ถอยหลัง...แต่ไม่ถอดใจ
“ วันนี้แดดออกแล้ว...”
พี่มัยแม่บ้านประจำหอตะโกนออกมาด้วยความดีใจ ที่จะได้มีโอกาสซักผ้าผ่อนเสียที
หลังจากที่ฝนตกต่อเนื่อง ติดต่อกันมาได้หลายวัน
หนักบ้าง เบาบ้างสลับกันไปจนแทบจะไม่ได้เว้นให้หายใจกันเลย
เช้าวันนี้จึงเป็นเช้าวันแรกของหลายๆ กิจกรรมที่กำลังจะเริ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น ลุงปลิว ที่จะออกมาซ่อมหลังคาที่รั่วมานาน
พี่อินกับลูกชายก็พากันจูงวัวมากินหญ้าที่เขียวชะอุ่มท้ายบ้าน
และชาวนาอีกกลุ่มใหญ่ที่เดินเรียงแถวกันออกมาเพื่อที่จะมาตระเตรียมแปลงนาปลูกข้าวกัน
ส่วนผมเองก็วางแผนไว้เรียบร้อยแล้วละครับ
ว่าถ้าฝนหยุดเมื่อไรจะออกไปเที่ยวน้ำตกในเชียงรายเสียหน่อย
ทำกิจวัตรประจำวันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย โปรยยิ้มให้พี่มัยที่กำลังตากผ้าอยู่
ผมกระโดดขึ้นรถกระบะคู่ใจแล้วขับออกจากหอพักมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนดเอาไว้อย่างไม่รอช้า
ผมขับรถเข้ามาในตัวเมืองเชียงราย ลัดเลาะไปมาบนถนนไม่นานก็มาถึงสี่แยกเด่นห้า
เสร็จแล้วผมก็จัดการขับรถยนต์วิ่งไปตามถนนสาย ชร.2014-บ้านผาเสริฐ ที่ตัดผ่านหน้าค่ายทหารเม็งรายมหาราช
แล้วก็จะวิ่งลัดเลาะเลียบแม่น้ำกกโค้งไปมา ช่วยเพิ่มสีสันให้กับถนนเส้นนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ขับรถยนต์ชมความงามสองข้างทาง ผ่านจุดชมวิวลำน้ำกก
และหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรที่อยู่อีกฝั่งของลำน้ำมาได้ประมาณ 20 กิโลเมตร
ผมจัดแจงเลี้ยวซ้ายลงถนนดินอัดที่ด้านข้างวัดผาเสริฐวนาราม หมู่บ้านผาเสริฐ ตำบลดอยฮาง เ
พื่อเดินทางไปยังน้ำตกที่อยู่ห่างจากจุดนี้ออกไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
ถึงแม้นว่าสภาพของถนนที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้จะไม่เอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยวก็ตามที
เพราะเนื่องจากฝนเพิ่งจะเทกระหน่ำตกติดต่อมาหลายวันก่อนหน้านี้ไม่นาน
จนทำให้ไม่เหลือสภาพของความเป็นถนนดินอัดที่สามารถสัญจรไปมาได้
แต่นั่น...ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะถอดใจ จนต้องยกเลิกการเที่ยวน้ำตกครั้งนี้เสียทีเดียว
ด้วยเหตุนี้เอง ผมจำเป็นต้องถอยหลัง...ขับรถกลับมาตั้งหลักใหม่ที่หน้าวัดผาเสริฐฯ
แล้วขับรถย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิมอีกครั้งหนึ่งโดยใช้ระยะทางก็ประมาณ 7 กิโลเมตร เพื่อจะไปที่แยกน้ำตกห้วยตาดที่หมู่บ้านคำยางนุ
ถึงแม้นว่าเส้นทางที่ผมเลือกใช้เดินทางใหม่นี้ จะไกลจากเส้นเดิมกว่า 2 กิโลเมตร รวมที่ขับย้อนกลับมาอีก ก็น่าจะเป็นระยะ 10 กิโลเมตร เห็นจะได้
แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันใกล้ความเป็นจริงมากกว่า ในการที่ผมจะได้ไปเห็น น้ำตกห้วยแก้ว น้ำตกที่มีทั้งหมด 3 ชั้น
และขึ้นชื่อว่าเป็น น้ำตกขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงราย ที่มีน้ำไหลแรงตลอดปี
ด้วยความที่เป็นถนนคอนกรีตขนาดแค่พอให้รถยนต์สวนกันได้ ลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่ผู้เดินทางจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการขับขี่
จึงทำให้ผมไม่สะดวกที่จะหยุดถ่ายภาพความสวยงามของเมืองเชียงรายในมุมแปลกใหม่ได้
ทำได้เพียงแค่เก็บภาพความประทับใจและความสวยงามของธรรมชาติที่โอบกอดเมืองเชียงรายไว้ในความทรงจำแทน
ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที
ผมก็มาถึงยังร้านขายอาหารตามสั่งของหมู่บ้านชาวอาข่า และชาวจีนฮ้อ
ผมขับรถเข้าไปใกล้ๆ เพื่อสอบถามข้อมูลของน้ำตกห้วยแก้วอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อน้ำดื่มเพื่อเป็นเสบียงตามคำแนะนำของพี่โก้ ไกด์หนุ่มชาวอาข่าประจำหมู่บ้าน
จากร้านขายของ ผ่านไร่ชาอู่หลงของชาวจีนฮ้อไม่นาน
ผมก็มาถึงยังลานจอดรถของน้ำตกห้วยแก้ว ที่ทางอุทยานแห่งชาติลำน้ำกกจัดไว้ให้นักท่องเที่ยว
น้ำตกห้วยแก้วแห่งนี้เป็นน้ำตกที่อยู่ในผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของเชียงราย
จึงทำให้เส้นทางเดินป่าที่ขึ้นไปยังน้ำตกมีความร่มรื่น และชุ่มชื่นจากพันธุ์ไม้สำคัญขนาดใหญ่หลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็น ไม้ยางป่า มะค่าโมง หรือแม้นกระทั่งพันธุ์ไม้พื้นล่างที่สำคัญได้แก่ ไผ่และเฟิร์น
เดินเลียบลำธารได้ประมาณ 400 เมตร
ผมก็มาถึงยังชั้นที่หนึ่งของน้ำตก
ซึ่งมีลักษณะของสายน้ำไหลตกจากหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร ผ่านโขดหินขนาดใหญ่ก่อนที่จะลงมายังแอ่งน้ำเบื้องล่างที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะลงเล่นน้ำได้ ถ่ายรูปชื่นชมความงามไม่นาน ผมรีบเดินทางต่อไปยังชั้นที่สอง ซึ่งเมื่อออกเดินมาได้ซักพัก ผมก็รู้ได้ทันทีว่าทำไมพี่โก้ ถึงแนะนำให้ผมเตรียมน้ำดื่มขึ้นมาด้วย เพราะถึงแม้นว่าจะเป็นระยะทางเพียงแค่ 200 เมตร แต่เป็นสองร้อยเมตรของการเดินป่าที่เรียกเสียงหอบได้เหมือนกัน เพราะด้วยความชันและลื่นของทางเดินนั่นเอง จึงทำให้ผมต้องดื่มน้ำเรียกความสดชื่นไปหลายอึก
น้ำตกที่ชั้นสองนี้ ความงามของน้ำตกไม่ได้สวยงามน้อยไปกว่าชั้นแรกที่ผ่านมา
เพราะด้วยสายน้ำที่ไหลตกจากหน้าผาสูงกว่า 40 เมตร จึงทำให้ผมตื่นตาตื่นใจกับความงามของธรรมชาติ จนลืมเหนื่อยกันได้เลยทีเดียว ผมใช้เวลาพักเหนื่อยอยู่ที่ชั้นนี้นานซักหน่อย ก่อนที่จะออกเดินขึ้นไปตามทางที่ชันและลื่นอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะไปชมความงามของชั้นบนสุดของน้ำตก ที่อยู่ห่างออกไป 100 เมตร
ถึงแม้นว่าในชั้นที่สามนี้
สายน้ำจะไม่ได้ไหลตกมาจากหน้าสูงเป็นสิบๆ เมตร
แต่ด้วยความแรงของกระแสน้ำที่ไหลพุ่งออกมา แผ่กระจายกว้างเต็มน้ำผานี้เอง
จึงทำให้ความสวยงามของน้ำตกชั้นนี้ดูสวยแปลกและแตกต่างจากน้ำตกสองชั้นที่ผ่านมา
เป็นชั้นที่ผมหรือนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ สามารถที่จะเดินข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของน้ำตก เพื่อที่จะเลือกเก็บความสวยงามได้หลายมุมตามใจชอบ
ก่อนกลับ ผมตัดสินใจไม่เดินย้อนกลับตามเส้นทางเดิมเหมือนทุกครั้งที่ผมมาเที่ยวชมน้ำตก
เพราะผมไม่ได้ต้องการให้การมาเที่ยวน้ำตกในครั้งนี้ เป็นเพียงแค่มาชมความสวยงามของน้ำตกแล้วเก็บไว้เป็นความทรงจำกลับไปเท่านั้น
แต่ผมเลือกที่จะเดินอ้อมเป็นวงกลมออกมาอีกฝั่งของตัวน้ำตก
เพื่อที่จะได้เดินเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวอาข่า ชาวบ้านกลุ่มเล็กๆ ที่พร้อมจะมอบรอยยิ้ม และมิตรไมตรีให้กับนักเดินทางต่างถิ่นเสมอๆ
ในบ้านหลังใหญ่ของผืนป่าแห่งนี้
น้ำตกห้วยแก้ว เชียงราย
ถอยหลัง...แต่ไม่ถอดใจ
“ วันนี้แดดออกแล้ว...”
พี่มัยแม่บ้านประจำหอตะโกนออกมาด้วยความดีใจ ที่จะได้มีโอกาสซักผ้าผ่อนเสียที
หลังจากที่ฝนตกต่อเนื่อง ติดต่อกันมาได้หลายวัน
หนักบ้าง เบาบ้างสลับกันไปจนแทบจะไม่ได้เว้นให้หายใจกันเลย
เช้าวันนี้จึงเป็นเช้าวันแรกของหลายๆ กิจกรรมที่กำลังจะเริ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น ลุงปลิว ที่จะออกมาซ่อมหลังคาที่รั่วมานาน
พี่อินกับลูกชายก็พากันจูงวัวมากินหญ้าที่เขียวชะอุ่มท้ายบ้าน
และชาวนาอีกกลุ่มใหญ่ที่เดินเรียงแถวกันออกมาเพื่อที่จะมาตระเตรียมแปลงนาปลูกข้าวกัน
ส่วนผมเองก็วางแผนไว้เรียบร้อยแล้วละครับ
ว่าถ้าฝนหยุดเมื่อไรจะออกไปเที่ยวน้ำตกในเชียงรายเสียหน่อย
ทำกิจวัตรประจำวันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย โปรยยิ้มให้พี่มัยที่กำลังตากผ้าอยู่
ผมกระโดดขึ้นรถกระบะคู่ใจแล้วขับออกจากหอพักมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนดเอาไว้อย่างไม่รอช้า
ผมขับรถเข้ามาในตัวเมืองเชียงราย ลัดเลาะไปมาบนถนนไม่นานก็มาถึงสี่แยกเด่นห้า
เสร็จแล้วผมก็จัดการขับรถยนต์วิ่งไปตามถนนสาย ชร.2014-บ้านผาเสริฐ ที่ตัดผ่านหน้าค่ายทหารเม็งรายมหาราช
แล้วก็จะวิ่งลัดเลาะเลียบแม่น้ำกกโค้งไปมา ช่วยเพิ่มสีสันให้กับถนนเส้นนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ขับรถยนต์ชมความงามสองข้างทาง ผ่านจุดชมวิวลำน้ำกก
และหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรที่อยู่อีกฝั่งของลำน้ำมาได้ประมาณ 20 กิโลเมตร
ผมจัดแจงเลี้ยวซ้ายลงถนนดินอัดที่ด้านข้างวัดผาเสริฐวนาราม หมู่บ้านผาเสริฐ ตำบลดอยฮาง เ
พื่อเดินทางไปยังน้ำตกที่อยู่ห่างจากจุดนี้ออกไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
ถึงแม้นว่าสภาพของถนนที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้จะไม่เอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยวก็ตามที
เพราะเนื่องจากฝนเพิ่งจะเทกระหน่ำตกติดต่อมาหลายวันก่อนหน้านี้ไม่นาน
จนทำให้ไม่เหลือสภาพของความเป็นถนนดินอัดที่สามารถสัญจรไปมาได้
แต่นั่น...ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะถอดใจ จนต้องยกเลิกการเที่ยวน้ำตกครั้งนี้เสียทีเดียว
ด้วยเหตุนี้เอง ผมจำเป็นต้องถอยหลัง...ขับรถกลับมาตั้งหลักใหม่ที่หน้าวัดผาเสริฐฯ
แล้วขับรถย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิมอีกครั้งหนึ่งโดยใช้ระยะทางก็ประมาณ 7 กิโลเมตร เพื่อจะไปที่แยกน้ำตกห้วยตาดที่หมู่บ้านคำยางนุ
ถึงแม้นว่าเส้นทางที่ผมเลือกใช้เดินทางใหม่นี้ จะไกลจากเส้นเดิมกว่า 2 กิโลเมตร รวมที่ขับย้อนกลับมาอีก ก็น่าจะเป็นระยะ 10 กิโลเมตร เห็นจะได้
แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันใกล้ความเป็นจริงมากกว่า ในการที่ผมจะได้ไปเห็น น้ำตกห้วยแก้ว น้ำตกที่มีทั้งหมด 3 ชั้น
และขึ้นชื่อว่าเป็น น้ำตกขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงราย ที่มีน้ำไหลแรงตลอดปี
ด้วยความที่เป็นถนนคอนกรีตขนาดแค่พอให้รถยนต์สวนกันได้ ลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่ผู้เดินทางจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการขับขี่
จึงทำให้ผมไม่สะดวกที่จะหยุดถ่ายภาพความสวยงามของเมืองเชียงรายในมุมแปลกใหม่ได้
ทำได้เพียงแค่เก็บภาพความประทับใจและความสวยงามของธรรมชาติที่โอบกอดเมืองเชียงรายไว้ในความทรงจำแทน
ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที
ผมก็มาถึงยังร้านขายอาหารตามสั่งของหมู่บ้านชาวอาข่า และชาวจีนฮ้อ
ผมขับรถเข้าไปใกล้ๆ เพื่อสอบถามข้อมูลของน้ำตกห้วยแก้วอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อน้ำดื่มเพื่อเป็นเสบียงตามคำแนะนำของพี่โก้ ไกด์หนุ่มชาวอาข่าประจำหมู่บ้าน
จากร้านขายของ ผ่านไร่ชาอู่หลงของชาวจีนฮ้อไม่นาน
ผมก็มาถึงยังลานจอดรถของน้ำตกห้วยแก้ว ที่ทางอุทยานแห่งชาติลำน้ำกกจัดไว้ให้นักท่องเที่ยว
น้ำตกห้วยแก้วแห่งนี้เป็นน้ำตกที่อยู่ในผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของเชียงราย
จึงทำให้เส้นทางเดินป่าที่ขึ้นไปยังน้ำตกมีความร่มรื่น และชุ่มชื่นจากพันธุ์ไม้สำคัญขนาดใหญ่หลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็น ไม้ยางป่า มะค่าโมง หรือแม้นกระทั่งพันธุ์ไม้พื้นล่างที่สำคัญได้แก่ ไผ่และเฟิร์น
เดินเลียบลำธารได้ประมาณ 400 เมตร
ผมก็มาถึงยังชั้นที่หนึ่งของน้ำตก
ซึ่งมีลักษณะของสายน้ำไหลตกจากหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร ผ่านโขดหินขนาดใหญ่ก่อนที่จะลงมายังแอ่งน้ำเบื้องล่างที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะลงเล่นน้ำได้ ถ่ายรูปชื่นชมความงามไม่นาน ผมรีบเดินทางต่อไปยังชั้นที่สอง ซึ่งเมื่อออกเดินมาได้ซักพัก ผมก็รู้ได้ทันทีว่าทำไมพี่โก้ ถึงแนะนำให้ผมเตรียมน้ำดื่มขึ้นมาด้วย เพราะถึงแม้นว่าจะเป็นระยะทางเพียงแค่ 200 เมตร แต่เป็นสองร้อยเมตรของการเดินป่าที่เรียกเสียงหอบได้เหมือนกัน เพราะด้วยความชันและลื่นของทางเดินนั่นเอง จึงทำให้ผมต้องดื่มน้ำเรียกความสดชื่นไปหลายอึก
น้ำตกที่ชั้นสองนี้ ความงามของน้ำตกไม่ได้สวยงามน้อยไปกว่าชั้นแรกที่ผ่านมา
เพราะด้วยสายน้ำที่ไหลตกจากหน้าผาสูงกว่า 40 เมตร จึงทำให้ผมตื่นตาตื่นใจกับความงามของธรรมชาติ จนลืมเหนื่อยกันได้เลยทีเดียว ผมใช้เวลาพักเหนื่อยอยู่ที่ชั้นนี้นานซักหน่อย ก่อนที่จะออกเดินขึ้นไปตามทางที่ชันและลื่นอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะไปชมความงามของชั้นบนสุดของน้ำตก ที่อยู่ห่างออกไป 100 เมตร
ถึงแม้นว่าในชั้นที่สามนี้
สายน้ำจะไม่ได้ไหลตกมาจากหน้าสูงเป็นสิบๆ เมตร
แต่ด้วยความแรงของกระแสน้ำที่ไหลพุ่งออกมา แผ่กระจายกว้างเต็มน้ำผานี้เอง
จึงทำให้ความสวยงามของน้ำตกชั้นนี้ดูสวยแปลกและแตกต่างจากน้ำตกสองชั้นที่ผ่านมา
เป็นชั้นที่ผมหรือนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ สามารถที่จะเดินข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของน้ำตก เพื่อที่จะเลือกเก็บความสวยงามได้หลายมุมตามใจชอบ
ก่อนกลับ ผมตัดสินใจไม่เดินย้อนกลับตามเส้นทางเดิมเหมือนทุกครั้งที่ผมมาเที่ยวชมน้ำตก
เพราะผมไม่ได้ต้องการให้การมาเที่ยวน้ำตกในครั้งนี้ เป็นเพียงแค่มาชมความสวยงามของน้ำตกแล้วเก็บไว้เป็นความทรงจำกลับไปเท่านั้น
แต่ผมเลือกที่จะเดินอ้อมเป็นวงกลมออกมาอีกฝั่งของตัวน้ำตก
เพื่อที่จะได้เดินเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวอาข่า ชาวบ้านกลุ่มเล็กๆ ที่พร้อมจะมอบรอยยิ้ม และมิตรไมตรีให้กับนักเดินทางต่างถิ่นเสมอๆ
ในบ้านหลังใหญ่ของผืนป่าแห่งนี้