10 เรื่องน่ารู้ วัฒนธรรมของคนอังกฤษ … อยากมาเรียนที่นี่ ต้องรู้ไว้!! (ตอนที่ 2)

ห่างหายกันไปนานนนนนนน แสนนาน หลังจากกระทู้แรกเฟี้ยวฟ้าวมากกกก ฝึกออกเสียงกันสนุกสนานกันไป 555 ตอนเขียนกระทู้นั้น เรากำลังพักฟื้นหลังจากผ่าตัด ตอนนี้กลับอังกฤษมาเรียบร้อยแล้ว เสียเวลาไปกับการปรับตัว ปรับใจกันนิดนึง (เสียน้ำตาคิดถึงบ้านไปสามปี๊บ T^T) พาพันเศร้าตอนนี้อยู่ตัวละ เลยตั้งใจกลับมาต่อกระทู้อีก 5 ข้อที่เหลือกกันดีกว่า …

ก่อนจะเริ่มกัน ก็ต้องออกตัวนิ้ดนึงนะคะ ว่าเรื่องที่เล่านี่คือ บนพื้นฐานของตัวเราที่เจอมานะคะ ไม่ได้เหมารวมเน้อออออ ใครเจอมาไม่เหมือนกัน ก็ไม่ต้องเคืองน้าาา บอกกล่าวกันดีๆนะจ๊ะ … เรื่องปกติน้าา คนต่างพื้นที่ต่างกลุ่ม ก็อาจจะต่างๆ กันไปได้ค่าาา ยิ้ม

ขอเกริ่นแบ็คกราวน์นิดนึงนะคะ เรามาเรียนอยู่อังกฤษ ตอนนี้เข้าปีที 3 แล้ว ก็ได้มีโอกาสเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนฝรั่ง (บ้านหลังนึงอยู่กัน 7 คน  มีเราเป็นคนไทยคนเดียว นอนนั้นคนอังกฤษทั้งหมด เป็นนักศึกษาทั้งบ้าน) นอกจากเรียน และ สอนแล็ปที่มหาวิทยาลัย เราก็ยังทำงานพิเศษ (ตามประสาคนมีอันจะกินน้อยไปหน่อย 555) ที่ร้านอาหารของฝรั่ง ก็แน่นอนทำงานกับฝรั่งหมด แต่ไม่ใช่คนอังกฤษล้วน มียุโรปบ้าง ปนๆ กัน …. ประสบการณ์ทั้งหมดก็มาจากการที่เราอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน และการได้มีโอกาสเป็นแขกรับเชิญไปบ้านเพื่อนๆ บ้างนะคะ …

มาเริ่มกันดีกว่าค่ะ …

6) นำ้ยาล้างจานประเทศนี้เค้ากินได้นะเออ …เออ เอากะเค้าสิ oO"



การล้างจานที่นี่ไม่ธรรมดานะคะ ... คือถ้าเป็นครอบครัวปกติ บ้านครอบครัวส่วนใหญ่เค้าก็จะใช้เครื่องล้างจานกัน อันนี้ไม่แปลกค่ะ ก็ทำเหมือนบ้านเราเลย ล้างๆ เศษอาหาร คราบมันๆ ออก ก็จะเอาแปรงๆ หรือ สก๊อตไบร์เป็นด้ามๆ ล้างๆ จากนั้นก็โยนตู้ม เข้าเครื่องล้างกันไป … เรียบร้อยโรงเรียนฝรั่ง

แต่ที่แปลก คือ การล้างด้วยมือค่ะ … ด้วยความที่บ้านเราเป็นบ้านนักศึกษา ก็ล้างเองกันไปตามระเบียบ บ้านเราจะมีการแบ่งหน้าที่กัน มีสองคนล้างจาน เราก็เก็บครัวไป … เราก็ยืนดู เค้าก็จะ ปิดจุกซิ้งค์น้ำ เปิดน้ำร้อน (ล้างจานที่นี่ใช้น้ำร้อนนะคะ เลยต้องมีถุงมือยางทุกครั้งด้วยค่ะ ม่ายงั้น มือไม้ไปหมดอ่ะค่ะ 555) เปิดน้ำร้อนเต็มซิ้งค์ แล้วก็บีบน้ำยาล้างจานลงไป ตีฟองๆๆๆ ก็ดูปกติดีทุกอย่าง (เหมือนที่บ้านเราเอานำ้ใส่กะละมัง แล้วตีฟองเลยค่ะ 555) …

ไอ้ที่แปลกคือ หลังจากนั้นค่าาาา เค้าเอาจานมาจุ่มน้ำในซิงค์ เอาสก็อตไบร์ขัด …. แล้วววว คว่ำบนตะแกรงเลยค่าาา เสร็จ ++’ ไอ่เราก็ยืน งง ฟองยังฟอดๆ อยู่เลย เสร็จละเหรอ ??? เราละถามเพือน ยูทำไมไม่ล้างฟองล่ะ แล้วมันจะสะอาดเหรออออ เค้าก็ตอบว่า นี่ยูไม่รู้เหรอ ฟองมันกินได้+++++ ไม่อันตราย ถ้ามันอันตราย เค้าไม่ทำมาล้างจานหรอกกกก  …. เออ เอากะมันซิ ด้วยประการฉะนี้แหละค่ะ เด็กฝรั่ง ไม่รู้ด้วยขี้เกียจหรือ อะไร ไม่ล้างฟองจร้าา เพี้ยนเพลีย

นอกจากที่บ้านเราแล้ว เราก็ยังได้สังเกตุที่ร้านอาหารที่เราทำงานด้วยนะคะ วันไหนที่เครื่องล้างแก้วเสีย ฝรั่งคนที่เอาแก้วไปล้างกะมือ จะกลับมาพร้อมกับแก้วที่ยังคงมีฟองอยู่ … แต่ไม่มากนะคะ เราก็เลยคิดว่า คนที่นี่เค้าคงมีคงความเชื่อมั่นกันมาก (เห็นหลายเรื่องละ) ว่าระบบคุ้มครองผู้บริโภคของเค้าดีมากกก ของที่ตั้งขายได้ทุกอย่าง ต้องได้มาตรฐาน และปลอดภัย เลยไม่ต้องกังวลอะไร น้ำยาล้างจานก็กินได้ด้วยประการฉะนี้เอย  อมยิ้ม16

7) ดิน ฟ้า อากาศ บอกเลย ไม่พูดไม่ได้ …



เรื่องอากาศที่นี่ โหยยยย คนอังกฤษเอาง่ายๆนะ หัวข้อสนทนาแรกๆ สำหรับคนที่เพิ่งเจอกัน หรือ หัวข้อสนทนาเดิมๆของคนที่รู้จักๆกันดีแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง  “อากาศ” ค่ะ .... ใครไม่บ่นเรื่อง ดิน ฟ้า อากาศ ถือว่าไม่ถึงอังกฤษค่ะ 555 ..... โอ้ยยย แรกๆ เรามานี่ อยากจะบ้า แต่งตัวยากมากกกกกกก คือ เราบินมาถึงช่วงปลายเดือนมิถุนายน ก็ช่วงหน้าร้อนบ้านเค้า  อากาศก็ไม่แย่ค่ะ สบายๆ ใส่เสื้อกล้ามอวดหุ่นได้ สบ๊ายยย ตามประสาคนผอม (มาใหม่ๆ เพรียวเชียววว อย่าดูตอนนี้นะคะ ตาชั่งจะแตกเอา YY ตอน- ละไม่รู้จัดคิด อมยิ้ม24)

เรามาอยู่ได้ประมาณ อาทิตย์นึง วันหยุดเค้ามีงาน Harbourside festival คือเมืองที่เราอยู่ (Bristol) หน้าร้อนนี่จัดงานแทบจะทุกอาทิตย์เลยค่ะ เทศกาลริมน้ำ เทศการอาหาร เทศกาลบอลลูน …. สารพัดจะเทศกาลค่ะ จุดนี้บอกเลย ไม่เคยคิดจะย้ายเมืองก็เพราะแบบนี้แหละค่ะ สีสันเมืองนี้สุดยอดจริงๆ ค่ะ (เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังนะคะ เมืองนี้ ไม่เล็กมาก ไม่ใหญ่เกิน กำลังดีทุกอย่างเลยในความคิดเรา กิจกรรมแน่นขนัด ไม่มีเหงาเลยค่ะ)

เพี้ยนเงือก

วันนั้นเป็นวันหยุด เราจำได้เลย คว้า ยีนส์ขาสั้น เสื้อยืดเอวลอยนิดๆ แบบ สวยอ่ะ กิ๊บเก๋มากกก อากาศร้อนกำลังดี ออกไปข้างนอกประมาณเที่ยง เดินเที่ยวดูงานกินนู้นนี่ ประมาณบ่ายสอง โหยยยย ทั้งฝน ทั้งลมค่าาา แบบวิ่งไม่ทันเลยค่ะ จากนั้นอากาศก็หนาวลงมากๆ ยังกะหน้าหนาวเลย ซักพักลูกเห็บตกเลย (ปกติลูกเห็บจะตกตอนอากาศหนาวๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นหิมะอ่ะค่ะ แบบว่าถ้ามันหนาวได้ที่ หิมะจะตก ถ้าอุณภูมิได้ที่ หิมะจะตกจน set ตัวได้ ก็จะเป็นแบบขาวโพลนที่เราเห็นในทีวีอ่ะค่ะ แต่ถ้า หนาวได้แต่อุณภูมิความชื้นยังไม่ได้ บางทีหิมะมานิดเดียว ก็เปลี่ยนเป็นฝน หรือ ลูกเห็บตกซักพักก็กลายเป็นฝนแทน ประมาณนี้อ่ะค่ะ)… เราที่ไปใหม่ๆ นี่ตกใจเลยค่ะ ยื่นสั่น งกๆ ทำไรไม่ได้….

พาพันติดฝน

เราถึงได้เรียนรู้ว่า ที่เค้าว่าอากาศอังกฤษ แปรปรวน นี่ ถูกต้อง 100% ค่ะ … วันนึง เป็นไปได้ 4 ฤดูเลยก็มี แดดร้อนเปรี้ยง ฝนตก หิมะตก เป็นไปได้ในวันเดียวค่าาาา …. ฉะนั้นอย่าได้นิ่งนอนใจค่ะ ก่อนออกไปไหน เช็คอากาศด้วยจร้าาา แต่เอาจริงๆ พยากรณ์อากาศ บางทีก็ไม่ได้ตรงนะคะ เอาเป็นว่า เตรียมพร้อมรับทุกสถานกาณ์ดีที่สุดค่ะ  … รู้เค้ารู้เรา ฝนตกร้อยครั้ง ก็สบาย เพี้ยนลุย

(เราจำได้ว่าพยากรณ์อากาศเคยบอกว่าเมืองเราพายุหนักจะเข้า โหยยย รีบกลับบ้านกลับช่อง งานการไม่เป็นอันทำคืนนั้น …สรุป ฝนตกจิ๊ดนึงเอง ตื่นมาอากาศดี๊ดี วันนั้นทั้งวันมีคนแต่งภาพแซวพยากรณ์อากาศอังกฤษกันเฟสแทบพังค่ะ  555)

แล้วจะเตรียมตัวยังไงดีล่ะ อันนี้ว่ากันยาวเลย ใส่เสื้อกันฝนดีมั้ย หรือถือร่มดีหว่า ฯลฯ  การเตรียมตัวในแต่ละฤดู … เราขอยกยอดไปกระทู้หน้า เรื่องการเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ในแต่ละฤดู ดีกว่านะคะ จะได้ว่ากันเน้นๆ เลย เรื่องการแต่งตัวนี้ เข้าทางเราเลยค่ะ 555 เพี้ยนโบ๊ะหน้า

8) Pub crawl การออกเที่ยวของนักศึกษาแบบมันส์หยดติ๋งๆ



Pub crawl เป็นประเภทหนึ่งของการเที่ยวกลางคืน (เรียกกันว่า night out – ไนท์เอาท์ หรือ clubbing )  ประมาณอาทิตย์แรกของการเปิดภาคเรียน เราก็ได้รับเมลล์ ชวนเข้าร่วม Pub crawl เลยค่ะ งง อะไรฟ่ะ จะไปคลานๆ อะไรกัน 555 …

(เราไม่แน่ใจว่าสาขาอื่นมีกันมั้ย แต่เรามาเรียนวิศวะ มีไนท์เอาท์แบบนี้บ่อยมากกกกกกก บางทีก็จัดกันในคณะเลย เชิญมางานเลี้ยงในคณะ …ดื่มฟรี ไม่อั้น … โหยยย ไม่เคยเห็น มหาลัยเลี้ยงเหล้านักศึกษามาก่อน เบียร์ ไวน์ ไซเดอร์ (เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ที่มาจากการหมักผลไม้ มีหลายรสมาก ดังมากทางฝั่งของ West England) … เรื่องเครื่องดื่มของอังกฤษ นี่ก็มันค่ะ มีเป็นร้อยยย เนื่องจากเราได้ออกเที่ยวบ้าง และ ทำงานในร้านที่มีบาร์เครื่องดื่ม เดี่ยวจะมาเล่าถึงแต่ละประเภทให้ฟังกันวันหลังนะคะ อมยิ้ม22



ตัวอย่างไซเดอร์ค่ะ มาหลายรสมากๆ สุดที่รักของเราคือรส สตอเบอรี่ค่ะ  ... ไม้เบื้อไม้เมา เกลียดหน้ามันคือ เจ้าตัวแอปเปิ้ลค่ะ ไม่ไหวๆ ค่ะ รับไม่ได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครชอบดื่มไวน์น่าจะชอบค่ะ ^^

ว่ากันต่อค่ะ …. Pub crawl คือการเดินไล่ดื่มเบียร์ไปหลายๆ ไนท์คลับ / บาร์ / ผับ ค่ะ

ไนท์คลับ = บ้านเราก็เหมือนพวกผับแบบเข้าไปดื่มๆ เต้นๆ กันอ่ะค่ะ

บาร์ = ร้านที่เล็กกว่าไนท์คลับ เข้าไปนั่งดื่มๆกัน มีเพลงฟัง แต่ไม่ค่อยเต้นๆ  

ผับ = ผับที่อังกฤษจะหมายถึงพวกร้านดื่มที่ค่อนข้าง Traditional หน่อยค่ะ


คือ ถ้าคุณได้รับเชิญไป Pub crawl เค้าจะบอกคุณว่า ให้ซื้อตั๋ว หรือ ไม่ (บางทีตั๋วก็จะเป็นการให้เราซื้อเสื้อของคณะ แล้วเราอาจจะใส่ไปร่วมงานได้ แบบธีมเดียวกันอ่ะค่ะ) … แต่ที่เค้าต้องบอกเราเลยก็คือ งานจะเริ่มที่บาร์ไหน (ปกติจะเริ่มที่บาร์ เปลี่ยนบาร์ไปเรื่อยๆ แล้ว ไปจบที่ไนท์คลับค่ะ) กี่โมง ต่อไปย้ายไปที่บาร์ไหน ประมาณกี่โมง เค้าจะให้แผนมาค่ะ เราก็ไปตามนั้น ส่วนใหญ่ก็จะอยู่บนถนนสายเดียวกัน … ไปแต่ละบาร์ก็จะดื่มกันคนละแก้ว สองแก้ว

เจ้าคิกคัก (อังกฤษแก้วปกติ เค้าเรียวว่า pint นะคะ เวลาสั่งจะไม่สั่งเป็นแก้วนะคะ สั่งเป็น 1 pint, 1/2 pint หรือ pitcher= เหยือกค่ะ)


ก็ดื่มกันไป พอเค้าย้าย ก็ย้ายตามๆกัน ใครเมาก่อน ก็แตกแถว นอนเคารพเสาอยู่แถวบาร์นั้นๆ ค่ะ 555 …. สุดท้ายจะไปจบที่ ไนท์คลับ ประมาณ หลังเที่ยงคืนไปแล้ว จากนั้น ฟรีสไตล์ค่ะ เมาๆ กันแล้ว คุมไม่ได้แล้วก็ตัวใครตัวมัน เต้นๆ กัน จนไนท์คลับปิด ก็ตีสี่ค่ะ … ก็สบายใจกันไป เลิกไนท์คลับ ไปกิน เบอร์เกอร์ ไก่ทอด เฟรนซ์ฟราย (อังกฤษเรียก Chips ค่ะ) ตีสี่ร้านพวกนี้แน่นมากกก แถวยาวเลยค่ะ เอาไว้บริการขาเที่ยวต่างๆ จากนั้นหลับเป็นตายค่ะ …  เป็นไงคะ Pub crawl น่าสนุกมั้ย อมยิ้ม22

9) คนอังกฤษภูมิใจเรื่องชามาก ว่ากันว่าเค้าเป็นประเทศที่ดื่มชามากเป็นอันดับสองของโลก (รองจากจีน)



อันนี้ทุกคนคงเคยได้ยินกันมากันบ้างแล้ว ต้องได้ยินแน่ๆ ว่า ผู้ดีอังกฤษ หรือ การดื่มชาแบบผู้ดีอังกฤษ ยิ้ม รูปด้านบนเลยค่ะตัวอย่างการดื่มชาแบบผู้ดีอังกฤษ … ก่อนเรามา เราก็คิดว่า โอเค คงเป็นผู้ดี ป้าๆ ลุงๆ ที่นั่งดื่มชา ชิวๆ หน้าร้านวันทีอากาศดีๆ แบบมโนมาเต็มนี่อ่ะค่ะ ดูหนังมาเยอะ 555

จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่ผู้ดีๆ ลุงๆ ป้าๆ นะคะ ที่ดื่มชา ดื่มกันทุกเพศทุกวัยค่ะ เด็กวัยรุ่นที่บ้านเรานี่ดื่มกันทุกคนค่ะ แบบเด็กผู้ชายแทบทุกคนในบ้าน มีแก้วใบใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ ตามนั้นค่ะ ชาสไตล์วัยรุ่น ก็ไซส์สะใจ ดื่มกันทั้งวันเหมือนกันค่ะ



มันคือ แก้ว Sport direct ที่ใหญ่มาก เค้ามีกันทุกคนเลย เราเคยถามเค้าบอกว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของเด็กมหาลัย 555 เราก็ไม่รู้นะคะ ว่าเด็กมหาลัยอื่นเป็นมั้ย แต่ประเด็นคือ เค้าดื่มชากันแทบทั้งวันเลยถ้าอยู่บ้าน วิ่งขึ้นวิ่งลงชงชากัน ชาที่เป็นที่นิยมก็คือ Breakfast tea ชื่อชาเหมือนกับต้องดื่มกับอาหารเช้า แต่เค้าก็ดื่มกันทั้งวันนะคะ

Breakfast tea เป็นชาที่ใส่นม กับน้ำตาลทรายขาว ถ้าเราไปสั่งที่ร้าน เค้าก็จะเสริฟพร้อมนมกับน้ำตาลค่ะ คือชาที่นี่จะมีหลายแบบ เช่น ถ้าสั่งชาเขียว ก็จะเสริฟแค่ชากับน้ำตาล ประมาณนี้ค่ะ ที่นี่ชาฟีเว่อร์จริงจังค่ะ แม้แต่เรายังติดเลย ดื่มชาจนเป็นนิสัยแล้ว ยิ่งหน้าหนาว ตลอดเลยค่ะ



Breakfast tea ปกติจะเสริฟพร้อมนม (น้ำตาลจะมีบนโต๊ะอยู่แล้วนะคะ)  ส่วนเจ้าก้อนๆ เรียกว่า Scone ค่ะ เป็นขนมอังกฤษแท้ๆ ที่นิยมทานคู่กับชาค่ะ ... เค้าจะเสริฟพร้อมกับ Clotted cream กับ แยมสตอเบอรี่ค่ะ เวลาทาน ก็ผ่าครึ่งเจ้า  Scone  แล้วทาๆ เจ้า  clotted  cream กับ แยม แล้วประกบกลับเข้าไป พร้อมลุยได้ค่ะ ...

เรื่องชา ก็เหมือนเป็นวัฒนธรรมของเค้าไปแล้ว เช่น ถ้าเราไปบ้านไหน พอเราไปถึง ส่วนใหญ่เค้าจะถามเราว่า Do you want some tea? หรือ ถ้าเรากำลังเดินทางไป แล้วเราโทรไปบอกเค้าว่า กำลังจะถึงนะ เค้าก็จะบอกว่า I will put the kettle on (ประมาณว่าชั้นจะต้มน้ำร้อนไว้น่ะค่ะ) คือถ้าเรามาถึงแล้วเค้าก็จะเสริฟชาอ่ะค่ะ ว่าถ้าใครจะมาบ้านเรา แล้วเค้าโทรมาแบบว่าจะถึงแล้ว แม่ก็จะบอกลูกเลยค่ะว่าให้ไป put the kettle on
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่