เชือกมัดตราสังข์ พกติดตัวได้ไหมคะ

ยายของดิฉันเสียชีวิตไป 2 ปีแล้วค่ะ
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในขณะที่กำลังทำพิธีฌาปนกิจ สัปเหร่อได้ตัดเชือกมัดตราสังข์ที่ผูกไว้ออก
แล้วส่งให้ลูกหลานบอกว่าให้เก็บไว้ ....

ดิฉันเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับเชือกมัดตราสังข์ของยายมากจากสัปเหร่อ
หลังจากนั้น ได้นำไปใส่กรอบแก้วใสๆ แล้วคล้องคอไว้ เพื่อเป็นที่รำลึกถึงยาย
เพราะยายเป็นคนเลี้ยงมา รักและผูกพันกับยายมาตั้งแต่เด็ก

แต่มาวันนึง มีพี่ที่ทำงานเห็น และถามว่าคล้องอะไรไว้ เพราะพี่เค้าคิดว่าเป็นพระมาตลอด ปกติจะเห็นแต่สร้อย
จึงบอกเค้าไปว่า เป็นเชือกมัดตราสังข์ของยาย
พี่เค้าบอกว่า อย่าคล้องนะ เพราะมันไม่ดี เค้าไม่ให้พกเชือกมัดตราสังข์ติดตัวกันหรอก
จะทำให้มีแต่เรื่องอัปมงคลกับชีวิต

ด้วยความอยากรู้ เลยลองค้นหาดูจากพี่ Goo ก็ไม่พบคำตอบใดๆ ค่ะ ^^!
ใครพอจะทราบ รบกวนช่วยบอกด้วยนะคะ สงสัยมาก ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
จริงๆเรื่องมัดตราสังข์นี่เป็นคติของคนโบราณที่ใช้สอนกันมา มีความนัยแฝง เพียงแต่หลังๆหนังผีเอามาเล่นกันมาก
จนคนรุ่นใหม่มองว่าเป็นเรื่องตลกหรืองมงาย บางคนก็คิดว่าแค่มัดเพื่อให้ศพท่าสวยๆ

การมัดตราสัง

ก่อนนำศพใส่โลก ต้องทำพิธีมัดตราสังด้วยด้ายสายสิญจน์ นิยมมัดเป็น ๓ เปลาะ คือ ที่คอ ที่มือและที่เท้า มีผู้แต่งคำโครงอธิบายปริศนาธรรมของการมัดตราสังเป็น ๓ เปลาะไว้ดังนี้

มีบุตรห่วงหนึ่งเกี้ยว    พันคอ
ทรัพย์ผูกบาทาคลอ    หน่วงไว้
ภริยาเยี่ยงอย่างปอ    รึงรัด มือนา
สามห่วงใครพ้นได้       จึงพ้นสงสาร

วิธีการทำ สัปเหร่อจะเอาด้ายดิบกรองมือ เท้า และคอศพ ผูกมือให้อยู่ในท่าพนมมือ นำซองหมากพลู ดอกไม้ ธูปเทียน เชื่อว่าเพื่อนำไปบูชาพระจุฬามณี ซึ่งบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธองค์ ณ ดาวดึงส์ และภาวนาว่า " ธนํหัต.เถ " ( ทรัพย์สินเป็นห่วงผูกมือ ) นำด้ายที่ผูกมือไปผูกคอและว่า " ปุต.โต คีวํ หรือ คีเว" ( บุตรเป็นห่วงผูกคอ ) และขณะที่ผูกเท้ากล่าว " ภริยา ปาเท ( ภริยาเป็นห่วงผูกเท้า ) ส่วนการเอาเหรียญหรือเงินทองใส่ในปากศพเพื่อแสดงว่า ของเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีค่าเมื่อตายไม่สามารถเอาไปได้

เสร็จแล้วสัปเหร่อให้เอาผ้าขาวผืนใหญ่ห่อตัวศพโดยขมวดไว้ด้านศีรษะ เพื่อจะได้เป็นการสะดวก เมื่อเวลาเปิดเอาน้ำมะพร้าวล้างหน้าศพก่อนเผา แล้วเอาด้ายดิบขนาดนิ้วหัวแม่มือ มัดเป็นเปลาะๆ ให้แน่นเป็น ๕ เปลาะ เป็นปริศนาธรรม หมายถึง นิวรณ์ ๕ คือ
๑. กามฉันทะ
๒. ความพยาบาท
๓. ความง่วงเหงาหาวนอน
๔. ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ
๕. ความลังเลใจ
ทั้ง ๕ ประการนี้คือสิ่งขวางกั้นจิตไม่ให้บรรลุความดี

ดังนั้นจะเห็นว่าประเพณีงานศพนั้น ทุกขั้นตอนมันมีปริศนาธรรมซ่อนอยู่ เพียงแต่คนที่รู้จริงๆก็เล่นเน็ตไม่เป็น ถ่ายทอดไม่ได้
เหลือมาหลังๆก็เลยเพียงทำตามๆ กันมา แล้วตัดนู่นตัดนี่เพราะไม่รู้ เช่นบางคนบอกจะพันด้ายไมตั้งสามที่ยังไงศพก็ไม่ฟื้น
หรือจะผูกทำไมตั้งห้าปม ไงผ้าก็ไม่หลุด และก็มองเป็นเรื่องงมงายกันไป

ส่วนจขกท จะพกไว้ก็เพื่อความสบายใจก็ได้ครับ แต่ต้องรู้ความหมายของมันและเข้าใจคติธรรมของการมัดตราสังข์ด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่