เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้คือเรื่องจริงทั้งหมด...อยากจะขอบอกก่อนนะคะ ว่าเราเองเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเท่าไหร่
เพราะไม่เคยเจอ...และเราคิดเสมอว่าคนเราตายไปก็คือตาย จบสิ้นแค่ตรงนั้น..แต่เหตุการณ์หนึ่งก็ทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไป
เรื่องมีอยู่ว่าญาติฝั่งแม่เราได้เสียชีวิตลง ซึ่งถ้านับตาศักดิ์เราก็เรียกท่านว่ายาย ท่ายอายุมากแล้วคะ และวันเผาศพเราก็ไปร่วมงานด้วย
ซึ่งมีแม่เรา พ่อเราและเราไปร่วมงาน ตอนนั้นพ่อเราเมาๆอ่ะค่ะ ก่อนจะเผาเขาจะทำพิธีเอาน้ำมะพร้าวมาล้างหน้าใช่ไหมคะ
พ่อเราก็ไปยืนอยู่ข้างๆโลงและช่วยทำนั่นที่นี่
จนกระทั่งเผาศพเสร็จเรียบร้อย กำลังจะกลับบ้าน ระหว่างทางกลับมาพ่อเราพูดหยอกล้อกันกับแม่
แล้วก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง......และสิ่งนั้นคือมัดตราสังข์ แม่เราตกใจมากๆ พ่อบอกว่าแอบถอดออกมา
แม่ก็ถามว่าไปเอามาทำไม พ่อเราก็บอกว่า รู้ไหมว่ามัดตราสังข์นี่ เอาไว้ทำคุณไสยได้ดีมากๆๆๆเลยนะ ตอนนั้นเรากับแม่มองหน้ากันด้วยความกลัวแต่ไม่กล้าพูดอะไร
และก็กลับมาถึงบ้าน....พ่อเมาไม่รู้เรื่องและหลับไป จนถึงช่วงเย็นเกือบค่ำ น้องสาวกลับมาจากโรงเรียน แม่เอามัดตราสังข์ไปวางไว้หน้าบ้าน บอกให้เราเอาไปทิ้ง....แต่เราไม่กล้าจับคะ น้องสาวเราเลยบอกว่างั้นเดี๋ยวหนูเอาไปเผาทิ้งข้างทางให้ แม่เราก็เลยบอกว่างั้นรีบไปเลย
ตอนนั้นเราขับรถออกมากับน้องสาว น้องสาวเราก็นัดเพื่อนไว้ว่าจะไปเอาของที่ฝากไว้กับเพื่อน โดยที่เราก็ไปด้วยนะคะ ระหว่างทางตอนนั้นประมาณ 6 โมงกว่า เราจอดรถข้างทาง ถนนเส้นนั้นไม่ค่อยมีคน เอามัดตราสังข์ไปเผา เผาแบบที่มั่นใจว่าไหม้แน่ ก็ขับรถออกมา น้องสาวก็บอกว่างั้นเดี๋ยวแวะไปเอาของกับเพื่อนก่อนและแวะตลาดก่อน ค่อยกลับบ้าน เราก็โอเค และน้องสาวก็ไปหาเพื่อน ที่ตรงนั้นเรียกว่าเกาะกลางน้ำอะค่ะ มีแม่น้ำ มีที่นั่งเล่น
เพื่อนๆน้องสาวก็นั่งรออยู่ตรงนั้น 3 คน
พวกเราก็เดินไปนั่งเล่นกับเพื่อนๆน้องสักพัก เออถึงเวลาแล้วกลับกันเถอะ ตอนนั้นเพื่อนน้องสาวเราคนหนึ่งเรียกว่าน้องนิ่มแล้วกันนอนหนุนตักน้องเราอยู่ พอลุกขึ้นกันหมดและน้องสาวก็พูดขึ้นว่า '' เหม็นอะไรว่ะ เน่าๆ '' ตอนนั้นไม่มีใครคิดอะไร แต่น้องนิ่มยืนตัวแข็งก้มหน้าไม่พูดอะไร และน้องสาวเราก็บอกว่า '' ไอ้นิ่ม อย่ามาแกล้งนะโว้ย '' ตอนนั้นน้องนิ่มเงยหน้ามามอง ตาขวางเชียวคะ ตอนนั้นก็ยังพากันหัวเราะ คิดว่าน้องเขาแกล้ง....พอสักพักน้องนิ่มพูดขึ้นว่า '' เอาของกูมาคืน '' เป็นเสียงน้องเขานั้นแหละคะ แต่น้ำเสียงเหมือนโกรธมากๆๆๆๆ
พวกเราเริ่มใจไม่ดี น้องสาวเราเลยถามว่า '' มุงเป็นใคร '' และน้องนิ่มก็ตอบว่า '' มีคนมาบอกให้กูมาตามเอาของ พวกมุงเอาของเขามา '' น้องสาวเราก็ถามต่อว่า '' คนนั้นที่บอกให้มุงมาเอานั้นใคร '' น้องนิ่มก็บอกว่า '' คนนั้นก็คือกูนี่แหละ '' เราก็เลยพากันงงๆๆและเริ่มกลัวกันขึ้นมา
คุยกันไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ และน้องเราก็ถามต่อว่า '' ของอะไร กุไปเอาอะไรของมุงมา '' น้องนิ่มก็ชี้ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่เราขับมากับน้องสาวมาน่ะคะ
สักพักน้องเขาก็ร้องไห้และบอกว่า '' ถ้าไม่ให้กู กูจะเอาเพื่อนมุง '' และน้องนิ่มก็เดินไปที่น้ำน่ะค่ะ ตอนนั้นไม่มีใครกล้าเดินตามเลย
จนน้องเขาเดินลงน้ำได้นิดนึง เราแน่ใจแล้วว่าไม่ได้แกล้งแน่ๆ แต่คงเป็นอาการ ผีเข้า เลยพากันวิ่งไปดึงตัวน้องนิ่มไว้ น้องเขาก็ดิ้นใหญ่ๆ
บอกว่าให้เอาของกูมาคืนอย่างเดียว พอดึงมาจะขึ้นรถ น้องนิ่มนั่งคาบมอเตอร์ไซค์ซึ่งกุญแจเสียบอยู่แล้ว แล้วทำท่าจะสตาร์ทตอนนั้นเพื่อนๆดึงกันใหญ่
และให้เพื่อนน้องสาวคนหนึ่งขึ้นนั่งหน้าเพื่อขับ อีกคนหนังหลังจับน้องนิ่มไว้ น้องเขาก็ดิ้นๆๆๆ พยายามขับรถออกมาได้พักหนึ่ง พากันร้องไห้
ขับผ่านศาลเจ้าพ่อหลักเมือง พากันยกมือไหว้ เท่านั้นแหละค่ะ น้องนิ่มอ่อนลงไปและหลับไปเลยคะ พอกลับมาถึงบ้าน ตอนนั้นไปบ้านน้องคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุสุด ไปถึงก็เล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง เขาก็พระมาห้อยคอให้และบอกว่าได้ไปทำอะไรมาไหม ไปลบหลู่ใครหรือเปล่า
เรามองหน้าน้องสาวแต่ไม่พูดออกไป จนน้องนิ่มตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้เหมือนคนเสียสติเลยค่ะ แล้วด่าเราใหญ่ว่าทำไมไม่บอกหนูๆๆ (น้องเหมือนรู้ แต่เราไม่ได้บอกเรื่องมัดตราสังข์นะคะ) หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน กลับไปถึงบ้านเราเล่าให้แม่ฟัง แม่เราบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปหาพระพรุ่งนี้
แต่พอคืนนั้น น้องสาวเราก็ทำตัวแปลกๆ อยู่ดีๆกลางดึก ลุกขึ้นมาถามเราว่า 'เรียกทำไม' เราก็บอกว่าไม่ได้เรียกนะ จะบ้าเหรอ เป็นแบบนั้นอยู่ 3-4 รอบ
พอรุ่งเช้าไปหาพระ พระก็บอกว่าไปหามัดตราสังข์มา ต้องเอามาทำพิธี มัดตราสังข์เปรียบเสมือนเชือกที่ยมบาลจะใช้ดึงวิญญาณ ทำไมไปเอาของเขา
ถ้าแบบนั้นเขาก็ไปไหนไม่ได้เราก็ฟังพระพูด....แต่คิดว่าเผาทิ้งไปแล้ว จะไปเอามาจากไหน แต่แม่เราบอกให้ขับรถไปดูก่อน
พอขับมาถึงที่ๆเผา เชื่อไหมคะ มัดตราสังข์ไม่เป็นอะไรเลย มีแค่รอยไหม้นิดๆ ทั้งๆที่ตอนนั้นมั่นใจแน่ ว่าวอดแน่ ขนลุกเลยค่ะ พอเอากลับมา
พระก็สวดๆๆให้ แล้วก็นำไปเผา พอหลังจากนั้นมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกเลย แต่มันเป็นเหตุการณ์จริงที่เราเชื่อได้เลยว่าผีมีจริง
คุณคิดว่าอะไร................
เชื่อแล้วคะ ว่าผีมีจริง
เพราะไม่เคยเจอ...และเราคิดเสมอว่าคนเราตายไปก็คือตาย จบสิ้นแค่ตรงนั้น..แต่เหตุการณ์หนึ่งก็ทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไป
เรื่องมีอยู่ว่าญาติฝั่งแม่เราได้เสียชีวิตลง ซึ่งถ้านับตาศักดิ์เราก็เรียกท่านว่ายาย ท่ายอายุมากแล้วคะ และวันเผาศพเราก็ไปร่วมงานด้วย
ซึ่งมีแม่เรา พ่อเราและเราไปร่วมงาน ตอนนั้นพ่อเราเมาๆอ่ะค่ะ ก่อนจะเผาเขาจะทำพิธีเอาน้ำมะพร้าวมาล้างหน้าใช่ไหมคะ
พ่อเราก็ไปยืนอยู่ข้างๆโลงและช่วยทำนั่นที่นี่
จนกระทั่งเผาศพเสร็จเรียบร้อย กำลังจะกลับบ้าน ระหว่างทางกลับมาพ่อเราพูดหยอกล้อกันกับแม่
แล้วก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง......และสิ่งนั้นคือมัดตราสังข์ แม่เราตกใจมากๆ พ่อบอกว่าแอบถอดออกมา
แม่ก็ถามว่าไปเอามาทำไม พ่อเราก็บอกว่า รู้ไหมว่ามัดตราสังข์นี่ เอาไว้ทำคุณไสยได้ดีมากๆๆๆเลยนะ ตอนนั้นเรากับแม่มองหน้ากันด้วยความกลัวแต่ไม่กล้าพูดอะไร
และก็กลับมาถึงบ้าน....พ่อเมาไม่รู้เรื่องและหลับไป จนถึงช่วงเย็นเกือบค่ำ น้องสาวกลับมาจากโรงเรียน แม่เอามัดตราสังข์ไปวางไว้หน้าบ้าน บอกให้เราเอาไปทิ้ง....แต่เราไม่กล้าจับคะ น้องสาวเราเลยบอกว่างั้นเดี๋ยวหนูเอาไปเผาทิ้งข้างทางให้ แม่เราก็เลยบอกว่างั้นรีบไปเลย
ตอนนั้นเราขับรถออกมากับน้องสาว น้องสาวเราก็นัดเพื่อนไว้ว่าจะไปเอาของที่ฝากไว้กับเพื่อน โดยที่เราก็ไปด้วยนะคะ ระหว่างทางตอนนั้นประมาณ 6 โมงกว่า เราจอดรถข้างทาง ถนนเส้นนั้นไม่ค่อยมีคน เอามัดตราสังข์ไปเผา เผาแบบที่มั่นใจว่าไหม้แน่ ก็ขับรถออกมา น้องสาวก็บอกว่างั้นเดี๋ยวแวะไปเอาของกับเพื่อนก่อนและแวะตลาดก่อน ค่อยกลับบ้าน เราก็โอเค และน้องสาวก็ไปหาเพื่อน ที่ตรงนั้นเรียกว่าเกาะกลางน้ำอะค่ะ มีแม่น้ำ มีที่นั่งเล่น
เพื่อนๆน้องสาวก็นั่งรออยู่ตรงนั้น 3 คน
พวกเราก็เดินไปนั่งเล่นกับเพื่อนๆน้องสักพัก เออถึงเวลาแล้วกลับกันเถอะ ตอนนั้นเพื่อนน้องสาวเราคนหนึ่งเรียกว่าน้องนิ่มแล้วกันนอนหนุนตักน้องเราอยู่ พอลุกขึ้นกันหมดและน้องสาวก็พูดขึ้นว่า '' เหม็นอะไรว่ะ เน่าๆ '' ตอนนั้นไม่มีใครคิดอะไร แต่น้องนิ่มยืนตัวแข็งก้มหน้าไม่พูดอะไร และน้องสาวเราก็บอกว่า '' ไอ้นิ่ม อย่ามาแกล้งนะโว้ย '' ตอนนั้นน้องนิ่มเงยหน้ามามอง ตาขวางเชียวคะ ตอนนั้นก็ยังพากันหัวเราะ คิดว่าน้องเขาแกล้ง....พอสักพักน้องนิ่มพูดขึ้นว่า '' เอาของกูมาคืน '' เป็นเสียงน้องเขานั้นแหละคะ แต่น้ำเสียงเหมือนโกรธมากๆๆๆๆ
พวกเราเริ่มใจไม่ดี น้องสาวเราเลยถามว่า '' มุงเป็นใคร '' และน้องนิ่มก็ตอบว่า '' มีคนมาบอกให้กูมาตามเอาของ พวกมุงเอาของเขามา '' น้องสาวเราก็ถามต่อว่า '' คนนั้นที่บอกให้มุงมาเอานั้นใคร '' น้องนิ่มก็บอกว่า '' คนนั้นก็คือกูนี่แหละ '' เราก็เลยพากันงงๆๆและเริ่มกลัวกันขึ้นมา
คุยกันไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ และน้องเราก็ถามต่อว่า '' ของอะไร กุไปเอาอะไรของมุงมา '' น้องนิ่มก็ชี้ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่เราขับมากับน้องสาวมาน่ะคะ
สักพักน้องเขาก็ร้องไห้และบอกว่า '' ถ้าไม่ให้กู กูจะเอาเพื่อนมุง '' และน้องนิ่มก็เดินไปที่น้ำน่ะค่ะ ตอนนั้นไม่มีใครกล้าเดินตามเลย
จนน้องเขาเดินลงน้ำได้นิดนึง เราแน่ใจแล้วว่าไม่ได้แกล้งแน่ๆ แต่คงเป็นอาการ ผีเข้า เลยพากันวิ่งไปดึงตัวน้องนิ่มไว้ น้องเขาก็ดิ้นใหญ่ๆ
บอกว่าให้เอาของกูมาคืนอย่างเดียว พอดึงมาจะขึ้นรถ น้องนิ่มนั่งคาบมอเตอร์ไซค์ซึ่งกุญแจเสียบอยู่แล้ว แล้วทำท่าจะสตาร์ทตอนนั้นเพื่อนๆดึงกันใหญ่
และให้เพื่อนน้องสาวคนหนึ่งขึ้นนั่งหน้าเพื่อขับ อีกคนหนังหลังจับน้องนิ่มไว้ น้องเขาก็ดิ้นๆๆๆ พยายามขับรถออกมาได้พักหนึ่ง พากันร้องไห้
ขับผ่านศาลเจ้าพ่อหลักเมือง พากันยกมือไหว้ เท่านั้นแหละค่ะ น้องนิ่มอ่อนลงไปและหลับไปเลยคะ พอกลับมาถึงบ้าน ตอนนั้นไปบ้านน้องคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุสุด ไปถึงก็เล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง เขาก็พระมาห้อยคอให้และบอกว่าได้ไปทำอะไรมาไหม ไปลบหลู่ใครหรือเปล่า
เรามองหน้าน้องสาวแต่ไม่พูดออกไป จนน้องนิ่มตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้เหมือนคนเสียสติเลยค่ะ แล้วด่าเราใหญ่ว่าทำไมไม่บอกหนูๆๆ (น้องเหมือนรู้ แต่เราไม่ได้บอกเรื่องมัดตราสังข์นะคะ) หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน กลับไปถึงบ้านเราเล่าให้แม่ฟัง แม่เราบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปหาพระพรุ่งนี้
แต่พอคืนนั้น น้องสาวเราก็ทำตัวแปลกๆ อยู่ดีๆกลางดึก ลุกขึ้นมาถามเราว่า 'เรียกทำไม' เราก็บอกว่าไม่ได้เรียกนะ จะบ้าเหรอ เป็นแบบนั้นอยู่ 3-4 รอบ
พอรุ่งเช้าไปหาพระ พระก็บอกว่าไปหามัดตราสังข์มา ต้องเอามาทำพิธี มัดตราสังข์เปรียบเสมือนเชือกที่ยมบาลจะใช้ดึงวิญญาณ ทำไมไปเอาของเขา
ถ้าแบบนั้นเขาก็ไปไหนไม่ได้เราก็ฟังพระพูด....แต่คิดว่าเผาทิ้งไปแล้ว จะไปเอามาจากไหน แต่แม่เราบอกให้ขับรถไปดูก่อน
พอขับมาถึงที่ๆเผา เชื่อไหมคะ มัดตราสังข์ไม่เป็นอะไรเลย มีแค่รอยไหม้นิดๆ ทั้งๆที่ตอนนั้นมั่นใจแน่ ว่าวอดแน่ ขนลุกเลยค่ะ พอเอากลับมา
พระก็สวดๆๆให้ แล้วก็นำไปเผา พอหลังจากนั้นมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกเลย แต่มันเป็นเหตุการณ์จริงที่เราเชื่อได้เลยว่าผีมีจริง
คุณคิดว่าอะไร................