คนเก่าจะไป คนใหม่จะมา กันยายน 2558 (รู้หรือไม่ ?)

กระทู้คำถาม

     
คนกลุ่มหนึ่งที่มีลักษณะประจำตัวหลายประการ
เป็นกลุ่มคนที่มีลักษณะจำเพาะประจำกลุ่ม ที่รวมเรียกว่า สลิ่ม (บางตัวอย่าง จะได้กล่าวถึงในส่วนต่อไป ในหัวข้อที่ 19)
พากันเริงร่า แชร์บทความหนึ่ง ต่อๆ กันไป ในโลกโซเชียล

ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ
ด้วยเครดิตของการเป็นบทความ
ของผู้กำลังจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ
และหลังจากเผยแพร่บทความนั้นในเวลาต่อมาไม่นาน
ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ
ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557
แทนผู้ที่จะถึงวาระเกษียณ

การได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ
ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557

แท้จริงควรเป็นเครดิต
หรือควรเป็นความไร้ซึ่งเครดิต ?

ควรเป็นความภาคภูมิ
หรือควรเป็นความละอาย ?

ควรเป็นเกียรติ ศักดิ์ศรี
หรือควรเป็นความไร้ยางอาย ?

ควรเป็นความน่าเชื่อถือไว้วางใจ
หรือควรเป็นความน่ารังเกียจที่พึงต้องระวังระแวงยิ่ง ?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
(ต่อมาจากข้างบน พื้นที่โพสไม่พอสำหรับทั้งหมดครับ)

1
วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 กล่าวว่า
ช่วงนี้มักถูกถามว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจไทย

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
พรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เคยสามารถเอาชนะในการเลือกตั้งได้ติดต่อกันมาอย่างยาวนาน
กล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารพัดม็อบ สารพัดชื่อ
แต่บุคลากรแทบหมดทั้งพรรคเข้าร่วมหรือปรากฏตัวในม็อบในลักษณะต่างๆ
ที่ซึ่งบรรดาสารพัดม็อบ สารพัดชื่อ
ได้กระทำสารพัดก่อการร้ายแรงต่างๆ
แม้กระทั่งถึงกับเข้ายึดทำเนียบ ปิดสนามบิน

จนกระทั่งเป็น ม็อบ กปปส.
กระทำการปิดเส้นทางคมนาคมสำคัญของประเทศ
กระทำการปิดเส้นทางคมนาคมสำคัญของกรุงเทพมหานคร
ขัดขวางการทำงานของหน่วยงานของรัฐ
ทำลายกลไกต่างๆ ของหน่วยงานรัฐ
ประกาศและดำเนินการสารพัดจะให้ประเทศเป็นรัฐล้มเหลว
เรียกร้องให้ทหารกระทำการรัฐประหาร
จนเศรษฐกิจประเทศพังพินาศ
ตกต่ำเป็นที่สุดของโลก ในเวลานั้น
ส่งผลอันสาหัสมาจนถึงเวลานี้ (สิงหาคม  2558)

2
วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 กล่าวว่า
เชื่อว่าระบบเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างหลายจุด

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
ระบบเศรษฐกิจไทยน่าจะไม่ได้ “กำลังเผชิญ” กับปัญหาเชิงโครงสร้าง “หลายจุด”
แต่น่าจะเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างมา “เป็นเวลาอันยาวนานแล้ว”
เทียบได้กับตลอดอายุของพรรคประชาธิปัตย์

ยกเว้นสองช่วงสั้นๆ ที่น่าจะบรรเทาลงบ้าง ได้แก่

ช่วงที่ประเทศไทยเริ่มค้นพบทรัพยากรก๊าซธรรมชาติ

แล้วเว้นช่วงห่างไปเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีรัฐบาลทักษิณพรรคไทยรักไทยบริหารประเทศ
ที่ตัวเลขเศรษฐกิจทุกด้านค่อยๆ ฟื้นฟู เจริญงอกงามขึ้น
เหมือนต้นไม้ที่ค่อยๆ เจริญงอกงามขึ้นทุกๆ ปี ตามเวลาที่ผ่านไป



ตอกย้ำยืนยันผลงานความสามารถ
ด้วยรัฐบาลยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทยผู้สืบทอดพรรคไทยรักไทย

หลังจากวิกฤติภัยน้ำท่วมปริศนา
ครั้งร้ายแรงมโหฬารกว้างขวางที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์
ที่เต็มไปด้วยเลศนัยของการกักเก็บน้ำจนแทบล้นเขื่อน
ในช่วงรักษาการโดยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

และก่อนการป่วนประเทศโดยม็อบ กปปส.




ที่ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งรัฐบาลหลังรัฐประหาร 2549
ทำทีเอาตัวเลขที่เจริญงอกงามมาโดยตลอด ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2544
ที่รัฐบาลทักษิณพรรคไทยรักไทยเข้าบริหารประเทศ
เหมือนตันไม้ที่เจริญงอกงาม ตลอดมาทุกๆ ปี
จนเติบโตแล้วนั้น

มาแถลง
หลังจากประกาศยุบสภา
จากการที่มวลชนเสื้อแดงที่เรียกร้องให้ยุบสภา
แล้วถูกสลายการชุมนุม ตาย 99 ศพ บาดเจ็บกว่าสองพันคน
กลับมาชุมนุมเพิ่มจำนวนอย่างน่าตกใจโดยไร้แกนนำ

ที่ซึ่งประชาชนจำนวนมากน่าจะถูกการตีกินแอบอ้างทำให้หลงเข้าใจผิดไปว่า
ตัวเลขเหล่านั้น
ซึ่งเหมือนต้นไม้ที่พรรคไทยรักไทยดูแลรดน้ำบำรุงรักษาปลูกมาตลอดหลายปี
จนเติบโตแล้วนั้น
เป็นผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเข้าใจผิด จากการตีกินแอบอ้างของพรรคประชาธิปัตย์
ใช่หรือไม่ ?

แต่ระบบเศรษฐกิจไทยก็ถูกการพยายามดึงหรือลาก
กลับไปสู่ภาวะเดิม หรืออาจยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม
ในเวลาต่อๆ มา
และในที่สุด จวบ ณ ปัจจุบัน เวลานี้ (สิงหาคม 2558)

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
มีใครรู้และหาหลักฐานที่แท้จริงได้บ้างว่า
น่าจะทุกครั้งหรือแทบทุกครั้งหลังรัฐประหาร
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เข้าเป็นรัฐบาลหรือเข้าร่วมเป็นรัฐบาลทั้งอย่างเปิดเผยหรือเบื้องหลัง
นั้นไม่เป็นความจริง ?

หรือแท้จริง เป็นความจริง ?

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
พรรคประชาธิปัตย์และคณะรัฐประหารต่างๆ
ครองอำนาจมาอย่างยาวนาน
คู่กับภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ดำรงความเป็นประเทศด้อยพัฒนา
หรือที่ถูกเรียกเพื่อไม่ให้น่าเกลียดว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนา
ตลอดมา
ก่อนที่ประเทศไทยจะมีพรรคไทยรักไทย

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
พรรคประชาธิปัตย์และคณะรัฐประหารต่างๆ
น่าจะเป็นส่วนสำคัญหรือเป็นส่วนสำคัญที่สุด
หรือแท้จริงน่าจะเป็น
“จุดปัญหา”
หรืออาจจะกระทั่งถึงกับเป็น
“รากเหง้าของปัญหา”

สำหรับปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจไทย
ตลอดมา

ใช่หรือไม่ ?

3
วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 กล่าวว่า
นโยบายภาครัฐในอดีต
สร้างรายได้เทียมให้แก่ประชาชน

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
พรรคประชาธิปัตย์ใช้วิธีการแจกเงินอยู่เสมอๆ

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ประดิษฐ์วาทกรรมคำว่า “ประชานิยม” มอมเมาประชาชน
เพื่อใช้โจมตีนโยบายที่พยายามดำเนินการตามที่ประกาศไว้ของพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด

สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำเสียเอง กลับเป็น ประชานิยม มอมเมาประชาชนอย่างยิ่ง
เป็นประชานิยมแบบทำให้คนอ่อนแอง่อยเปลี้ย
และสร้างสิ่งเลวร้ายต่างๆ เป็นกลไกกับดักและแอกที่จะพันธนาการ
ไว้เป็นทาสใช้งานและเหยื่อสูบกินของคนบางกลุ่มบางพวก
จริงหรือไม่ ?

(บางตัวอย่าง จะได้กล่าวถึงในส่วนต่อไป ในหัวข้อที่ 7)

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
พรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอดใช้วิธีการทำให้คนยืนหยัดด้วยตนเองได้
และช่วยเหลือให้คนหลุดพ้นจากกับดักและแอกที่พันธนาการออกไป

สิ่งที่พรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอดทำ
กลับเป็นประชานิยมแบบสร้างความแข็งแกร่ง
และบรรเทาช่วยเหลือแก้ไขสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่ถูกวางกลไกกับดักและแอกที่พันธนาการออกไป

(บางตัวอย่าง จะได้กล่าวถึงในส่วนต่อไป ในหัวข้อที่ 7)

ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างสิ้นเชิง อย่างเป็นตรงกันข้าม

ใช่หรือไม่ ?

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
เมื่อกล่าวถึงประชานิยม
แท้จริงต้องระบุให้ชัดเจนว่า

เป็นประชานิยมแบบพรรคประชาธิปัตย์
ที่ทำให้อ่อนแอง่อยเปลี้ย
และสร้างกลไกกับดักหรือแอกพันธนาการ
ไว้เป็นทาสใช้งานและเหยื่อสูบกินของคนบางกลุ่มบางพวก

หรือ
เป็นประชานิยมแบบพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
ที่สร้างความแข็งแกร่ง
และบรรเทาช่วยเหลือแก้ไขกลไกกับดักหรือแอกที่พันธนาการออกไป

จริงหรือไม่ ?

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
คำกล่าวว่า
พรรคประชาธิปัตย์
มักใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ในการกระทำความชั่วร้าย และในการกระทำสิ่งชั่วร้าย
ที่ พรรคประชาธิปัตย์เอง เป็นผู้สร้าง เป็นผู้กระทำ
ไม่ใช่ผู้อื่นที่ถูกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา
นั้นเป็นความจริงหรือไม่ ?

ใช่หรือไม่ ?
จริงหรือไม่ ?
ถูกต้องหรือไม่ ?

4
วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 กล่าวว่า
นโยบายภาครัฐในอดีต
ส่งเสริมให้คนนำเงินในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
ระบบเศรษฐกิจไทยเคยเข้าสู่วิกฤติสาหัส 2540
จากการส่งเสริมให้คนนำเงินในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า
ด้วยนโยบาย BIBF ของพรรคประชาธิปัตย์

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
ด้วยการบริหารประเทศของพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
สังคมประเทศไทยก็เจริญงอกงามในด้านต่างๆ หลายอย่าง

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ”

อีกทั้ง

ประสิทธิภาพและบริการของหน่วยงานรัฐ
(One Stop Service และอื่นๆ)

สวัสดิการสุขภาพประชาชน
(นโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค)

โอกาสในประกอบอาชีพและการศึกษาที่ไปถึงกระทั่งผู้ยากไร้
(กองทุนหมู่บ้าน กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา และทุนการศึกษาจากการจำหน่ายหวยบนดิน)

การปราบปรามยาเสพติดและอิทธิพลตลอดจนธุรกิจใต้ดิน
(ครอบครัวของนักการเมืองแทบทุกระดับของพรรคประชาธิปัตย์ถูกจับกุมค้ายาเสพติด)
(การส่งส่วยและต้องจ่ายค่าเสื้อวินมอเตอร์ไซค์อย่างสูงลิ่ว ที่ไม่เหลือซากเดนอิทธิพลเช่นนั้นอีกต่อไป เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง)
(หวยใต้ดินต้นแหล่งหนึ่งของอาชญากรรมและธุรกิจมืดที่แทบสูญพันธุ์ไป)

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
(การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าจนพร้อม เหลือเพียงเซ็นชื่อลงนามสัญญาดำเนินการ ก่อนถูกกระทำรัฐประหาร
แล้วรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จัดตั้งคณะรัฐประหารเข้ามาเซ็นชื่อแทน
แล้วพบเงินสดจำนวนมหาศาลในบ้านปลัดกระทรวงคมนาคมของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จากเหตุโจรปล้น
ที่ไม่มีใครรู้ว่าเงินสดมหาศาลนั้นเกี่ยวพันใดกับสินบนใด หรือไม่ ?)
(ความก้าวหน้าของระบบสื่อสารแผ่ขยายเติบโตอย่างกว้างขวาง
ที่วัยจ๊าบโทรมือถือ ไม่เคยรู้รสชาติการขอใช้โทรศัพท์บ้านสักเครื่องก่อนหน้านี้ ว่าขมขื่นสาหัสปานใด
ที่ซึ่งต่อมาหลังการรัฐประหาร ระบบสื่อสารไทยที่ก้าวหน้าก็เปลี่ยนเป็นคลานสลับนอนสลึมสลือไม่ได้สติ
มีประเทศลาววิ่งแซงหน้าผ่านไปจนไทยมองไม่เห็นฝุ่นตราบจนกระทั่งทุกวันนี้ สิงหาคม 2558)

การลดลงของการทุจริตคอรัปชั่นอย่างมีนัยสำคัญ ยืนยันด้วยการตรวจสอบขององค์กรแห่งสหประชาชาติ
การยึดมั่นต่อคำมั่นสัญญาในนโยบายที่หาเสียงเลือกตั้ง
เกียรติศักดิ์ของประเทศและผู้นำของประเทศในสังคมโลกและเวทีโลกต่างๆ
ฯลฯ

เป็นที่ยอมรับของสากลโลกทั่วไป

ท่ามกลางการพยายามกลั่นแกล้ง  ปัดแข้งปัดขา สกัด ขัดขวาง ใส่ร้ายป้ายสี โจมตี ทำลาย อย่างหนัก














5
วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 กล่าวว่า
นโยบายภาครัฐในอดีต
สร้างวัฒนธรรมรอรัฐอุปถัมภ์

วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าแบงค์ชาติ ของยุคสมัยคณะรัฐประหาร 2557 รู้หรือไม่ว่า
ตลอดมาอันยาวนานจากอดีต
เทียบได้กับตลอดอายุพรรคประชาธิปัตย์
ก่อนที่ประเทศไทยจะมีพรรคไทยรักไทย

ประชาชนมักยากจนข้นแค้น
หรือที่แท้จริงอาจเป็น
ประชาชนมักถูกทำให้ยากจนข้นแค้น
ไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้อย่างมั่นคง
แต่เผชิญความทุกข์ยาก ขัดสนทั้งอย่างเป็นระยะๆ และทั้งอย่างเป็นถาวรแทบจะอมตะนิรันดร์
ให้ต้องมีสภาพที่ต้องรอรับแจกทาน สิ่งของช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ยาก
ด้วยความสมเพชเวทนาที่เจือจานเจียดให้บ้างเป็นครั้งคราว
ไม่ต่างจากขอทาน

และสภาวะเช่นนั้น
มันค่อยๆ กลับมาอีก หรือกลับมาอีกแทบอย่างฉับพลัน
พร้อมกับการกลับมาอีก
ของพรรคประชาธิปัตย์และคณะรัฐประหารครั้งต่างๆ

และ

รวมถึง
วิรไท สันติประภพ

ใช่หรือไม่ ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่