สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆชาวสินธร
ผมมาเอะใจความคิดนี้เมื่อตอนกำลังระบายทุกข์ยามเช้าอยู่ในสุขาวดี
คือเมื่อวันที่18ส.ค.หลังเกิดระเบิดผมได้ขายล้างปอดไปเพราะคิดตามเหตุผลแล้วว่าการท่องเที่ยวกระทบเต็มๆ กลุ่มอื่นก็ร่อแร่มานานต้องร่วงต่อแน่ๆ
ซึ่งปู่ก็โดนถล่มสอย จนถึง24ส.ค. ร่วงไปถึง1300จุดพร้อมวอลุม6หมื่นล้าน นับไปก็ลงไป100จุดใน5วัน กราฟหลุดEMA200 พื้นฐานก็เปลี่ยนภาคท่องเที่ยวที่ดูดีอันเดียวก็โดนกระทบผมนั่งอัดอั้นระบายทุกข์คิดว่าไงๆก็ไป1200แน่ๆรอบๆประเทศค่าเงินเอเชียก็ร่วงหนัก ตลาดจีนก็ทำท่าจะcrash เหตุผลทุกข้อชี้ว่าซี้แหงๆ
ระหว่างนั่งเครียดในสุขาวดีผมก็สไลด์มือไปเจอคุณพิชัย
ผมงี้โอ้โหเลยครับแกเอาความมั่นใจมาจากไหนขนาดนี้ ตอนนั้นดาวร่วงไป500จุด ผมคิดว่ารอบนี้แกผิดแน่ๆทั้งกราฟทั้งพื้นฐานไม่น่าจะมีแรงซื้อที่ไหน
...หลังจาก24ก็อย่างที่ทุกท่านเห็นๆกันครับ แกพูดถูกจริงๆด้วย
ผมก็มานั่งคิดในสุขาวดีต่อถึงทฤษฎีแก คนที่จะซื้อในวิกฤษนั้นจริงๆมีแค่20% และอีก80%ขาดทุน(รวมผมไปในนั้นด้วย Y_Y)
แล้ว20%นั้นเป็นใคร?
แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่คิดไม่เหมือนใคร ต้องมีการเตรียมแผนมาก่อน ว่าจะทำยังไงในตอนนั้น
....และที่สำคัญต้องมีหน้าตักรับซื้อของที่คนเทขายมาเป็นหมื่นล้านในวันนั้น
แล้วใครจะเทขายเป็นหมื่นล้าน?ให้คน20%นั้นได้กำไร
ผมก็นั่งขมิบคิดต่อ.......พี่กองไงล่ะ!ที่จะเทขายได้ขนาดนั้น และมีจุดอ่อนที่จะ"เล่นงาน" ให้เทขายออกมาได้ง่ายๆ
1.กองทุนมีขนาดใหญ่ จะซื้อขายทีละมากๆต้องกระทบดัชนีแน่ๆ เมื่อดัชนีร่วงมากๆทุกคนก็จะต้องขายตาม
2.พี่กองต้องรักษาNAV ไม่ใช้ให้กำไรโตนะครับ ที่สำคัญที่สุดคือ "NAVต้องชนะSET" เพราะถ้าNAVแพ้SETเมื่อไหร่กองทุนนั้นไม่มีใครซื้อแน่ๆ ถึงจะขาดทุนแต่NAVยังชนะSETได้ก็ไม่มีใครว่าหรือตัดโบนัสครับ XP
3.กองทุนต้องถือตัวใหญ่ๆที่มีผลกับดัชนีSETมาก ถ้าทุบตัวใหญ่ๆไม่กี่ตัวให้ดัชนีลง ถ้าลงมากพอพี่กองก็ต้องเปลี่ยนจากพยุงซื้อเป็นขาย ถ้าพี่กองขายเมื่อไหร่ก็ง่ายละครับ Setดิ่งแน่ๆแล้วตอนนั้นทุกคนก็ขายตาม
...หลังจากนั้นก็ง่ายละครับ รับซื้อของถูกกันเลยทีนี้ ต่อจากนี้ก็ซื้อดันดัชนีขึ้น พอSETขึ้นพี่กองก็ต้องซื้อครับ จะซื้อแพงเท่าไหร่ก็ต้องซื้อเพราะถ้าไม่ซื้อ "NAVจะแพ้SET" SETขึ้นไปไม่มีหุ้นในกองไม่ได้ครับโดนด่าพอดี
มาลองดูดัชนีวันที่17ไปครับ เทียบการซื้อขายพี่กองนะครับ
สังเกตุวันที่ 18กับ24นะครับเป็นวันที่พี่กองขาย ร่วงกันเป็นท้องเสียเลยครับ และหลังจากนั้นก็ต้องซื้อมาตลอดทั้งพยุงSETทั้งต้องรักษาNAVไว้
ดังนั้นนะครับ ถ้าผมเป็นขาใหญ่ก็มีวิธีหาเงินง่ายๆจากวิกฤษคือ
1.สถาณการณ์ต้องสุกงอม ภาพรวมทั้งในและต่างประเทศไม่ดี ทุกคนเริ่มมีความกลัวเข้ามา
2.ต้องมีหน้าตัก เงินทุนระดับหมื่นล้านที่จะ"รับซื้อของถูก"
3. D-day ถล่มขายตัวใหญ่ๆที่กองทุนถือจนกองทุนต้องขายตามรักษาNAV
4.รับซื้อของถูกที่รายย่อยอื่นๆขายตาม
5. หลังจากนั้นก็ซื้อตัวใหญ่ๆดันดัชนีขึ้นจนกองทุนต้องซื้อตามเพื่อรักษาNAVเช่นกัน
6. รอขาย
ผมเชื่อว่าทุกครั้งที่มีbottomมันเกิดขึ้นเพราะ"คน"ไม่ใช่เหตุบังเอิญ เพราะตลาดหุ้นเป็นการซื้อ-ขายของคน จำกัดในกรอบวงเงินที่เล่นกัน ไม่นอกเหนือจากการคาดเดาได้ ยิ่งตลาดหุ้นเข้าถึงคนจำนวนมากขึ้นๆเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องมีMarket Makerคอยคุมเงินเป็นแสนๆล้านของคนรวยๆจำนวนมาก การปล่อยให้ตลาดเสรีขึ้นลงโดยไม่มีคนควบคุมย่อมเสี่ยงต่อเงินในกระเป๋าของคนรวยๆ
และในตลาดที่ใหญ่ขนาดนี้ คนที่มีข้อผูกมัดที่สุดในการซื้อ-ขายมากที่สุด คือ "กองทุน" ทั้งต้องรักษาNAVและพยุงตลาดไว้ ถ้าผมเป็นขาใหญ่ที่จ้องจะหาเงินจากวิกฤษผมว่าผมจะเล่นงานกองทุนก่อน
เรามักดูการซื้อขายของต่างชาติ แล้วกองทุนละครับ สนใจเขาบ้างหรือยัง?
ผมคิดวิธีหาเงินหมื่นล้านในตลาดหุ้นของขาใหญ่ออกละครับ
ผมมาเอะใจความคิดนี้เมื่อตอนกำลังระบายทุกข์ยามเช้าอยู่ในสุขาวดี
คือเมื่อวันที่18ส.ค.หลังเกิดระเบิดผมได้ขายล้างปอดไปเพราะคิดตามเหตุผลแล้วว่าการท่องเที่ยวกระทบเต็มๆ กลุ่มอื่นก็ร่อแร่มานานต้องร่วงต่อแน่ๆ
ซึ่งปู่ก็โดนถล่มสอย จนถึง24ส.ค. ร่วงไปถึง1300จุดพร้อมวอลุม6หมื่นล้าน นับไปก็ลงไป100จุดใน5วัน กราฟหลุดEMA200 พื้นฐานก็เปลี่ยนภาคท่องเที่ยวที่ดูดีอันเดียวก็โดนกระทบผมนั่งอัดอั้นระบายทุกข์คิดว่าไงๆก็ไป1200แน่ๆรอบๆประเทศค่าเงินเอเชียก็ร่วงหนัก ตลาดจีนก็ทำท่าจะcrash เหตุผลทุกข้อชี้ว่าซี้แหงๆ
ระหว่างนั่งเครียดในสุขาวดีผมก็สไลด์มือไปเจอคุณพิชัย
ผมงี้โอ้โหเลยครับแกเอาความมั่นใจมาจากไหนขนาดนี้ ตอนนั้นดาวร่วงไป500จุด ผมคิดว่ารอบนี้แกผิดแน่ๆทั้งกราฟทั้งพื้นฐานไม่น่าจะมีแรงซื้อที่ไหน
...หลังจาก24ก็อย่างที่ทุกท่านเห็นๆกันครับ แกพูดถูกจริงๆด้วย
ผมก็มานั่งคิดในสุขาวดีต่อถึงทฤษฎีแก คนที่จะซื้อในวิกฤษนั้นจริงๆมีแค่20% และอีก80%ขาดทุน(รวมผมไปในนั้นด้วย Y_Y)
แล้ว20%นั้นเป็นใคร?
แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่คิดไม่เหมือนใคร ต้องมีการเตรียมแผนมาก่อน ว่าจะทำยังไงในตอนนั้น
....และที่สำคัญต้องมีหน้าตักรับซื้อของที่คนเทขายมาเป็นหมื่นล้านในวันนั้น
แล้วใครจะเทขายเป็นหมื่นล้าน?ให้คน20%นั้นได้กำไร
ผมก็นั่งขมิบคิดต่อ.......พี่กองไงล่ะ!ที่จะเทขายได้ขนาดนั้น และมีจุดอ่อนที่จะ"เล่นงาน" ให้เทขายออกมาได้ง่ายๆ
1.กองทุนมีขนาดใหญ่ จะซื้อขายทีละมากๆต้องกระทบดัชนีแน่ๆ เมื่อดัชนีร่วงมากๆทุกคนก็จะต้องขายตาม
2.พี่กองต้องรักษาNAV ไม่ใช้ให้กำไรโตนะครับ ที่สำคัญที่สุดคือ "NAVต้องชนะSET" เพราะถ้าNAVแพ้SETเมื่อไหร่กองทุนนั้นไม่มีใครซื้อแน่ๆ ถึงจะขาดทุนแต่NAVยังชนะSETได้ก็ไม่มีใครว่าหรือตัดโบนัสครับ XP
3.กองทุนต้องถือตัวใหญ่ๆที่มีผลกับดัชนีSETมาก ถ้าทุบตัวใหญ่ๆไม่กี่ตัวให้ดัชนีลง ถ้าลงมากพอพี่กองก็ต้องเปลี่ยนจากพยุงซื้อเป็นขาย ถ้าพี่กองขายเมื่อไหร่ก็ง่ายละครับ Setดิ่งแน่ๆแล้วตอนนั้นทุกคนก็ขายตาม
...หลังจากนั้นก็ง่ายละครับ รับซื้อของถูกกันเลยทีนี้ ต่อจากนี้ก็ซื้อดันดัชนีขึ้น พอSETขึ้นพี่กองก็ต้องซื้อครับ จะซื้อแพงเท่าไหร่ก็ต้องซื้อเพราะถ้าไม่ซื้อ "NAVจะแพ้SET" SETขึ้นไปไม่มีหุ้นในกองไม่ได้ครับโดนด่าพอดี
มาลองดูดัชนีวันที่17ไปครับ เทียบการซื้อขายพี่กองนะครับ
สังเกตุวันที่ 18กับ24นะครับเป็นวันที่พี่กองขาย ร่วงกันเป็นท้องเสียเลยครับ และหลังจากนั้นก็ต้องซื้อมาตลอดทั้งพยุงSETทั้งต้องรักษาNAVไว้
ดังนั้นนะครับ ถ้าผมเป็นขาใหญ่ก็มีวิธีหาเงินง่ายๆจากวิกฤษคือ
1.สถาณการณ์ต้องสุกงอม ภาพรวมทั้งในและต่างประเทศไม่ดี ทุกคนเริ่มมีความกลัวเข้ามา
2.ต้องมีหน้าตัก เงินทุนระดับหมื่นล้านที่จะ"รับซื้อของถูก"
3. D-day ถล่มขายตัวใหญ่ๆที่กองทุนถือจนกองทุนต้องขายตามรักษาNAV
4.รับซื้อของถูกที่รายย่อยอื่นๆขายตาม
5. หลังจากนั้นก็ซื้อตัวใหญ่ๆดันดัชนีขึ้นจนกองทุนต้องซื้อตามเพื่อรักษาNAVเช่นกัน
6. รอขาย
ผมเชื่อว่าทุกครั้งที่มีbottomมันเกิดขึ้นเพราะ"คน"ไม่ใช่เหตุบังเอิญ เพราะตลาดหุ้นเป็นการซื้อ-ขายของคน จำกัดในกรอบวงเงินที่เล่นกัน ไม่นอกเหนือจากการคาดเดาได้ ยิ่งตลาดหุ้นเข้าถึงคนจำนวนมากขึ้นๆเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องมีMarket Makerคอยคุมเงินเป็นแสนๆล้านของคนรวยๆจำนวนมาก การปล่อยให้ตลาดเสรีขึ้นลงโดยไม่มีคนควบคุมย่อมเสี่ยงต่อเงินในกระเป๋าของคนรวยๆ
และในตลาดที่ใหญ่ขนาดนี้ คนที่มีข้อผูกมัดที่สุดในการซื้อ-ขายมากที่สุด คือ "กองทุน" ทั้งต้องรักษาNAVและพยุงตลาดไว้ ถ้าผมเป็นขาใหญ่ที่จ้องจะหาเงินจากวิกฤษผมว่าผมจะเล่นงานกองทุนก่อน
เรามักดูการซื้อขายของต่างชาติ แล้วกองทุนละครับ สนใจเขาบ้างหรือยัง?