช่น ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปนาสมาธิ เจตสิก ฯลฯ


ยกตัวอย่าง กระทู้นี้มาว่ากันเรื่อง "สมาธิ" พระศาสดา บัญญัติไว้แค่นี้ครับ

สัมมาสมาธิเป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมบรรลุปฐมฌาน
มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน
มีความผ่องใสแห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุข
อันเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไปบรรลุตติยฌาน
ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข
เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ
ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๒สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์หน้าที่ ๘๗    ข้อที่ ๑๕๐ - ๑๕๑

ขณิกะสมาธิ อุปจารสมาธิ เจตสิก ฯลฯ เอามาจากพระสูตรไหนครับ ???
ถ้ามีผมจะได้ทรงจำ นำไปปฏิบัติครับ

ทีนี้จะแยกได้อย่างไรละว่าอรรถกถาส่วนใดบ้างที่เป็นส่วนแต่งเพิ่มนอกเหนือจากคำพระศาสดา... ???
สิ่งที่อรรถกถาแต่งเพิ่ม อาจเป็นจริง หรือไม่ก็ได้... แต่เป็นสิ่งที่พระองค์ไม่บัญญํติเพราะไม่เห็นถึงประโยชน์
เพราะสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ ท่านจะบัญญัติเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการหลุดพ้น หรือการดับสนิทแห่งกองทุกข์เท่านั้น

ความรู้ของพระองค์ที่ตรัสรู้มีมากหากเทียบกับใบไม้จากต้นไม้ทั้งต้น สิ่งที่พระองค์นำมาแสดง
นำมาบัญญัติเทียบได้แค่ใบไม้สองสามใบในกำมือเท่านั้นครับ...


สิ่งที่ตรัสรู้แต่ไม่ทรงนำมาสอน
มีมากกว่าที่ทรงนำมาสอนมากนัก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ปล. ไม่ต้องมายัดข้อหา "ไม่เคารพครูบาอาจารย์" ให้ผมนะครับ
เพราะผมเคารพครูบาพระอาจารย์ทั่วฟ้าเมืองไทย เท่าที่ประวัติศาสตร์จะจารึกไว้ได้
ทั้งสายวัง สายบ้าน สายป่า สายปริยัติ สายปฏิบัติ ผมเคารพ บูชา ศึกษา ทั้งประวัติ คำสอน และวัตรปฏิบัติของท่านเป็นอย่างดีครับ
และมั่นใจว่าไม่น้อยกว่าใครในนี้แน่นอนครับ




แต่อย่าเอาอาจารย์ทั้งหลายมาเทียบกับพระศาสดานะครับ
ความเคารพ ศรัทธาอันหยั่งลงมั่นเทียบกันไม่ได้ครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ
จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว


สาธุ

---------------------
ท่าน จขกท แยกไม่ออกจริงๆ หรือว่า ตรงไหนเป็นเนื้อความในพระไตรปิฎก ตรงไหนเป็นเนื้อความในอรรถกถา !!!

--------------------

เห็นแต่พระคึกฤทธิ์นี่แหละที่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ

คำสอนพระคึกฤทธิ์ เป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนาตรงนี้แหละ

เพราะคำสอนพระคึกฤทธิ์เป็นการบิดเบือนพระธรรมวินัย เป็นการบิดเบือนที่หลักคำสอน อันเป็นแก่นรากของพระพุทธศาสนา



วัตถุสำหรับอธรรมวาที ๑๘ ประการ


             พ. สารีบุตร เธอพึงทราบอธรรมวาทีภิกษุ ด้วยวัตถุ ๑๘ ประการ คือภิกษุในธรรมวินัยนี้:-

             ๑. แสดงสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ว่าเป็นธรรม <-- โสดาบันดื่มเหล้าได้, สำคัญผิดว่าบรรลุมรรคผล เป็นคุณต่อผู้สำคัญผิด
             ๒. แสดงสิ่งที่เป็นธรรม ว่าไม่เป็นธรรม
             ๓. แสดงสิ่งที่ไม่เป็นวินัย ว่าเป็นวินัย
             ๔. แสดงสิ่งที่เป็นวินัย ว่าไม่เป็นวินัย <-- ลดทอนสวดปาฏิโมกข์
             ๕. แสดงสิ่งที่พระตถาคตมิได้ทรงภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ว่าพระตถาคตทรงภาษิตไว้ตรัสไว้

              [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

             ๖. แสดงสิ่งที่พระตถาคตทรงภาษิตไว้ ตรัสไว้ว่าพระตถาคตมิได้ทรงภาษิตไว้ ตรัสไว้ <--
              พระพุทธเจ้า ไม่ได้ห้ามฟังคำ(พุทธ)สาวก แต่พระคึกฤทธิ์ อ้างว่า พระพุทธเจ้าสั่งไว้ว่า ห้ามฟังคำ(พุทธ)สาวก

             ๗. แสดงมรรยาทอันพระตถาคตมิได้ทรงประพฤติมา ว่าพระตถาคตทรงประพฤติมา
             ๘. แสดงมรรยาทอันพระตถาคตทรงประพฤติมาแล้ว ว่าพระตถาคตมิได้ทรงประพฤติมา
             ๙. แสดงสิ่งที่พระตถาคตมิได้ทรงบัญญัติไว้ ว่าอันพระตถาคตทรงบัญญัติไว้
             ๑๐. แสดงสิ่งที่พระตถาคตทรงบัญญัติไว้ ว่าพระตถาคตมิได้ทรงบัญญัติไว้
             ๑๑. แสดงสิ่งที่มิใช่อาบัติ ว่าเป็นอาบัติ
             ๑๒. แสดงอาบัติ ว่าเป็นสิ่งมิใช่อาบัติ <-- อนิยต พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติปรับอาบัติไว้ แต่พระคึกฤทธิ์ กลับกล่าวว่า ไม่มีอาบัติ

              [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

             ๑๓. แสดงอาบัติเบา ว่าเป็นอาบัติหนัก
             ๑๔. แสดงอาบัติหนัก ว่าเป็นอาบัติเบา
             ๑๕. แสดงอาบัติมีส่วนเหลือ ว่าเป็นอาบัติหาส่วนเหลือมิได้
             ๑๖. แสดงอาบัติหาส่วนเหลือมิได้ ว่าเป็นอาบัติมีส่วนเหลือ
             ๑๗. แสดงอาบัติชั่วหยาบ ว่าเป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ
             ๑๘. แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบ ว่าเป็นอาบัติชั่วหยาบ

             สารีบุตร เธอพึงทราบอธรรมวาทีภิกษุ ด้วยวัตถุ ๑๘ ประการนี้แล.

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=5&A=6505&Z=6559


เทียบเคียงกับกรณีธรรมกายได้ดังนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่