Must Be There : เกาะสวรรค์ Fernando de Noronha

Must Be There : เกาะสวรรค์ Fernando de Noronha
เพราะโลกนี้สวยงามแค่ไหนอยู่ที่เราออกไปแล้วหรือยัง



เกาะเฟอร์นันโดเดอโนรอนญา เป็นเกาะที่สวยงามมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่งบนโลกนี้ และมีชายหาดที่ได้รับ vote ว่าเป็นชายหาดที่สวยที่สุดในโลกปี 2013  เกาะนี้ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก อยู่ห่างจากชายฝั่งบราซิล 354 กม และอนุญาติให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวที่เกาะนี้ได้เพียง 470 คนต่อวันเท่านั้น  ระบบนิเวศที่นี้จึงสวยงามมาก อากาศอบอุ่น ฝนตก หยุดตก สลับกันไปมา น้ำทะเลเป็นสีฟ้า ใส และที่นี้มีโลมา มากมายอาศัยอยู่ โรงแรมที่เกาะนี้สวยงามมากๆ และที่นี้มีคลื่นทะเลที่นี้สูงมากๆ เพราะจาก ทวีปแอฟริกา จนถึง เกาะนี้ไม่มีเกาะอะไรบังลมเลยจึงทำให้ที่นี้ คลื่นทะเลสูงมาก



การเดินทางมาที่นี้ค่อนช้างต้องใช้เวลา มากพอสมควร เพราะ นอกจากจะต้องนั่งเครืองบินหลายต่อหลายต่อ แล้ว เราจะต้องทำเรื่องขอใบอนุญาติเข้าเกาะก่อนซึ่งเกาะเฟอร์นันโดเดอโนรอนญา รับนักท่องเที่ยวเพียงวันละ 470 คนเท่านั้น ผมเดินทางจากประเทศไทย
โดยสายการบิน Emirate
จาก กทม มายัง Dubai ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง
จาก Dubai ไปยังเมือง Rio Dejanero ใช้เวลาเดินทาง 14 ชัวโมง
จาก Rio Dejanero ไป ยังเมือง Recife ใช้เวลา 3 ชัวโมง และ
จาก Recife ไปยัง เกาะเฟอร์นันโดเดอโนรอนญา โดยเครืองบินเล็กอีก 1 ชัวโมง

แต่การเดินทางของผมครั้งนี้ จากเมือง Recife ไปยัง เกาะเฟอร์นันโดเดอโนรอนญา ไม่ได้ บินแค่ 1 ชัวโมง แต่บินเกือบ 2 ชัวโมง เพราะมี เหตุการณ์ บางอย่างระหว่างเดินทางนั้นก็คือ บนเกาะนี้ สถาพอากาสเปลี่ยนแปลงอยู่เกือบตลอดเวลา ฝนตกสลับหยุด กันทั้งวันผมนั่งเครืองบินขนาดเล็กมายังเกาะนี้ห่างจากชายฝั่งถึง 354 กม. ก่อนเครืองบินจะลง สภาพอากาศค่อนข้างแปลปรวน ผมมองดูหน้าจอเครืองบินขณะที่เครืองบินลงอีก 400 เมตรจะถึงพื้น แต่ทันใดนั้นกัปตันก็ดึงเครืองและเร่งความเร็ว ขึ้นไปอยู่ความสูงระดับสองพันเมตรใหม่ คนบนเครืองต่างกรีดร้อง เพราะความตกใจ ส่วนผมก็เริ่มสวดมนต์ครับ ยอมรับว่ากลัวมากๆ เครืองบิน บินวน อยู่เกือบ 40 นาที และระหว่างที่วนนั้น เครืองก็สั่นมากๆ เพราะอากาศไม่ค่อยดี สุดท้ายแล้วกัปตันประกาศว่า จะนำเครืองลง แต่หากครั้งนี้ลงไม่ได้ อีกจะบินกลับฝั่ง ผมแอบคิดในใจว่า น้ำมันจะพอเหรอ สุดท้ายลงได้ครับ ผู้โดยสารตบมือทั้งลำ ส่วนผมนี้ เขาอ่อนเลยเกือบไม่ได้มาดำน้ำ แอตแลนติกละ

ผมได้มีโอกาสดำน้ำมาหลายที่ทั่วโลก แต่ที่มหาสมุทรแอตแลนติกนี้ผม ยังไม่เคยดำเลย และอยากจะทราบมาก ว่าที่นี้มีอะไร ถึงได้ถูกยกให้เป็นจุดดำน้ำที่สวยที่สุดของประเทศบราซิล

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ว่ากันว่า หมู่เกาะราชาอัมพัตคือเมืองหลวงของปะการัง หากสถานที่ใดห่างไกลจาก ราชาอัมพัตเท่าไหร่ ปะการังยิ่งน้อยลงเท่านั้น จากการลงน้ำที่แสนจะสีน้ำเงินและใสมากๆ จึงได้เห็นความจริงที่ว่า ที่นี้มหาสมุทรแอตแลนติก ห่างไกลจากราชาอัมพัตกว่า 25,000 กิโลเมตร แทบจะไม่มีปะการังเลย คงจะเป็นเรื่องจริง แต่แม้ไม่มีปะการังแต่กับมีสาหร่าย เยอะมากๆ และปลาฝูง ฝูงใหญ่มาก แต่การดำน้ำที่นี้ต้องดูจังหวะ ดีๆ เพราะน้ำจะโยนเราไปมา ถ้าเราจะไปทางไหน ต้องรอให้โยนแล้วรีบตีขา ความใสของที่นี้ใสแบบน้ำเงินมากๆ แต่ยอมรับว่าน้ำที่โยนไปโยนมานี้ดำยากมากๆ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แม้จะอยู่มหาสมุทรแอตแลนติก และห่างจากฝั้งถึง 500 กม แต่ที่นี้กลับไม่ค่อยมีปะการังเลย การดำน้ำที่โยนไป โยนมาทำให้ทรงตัวยาก หากสังเกตุปลาข้างๆ จะเห็นว่าปลิวไปปลิวมา และฟองอากาศที่เบี้ยวไปเบี้ยวมา ช่วงที่เราอยู่ใต้น้ำเราจะได้ยินเสียงโลมา อกือบอยู่ตลอดเวลา เพราะที่นี้คืออุทยานของโลมาซึ่งมีโลมาอาศัยอยู่หลายพันตัว แต่ไม่เคยเห็นอยู่ใต้น้ำเลย เสียงของโลมา ที่สะท้อนไปมาอาจจะทำให้โลมารู้ว่า มีนักดำน้ำอยู่ ตรงนี้จึงไม่เข้ามาใกล้ให้เราเห็น ทุกครั้งในการดำน้ำ เมื่อถึงเวลาขึ้น นักดำน้ำทุกคนควร พักน้ำที่ระดับความลึก 5 เมตร เป็นเวลา 3 นาที ก่อนทุกครั้งเพื่อทำให้ร่างกายขับไนโตเจนออกไป

แต่ที่นี้คลื่นที่สูงกว่า 5 เมตร เราต้องทรงตัวอยู่กลางน้ำในเวลาพักน้ำ อย่างระมัดระวัง เพราะทุกครั้ง ที่คลื่นพัดมาตัวเราจะปลิวไปปลิวมา และเมื่อพักเสร็จแล้ว ระหว่างที่รอเรือมารับเราจะต้องคาบท่ออากาศอยู่ตลอดเวลา เพราะคลื่นที่สูงอาจจะม้วนเราลงไปข้างล่างได้  แต่สิ่งที่น่ากลัวคือการขึ้นเรือ ต้องระวังอย่างยิ่ง เพราะเมื่อจับเรือได้แล้วต้องจับให้แน่น แล้วค่อยๆไต่ขึ้นไป วันที่ 3 ของการดำน้ำที่แอตแลนติกที่คลื่นสุงมากนี้เหลือเพียงนักดำน้ำเพียง 4 คนจาก 14 คน ทุกคนต่างเมาเรือ

สิ่งที่ฉันค้นพบในมหาสมุทร แอตแลนติก
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ระหว่างที่นั่งท่านอาหารท้องถิ่นบนเกาะ ผมก็เห็นรูปภาพรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปสระว่ายน้ำที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยธรรมชาติ นั้นก็คือ เป็นสระว่ายน้ำที่เป็นหลุมหิน และติดทะเล เป็นภาพที่ผมเคยเห็น Nat G.O. เคยถ่ายไว้ ผมไม่รอช้ารีบ เดินไปถามเจ้าของร้านอาหารว่ารูปนี้ถ่ายมาจากที่ใด เจ้าของร้านบอกว่าอยู่บนเกาะนี้ แต่การเดินทางค่อนข้างลำบาก ต้องเช่ารถที่สามารถตะลุยป่าได้ และเมื่อไปถึงต้องปีนเขาอีกเพื่อที่จะไปยังจุดนั้น ผมไม่รอช้า เพราะมันคงสวยมากๆ ไกลแค่ไหนก็ต้องไป ลำบากแค่ไหนก็จะสู้ เพราะแค่เห็นจากรูปก็รู้ว่ามันสวยมาก ถ้าได้เห็นกับตาคงคุมค่า ที่มาถึง




Let's find some beautiful place to get lost

ติดตามการเดินทางและเรื่องเล่าเท่าที่รู้ได้ที่
Facebook Page: https://www.facebook.com/1mustbethere
Instagram : https://instagram.com/mustbethere/
เพราะโลกนี้สวยงามแค่ไหนอยู่ที่เราออกไปดูแล้วหรือยัง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่