ผณิน” จะรักนายให้หายแค้น ตอนที่ 4
ไฟที่ยังไม่ได้ปิดจากในห้อง เผยให้เห็นใบหน้าขาวเนียน คิ้วดกหนา ดวงตาที่ปิดสนิท จมูกเป็นสันได้รูป รับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ผณินยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่เขาต้องสดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงประตูที่เปิดออก
“เอ้าตื่นเลย โทษทีว่ะเพื่อน” คิมหันต์พูดในขณะที่เขากำลังปิดประตู
“อื้ม..” เสียงคำตอบจากผณินดังขึ้นพร้อมกับเสียงถอนหายใจยาวๆ
“เป็นอะไรมากไหม” คิมหันต์ถาม
ผณินเหลือบมองหน้าเจ้าของคำถาม “ไม่เป็นอะไรแล้ว กูคงเหนื่อยตอนเดินทางแหละ....แล้วนี่กิจกรรมจบแล้วหรอ”
“เออ ... เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนนะ” คิมหันต์หยิบผ้าขนหนูผืนน้อยแล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปอาบน้ำ
ค่ำคืนอันวุ่นวายของผณินได้ผ่านพ้นไป >>> แสงทองแรกของวันค่อยๆ ทอแสงจ้าขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางป่าไม้และทิวเขาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เสียงหมู่นกน้อยนานาพันธุ์ และสัตว์ป่าต่างส่งเสียงร้องกันระงมไพร สายลมยามเช้าหอบเอาสายหมอกบางๆ เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ ลมพัดต้องยอดไม้ไหวเอนอย่างแผ่วเบา พัดต้องกลีบดอกไม้หลายหลากสีที่ปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบบริเวณที่พัก เป็นทัศนียภาพที่สดชื่นสวยงามยิ่ง สายลมยังพัดเอื่อยเข้าทางหน้าต่างที่เปิดไว้ ผ้าม่านสีขาวบางๆ สบัดพริ้วตามแรงลม ประกอบกับแสดงแดดอ่อนเผยให้เห็นชายหนุ่มสองคนกำลังแต่งตัวอยู่
“เฮ้ยไอ้ณิน มีน้ำหอมมารึเปล่าวะ กูลืมว่ะ” เสียงจากตี๋น้อยคิมหันต์
ผณินหันไปมองเจ้าของคำถาม “ก็รู้กูไม่ชอบใช้น้ำหอม ยังจะถามกูอีก”
คิมหันต์ยังคงจัดทรงผมอยู่หน้ากระจก “เออๆ ไม่มีก็ไม่มี ก็แค่ถามดูเผื่อจะมี” “โห เหลืออีกตั้งวันนึง กูอยากกลับบ้านแล้วว่ะ
เมื่อวานก็วุ่นๆทั้งวัน แม่งกว่าจะได้นอนก็ดึกแล้วยังต้องตื่นเช้าอีก”
“บ่นอะไรของคุณครับ ไอ้คุณชายคิม ลำบากนิดหน่อยทำเป็นบ่น” ผณินตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
คิมหันต์หันกลับไปมองหน้าเจ้าของคำพูด พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครจะไปสบายอย่าง มาถึงก็แกล้งป่วย ได้นอนพักเยอะกว่ากูอีก”
ผณินไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่มองหน้าคิมหันค์และหัวเราะเบาๆในลำคอ
ก็อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
คิมหันต์ มองหน้าผณินในขณะที่เขากำลังจัดแต่งทรงผมอยู่ “ไปเปิดสิ รอพ่องมาตัดริบบิ้นหรอ”
“เชี่ย..!!” ผณินมองไปทางคิมหันต์
“เป็นไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง” ทันทีที่เปิดประตูออกมังกร ก็ถามผณิน
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ผณินตอบ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เห็นเมื่อวานท่าทางไม่ดีเลย นี่แต่งตัวกันเสร็จรึยัง คนอื่นๆ ทยอยไปที่รถกันแล้วนะ” ประธานนักศึกษาท่าทางอบอุ่น ยืนมองหน้าหนุ่มน้อยด้วยอาการเป็นห่วง
-----------------------------------------------
รถทัวร์สองคัน วิ่งตามกันไปบนท้องถนนที่ทอดตรงออกไป ไม่นานนักก็ถึงจุดหมายปลายทางของวันนี้ เป็นโรงเรียนเล็กๆในหมู่บ้าน สภาพค่อนข้างทุรกันดาร มีเพียงอาคารไม้เก่าๆชั้นเดียว ทุกคนไปรวมตัวกันที่สนามเล็กๆ หน้าโรงเรียน “กิจกรรมวันนี้เป็นการบำเพ็ญประโยชน์ เราจะมาช่วยกันทำความสะอาด และปรับภูมิทัศน์ให้โรงเรียนนี้สวยงาม พี่จะจัดกลุ่มให้แต่ละกลุ่มทำงานตามที่มอบหมายให้..” รุ่นพี่อธิบายกิจกรรมทั้งหมดและทุกคนต่างแยกย้ายไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย สภาพโดยรอบโรงเรียนเป็นป่ามีต้นไมใหญ่ขึ้นอยู่โดยรอบทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น เย็นสบาย นักศึกษาต่างทำงานกันอย่างสนุกสนานบ้างหยอกล้อพูดคุยทำความรู้จักกัน ผณินยังคงเพลิดเพลินกับบรรยากาศการรับน้องครั้งนี้ เพราะสิ่งที่เขารับรู้มาว่าการรับน้องมีแต่เรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น แต่กับกิจกรรมนี้เป็นการทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน รู้จักกัน ช่วยเหลือมีน้ำใจต่อกัน โดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนที่เป็นข่าว ทั้งยังได้ประโยชน์ต่อสังคมด้วย
มังกร ประธานนักศึกษาเดินถือถุงพราสติกที่ภายในบรรจุขวดน้ำดื่ม และเดินแจกน้ำดื่มกับน้องๆนักศึกษาที่ทำงานมาตลอดทาง “เหนื่อยไหม อ่ะกินน้ำก่อนนะ” เสียงพูด ก่อนที่เขาจะหยุดยืน ละยื่นน้ำดื่มให้กับหนุ่มน้อยตรงหน้า
ผณินหันกลับไปมองต้นเสียง พร้อมยื่นมือไปรับน้ำดื่มจากมือของมังกร “ขอบคุณครับ” พร้อมกับรอยยิ้มน่ารักๆ ของผณิน ก่อนที่มือของเขาจะถึงขวดน้ำ
“เดี๋ยวก่อน ... มือเลอะไปหมดแล้ว มาๆเดี๋ยวพี่ถือให้” มังกรพูดพร้อมๆกับยื่นขวดน้ำเข้าใกล้ผณิน เขาโน้มตวลงเล็กน้อยเพื่อดื่มน้ำจากขวดน้ำในมือของมังกร
“เหนื่อยก็พักก่อนได้นะขยันจัง เหงื่อท่วมเต็มตัวไปหมดแล้ว” มังกรพูด
“ไม่หรอกครับ ก็ค่อยๆ ทำไปเรื่อย” ผณินตอบ
มังกรย่อตัวลงนั่งบนก้อนหินก้อนใหญ่ ไม่ไกลจากที่ผณินกำลังทำงานมากนัก สายตาเขามองผณินอย่างเอ็นดูพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ มุมปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ผณิน ชื่อแปลกจังเลยนะ แปลว่าอะไรหรอ”
ผณินหันมามองผู้ถาม ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ “ชื่อณินแปลกมากหรอ มีแต่คนถามแบบนี้ แปลว่า “งู” ครับ”
“โหย...ความหมายน่ากลัวนะ” มังกรพูด
“มังกรก็งูไม่ใช่หรอครับ” ผณินตอบกลับ
มังกรหัวเราะ “นั่นสินะ มังกรก็งูเหมือนกัน แต่พี่เนี่ย “งูใหญ่” นะ ฮ่าๆๆ”
“โฆษณาน่าดูเลยนะครับ” ผณินตอบกลับพร้อมรอยยิ้มแกมหัวเราะ
“เออ ว่าแต่มานี่ได้เพื่อนรึยัง เป็นไงบ้าง?” และอีกหลายบทสนทนาระหว่างชายหนุ่มทั้งสองก็เริ่มขึ้น
ภายใต้เงาไม้ต้นใหญ่เบื้องหลังของชายหนุ่มที่กำลังคุยหยอกล้อกันสนุกสนาน ที่ไม่ไกลนักยังมีสายตาคู่หนึ่งที่จดจ้องทั้งสองอยู่ แววตาที่เคลียดแค้นแฝงไปด้วยความเหงา ความผิดหวังประหนึ่งว่าจะสูญเสียสิ่งสำคัญของชีวิตไป
“ผณินนาค....” “ข้ารอเจ้า มานานนักหนา เจ้ามาแล้ว มาแล้วสินะ อีกไม่นานเราคงได้พบกัน”
ผณินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น หยุดยืนและหันกลับไปมองต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง แต่ไม่พบกับสิ่งผิดปกติใดๆ เขาถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก่อนลงมือทำงานต่อ มังกรยังคงนั่งคุยอยู่ข้างๆเขา มันทำให้บรรยากาศไม่ดูน่ากลัวเกินไปนัก เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงบ่ายของวัน หลายๆงานต่างก็เสร็จสิ้นลงบ้างแล้ว หน้าที่รับผิดชอบของผณินและทีมก็เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่างพากันไปล้างมือล้างตัว ที่ลำธารเล็กๆหลังโรงเรียนตามคำบอกเล่าของครูในโรงเรียน ลำธารแห่งนี้เป็นลำธารตื้นๆ สายเล็กๆ ที่ไหลมาจากบนภูเขา สายน้ำใส เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง หลายคนลงไปชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดตัวอยู่
“พี่กรครับ !!!” ผณินอุทานขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมแสดงสีหน้าจริงจัง มังกรมองหน้าเขาด้วยความสงสัย ก่อนผณินจะพูดต่อ “บอกให้ทุกคนขึ้นมาจากลำธารก่อนนะครับ นะครับ อย่าเพิ่งถามอะไรให้ทุกคนขึ้นมาก่อนนะครับ” หนุ่มน้อยพยายามกำชับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
มังกรยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกับที่เขากำลังจะเรียกน้องๆที่ลงไปในลำธารให้ขึ้นมา
“อ๊ายยยย...!!!!!” เสียงกรีดร้องของนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นทุกคนในที่นั้นต่างมองไปในทิศทางเดียวกับต้นเสียง ภาพที่ปรากฏทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก งูจงอางขนาดใหญ่ชูตัวสูงขึ้นจากก้อนหินที่โผล่พ้นน้ำสูงเกือบจะเท่ากับความสูงของสาวน้อยผู้นั้น คนอื่นๆต่างพากันวิ่งขึ้นจากน้ำ ต่างคนต่างตะโกนให้สาวน้อยอยู่เฉยๆอย่าขยับตัว แต่ขณะนั้นสาวน้อยเคราะห์ร้ายคนนั้นตกอยู่ในห้วงแห่งความกลัวใบหน้าซีดเผือดไม่สามารถขยับเขยื่อนร่างกายได้
ผณินวิ่งผ่านผูงชนที่วุ่นวาย ลงไปในน้ำ ทางด้านข้างระหว่างหญิงสาวกับงูจงอางตัวใหญ่ เสียงหนึ่งในห้วงความคิดของผณินดังขึ้น “ขันธปริตร” แม้เขาจะได้อ่านพระคาถาเพียงไม่กี่รอบแต่รู้สึกว่าจำได้ขึ้นใจ ก่อนท่องพระคาถาในใจ “ตั้งใจให้นิ่ง อย่ากลัวหลวงปู่อยู่ใกล้ๆ ลืมตาขึ้นแล้วเพ่งไปที่พญางูตัวนั้น” ผณินทำตามเสียงที่ดังก้องขึ้นในใจ เขาท่องคาถาในใจพร้อมกับจ้องงูใหญ่ตัวนั้นด้วยสีหน้าเงียบขรึม ขณะที่งูจงอางตัวใหญ่กำลังทำท่าจะจู่โจมสาวน้อย “หยุดนะ..!!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนงูตัวนั้นจะหันมาประจัญหน้ากับเขา ไม่นานนักงูใหญ่ค่อยน้อมหัวลงพร้อมกับค่อยๆ ลดตัวลงอย่างช้าๆ และเลื้อยเข้าใกล้ ผณินมองตามอย่างช้าๆ ซึ่งตอนนี้เขาเองไม่มีทีท่าเกรงกลัวต่อพญางูใหญ่ตัวนั้นแต่อย่างใด ทันใดงูใหญ่ก็ชูหัวขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คราวนี้มันใกล้ตัวผณินเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เขายังคงยืนนิ่ง ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณแม้แต่นักศึกษาที่ยืนอยู่ริมลำธารต่างนิ่งเงียบจนแทบจะหยุดหายใจ เวลาผ่านไปไม่นานนัก ที่สุดพญางูใหญ่ก็ลดตัวและเลื้อยทวนกระแสน้ำอย่างช้าๆขึ้นไปเรื่อยๆ จนหายเข้าไปในกอต้นไม้น้ำที่ขึ้นอยู่ริมลำธาร
สาวน้อยผู้เคราะห์ร้าย ยังคงยืนนิ่งดุจต้องมนต์สะกด ใบหน้าซีดเผือด ผณินเดินเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นเอื้อมมือไปแตะที่แขนอย่างแผ่วเบา “เป็นอะไรไหมครับ...” สาวน้อยสะดุ้งสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะโผเข้ากอดรัดผณินสุดแรง ร้องไห้ด้วยความเสียขวัญ ผณินเองยังคงยืนอยู่อย่างนั้น เวลาผ่านไปสักระยะ
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ปลอดภัยแล้ว..” ผณินกล่าว เสียงนุ่มทุ้มแฝงไปด้วยความอ่อนโยนของเขา ดึงสติของสาวน้อยให้กลับมาก่อนจะผละตัวออกจากแผงอกของเขาโดยที่มือสองข้างของเธอยังคงโอบรัดตัวเขาไว้
สาวน้องเงยหน้ามอง วีรบุรุษผู้ช่วยชีวิตเธอด้วยแววตากลมใสที่ยังคงเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าเป็นชายหนุ่มรูปงามไรหนวดเขียวคลึ้มดูมีเสน่ห์ ที่กำลังอมยิ้มเผยให้เห็นริมฝีปากแดงฉาน ยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนภาพที่เห็นจะดูเลือนลางลงอย่างช้าๆ บัดนี้สาวน้อยได้หมดสติลำตัวโถมเข้าใส่ผณิน เขาโอบรัดกอดคว้าก่อนจะอุ้มสาวน้อยขึ้นจากลำธาร
มีต่อ
V
V
V
ผณิน” จะรักนายให้หายแค้น ตอนที่ 4 [ช/ช]
ไฟที่ยังไม่ได้ปิดจากในห้อง เผยให้เห็นใบหน้าขาวเนียน คิ้วดกหนา ดวงตาที่ปิดสนิท จมูกเป็นสันได้รูป รับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ผณินยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่เขาต้องสดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงประตูที่เปิดออก
“เอ้าตื่นเลย โทษทีว่ะเพื่อน” คิมหันต์พูดในขณะที่เขากำลังปิดประตู
“อื้ม..” เสียงคำตอบจากผณินดังขึ้นพร้อมกับเสียงถอนหายใจยาวๆ
“เป็นอะไรมากไหม” คิมหันต์ถาม
ผณินเหลือบมองหน้าเจ้าของคำถาม “ไม่เป็นอะไรแล้ว กูคงเหนื่อยตอนเดินทางแหละ....แล้วนี่กิจกรรมจบแล้วหรอ”
“เออ ... เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนนะ” คิมหันต์หยิบผ้าขนหนูผืนน้อยแล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปอาบน้ำ
ค่ำคืนอันวุ่นวายของผณินได้ผ่านพ้นไป >>> แสงทองแรกของวันค่อยๆ ทอแสงจ้าขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางป่าไม้และทิวเขาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เสียงหมู่นกน้อยนานาพันธุ์ และสัตว์ป่าต่างส่งเสียงร้องกันระงมไพร สายลมยามเช้าหอบเอาสายหมอกบางๆ เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ ลมพัดต้องยอดไม้ไหวเอนอย่างแผ่วเบา พัดต้องกลีบดอกไม้หลายหลากสีที่ปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบบริเวณที่พัก เป็นทัศนียภาพที่สดชื่นสวยงามยิ่ง สายลมยังพัดเอื่อยเข้าทางหน้าต่างที่เปิดไว้ ผ้าม่านสีขาวบางๆ สบัดพริ้วตามแรงลม ประกอบกับแสดงแดดอ่อนเผยให้เห็นชายหนุ่มสองคนกำลังแต่งตัวอยู่
“เฮ้ยไอ้ณิน มีน้ำหอมมารึเปล่าวะ กูลืมว่ะ” เสียงจากตี๋น้อยคิมหันต์
ผณินหันไปมองเจ้าของคำถาม “ก็รู้กูไม่ชอบใช้น้ำหอม ยังจะถามกูอีก”
คิมหันต์ยังคงจัดทรงผมอยู่หน้ากระจก “เออๆ ไม่มีก็ไม่มี ก็แค่ถามดูเผื่อจะมี” “โห เหลืออีกตั้งวันนึง กูอยากกลับบ้านแล้วว่ะ เมื่อวานก็วุ่นๆทั้งวัน แม่งกว่าจะได้นอนก็ดึกแล้วยังต้องตื่นเช้าอีก”
“บ่นอะไรของคุณครับ ไอ้คุณชายคิม ลำบากนิดหน่อยทำเป็นบ่น” ผณินตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
คิมหันต์หันกลับไปมองหน้าเจ้าของคำพูด พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครจะไปสบายอย่าง มาถึงก็แกล้งป่วย ได้นอนพักเยอะกว่ากูอีก”
ผณินไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่มองหน้าคิมหันค์และหัวเราะเบาๆในลำคอ
ก็อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
คิมหันต์ มองหน้าผณินในขณะที่เขากำลังจัดแต่งทรงผมอยู่ “ไปเปิดสิ รอพ่องมาตัดริบบิ้นหรอ”
“เชี่ย..!!” ผณินมองไปทางคิมหันต์
“เป็นไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง” ทันทีที่เปิดประตูออกมังกร ก็ถามผณิน
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ผณินตอบ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เห็นเมื่อวานท่าทางไม่ดีเลย นี่แต่งตัวกันเสร็จรึยัง คนอื่นๆ ทยอยไปที่รถกันแล้วนะ” ประธานนักศึกษาท่าทางอบอุ่น ยืนมองหน้าหนุ่มน้อยด้วยอาการเป็นห่วง
รถทัวร์สองคัน วิ่งตามกันไปบนท้องถนนที่ทอดตรงออกไป ไม่นานนักก็ถึงจุดหมายปลายทางของวันนี้ เป็นโรงเรียนเล็กๆในหมู่บ้าน สภาพค่อนข้างทุรกันดาร มีเพียงอาคารไม้เก่าๆชั้นเดียว ทุกคนไปรวมตัวกันที่สนามเล็กๆ หน้าโรงเรียน “กิจกรรมวันนี้เป็นการบำเพ็ญประโยชน์ เราจะมาช่วยกันทำความสะอาด และปรับภูมิทัศน์ให้โรงเรียนนี้สวยงาม พี่จะจัดกลุ่มให้แต่ละกลุ่มทำงานตามที่มอบหมายให้..” รุ่นพี่อธิบายกิจกรรมทั้งหมดและทุกคนต่างแยกย้ายไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย สภาพโดยรอบโรงเรียนเป็นป่ามีต้นไมใหญ่ขึ้นอยู่โดยรอบทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น เย็นสบาย นักศึกษาต่างทำงานกันอย่างสนุกสนานบ้างหยอกล้อพูดคุยทำความรู้จักกัน ผณินยังคงเพลิดเพลินกับบรรยากาศการรับน้องครั้งนี้ เพราะสิ่งที่เขารับรู้มาว่าการรับน้องมีแต่เรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น แต่กับกิจกรรมนี้เป็นการทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน รู้จักกัน ช่วยเหลือมีน้ำใจต่อกัน โดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนที่เป็นข่าว ทั้งยังได้ประโยชน์ต่อสังคมด้วย
มังกร ประธานนักศึกษาเดินถือถุงพราสติกที่ภายในบรรจุขวดน้ำดื่ม และเดินแจกน้ำดื่มกับน้องๆนักศึกษาที่ทำงานมาตลอดทาง “เหนื่อยไหม อ่ะกินน้ำก่อนนะ” เสียงพูด ก่อนที่เขาจะหยุดยืน ละยื่นน้ำดื่มให้กับหนุ่มน้อยตรงหน้า
ผณินหันกลับไปมองต้นเสียง พร้อมยื่นมือไปรับน้ำดื่มจากมือของมังกร “ขอบคุณครับ” พร้อมกับรอยยิ้มน่ารักๆ ของผณิน ก่อนที่มือของเขาจะถึงขวดน้ำ
“เดี๋ยวก่อน ... มือเลอะไปหมดแล้ว มาๆเดี๋ยวพี่ถือให้” มังกรพูดพร้อมๆกับยื่นขวดน้ำเข้าใกล้ผณิน เขาโน้มตวลงเล็กน้อยเพื่อดื่มน้ำจากขวดน้ำในมือของมังกร
“เหนื่อยก็พักก่อนได้นะขยันจัง เหงื่อท่วมเต็มตัวไปหมดแล้ว” มังกรพูด
“ไม่หรอกครับ ก็ค่อยๆ ทำไปเรื่อย” ผณินตอบ
มังกรย่อตัวลงนั่งบนก้อนหินก้อนใหญ่ ไม่ไกลจากที่ผณินกำลังทำงานมากนัก สายตาเขามองผณินอย่างเอ็นดูพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ มุมปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ผณิน ชื่อแปลกจังเลยนะ แปลว่าอะไรหรอ”
ผณินหันมามองผู้ถาม ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ “ชื่อณินแปลกมากหรอ มีแต่คนถามแบบนี้ แปลว่า “งู” ครับ”
“โหย...ความหมายน่ากลัวนะ” มังกรพูด
“มังกรก็งูไม่ใช่หรอครับ” ผณินตอบกลับ
มังกรหัวเราะ “นั่นสินะ มังกรก็งูเหมือนกัน แต่พี่เนี่ย “งูใหญ่” นะ ฮ่าๆๆ”
“โฆษณาน่าดูเลยนะครับ” ผณินตอบกลับพร้อมรอยยิ้มแกมหัวเราะ
“เออ ว่าแต่มานี่ได้เพื่อนรึยัง เป็นไงบ้าง?” และอีกหลายบทสนทนาระหว่างชายหนุ่มทั้งสองก็เริ่มขึ้น
ภายใต้เงาไม้ต้นใหญ่เบื้องหลังของชายหนุ่มที่กำลังคุยหยอกล้อกันสนุกสนาน ที่ไม่ไกลนักยังมีสายตาคู่หนึ่งที่จดจ้องทั้งสองอยู่ แววตาที่เคลียดแค้นแฝงไปด้วยความเหงา ความผิดหวังประหนึ่งว่าจะสูญเสียสิ่งสำคัญของชีวิตไป
ผณินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น หยุดยืนและหันกลับไปมองต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง แต่ไม่พบกับสิ่งผิดปกติใดๆ เขาถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก่อนลงมือทำงานต่อ มังกรยังคงนั่งคุยอยู่ข้างๆเขา มันทำให้บรรยากาศไม่ดูน่ากลัวเกินไปนัก เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงบ่ายของวัน หลายๆงานต่างก็เสร็จสิ้นลงบ้างแล้ว หน้าที่รับผิดชอบของผณินและทีมก็เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่างพากันไปล้างมือล้างตัว ที่ลำธารเล็กๆหลังโรงเรียนตามคำบอกเล่าของครูในโรงเรียน ลำธารแห่งนี้เป็นลำธารตื้นๆ สายเล็กๆ ที่ไหลมาจากบนภูเขา สายน้ำใส เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง หลายคนลงไปชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดตัวอยู่
“พี่กรครับ !!!” ผณินอุทานขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมแสดงสีหน้าจริงจัง มังกรมองหน้าเขาด้วยความสงสัย ก่อนผณินจะพูดต่อ “บอกให้ทุกคนขึ้นมาจากลำธารก่อนนะครับ นะครับ อย่าเพิ่งถามอะไรให้ทุกคนขึ้นมาก่อนนะครับ” หนุ่มน้อยพยายามกำชับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
มังกรยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกับที่เขากำลังจะเรียกน้องๆที่ลงไปในลำธารให้ขึ้นมา
“อ๊ายยยย...!!!!!” เสียงกรีดร้องของนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นทุกคนในที่นั้นต่างมองไปในทิศทางเดียวกับต้นเสียง ภาพที่ปรากฏทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก งูจงอางขนาดใหญ่ชูตัวสูงขึ้นจากก้อนหินที่โผล่พ้นน้ำสูงเกือบจะเท่ากับความสูงของสาวน้อยผู้นั้น คนอื่นๆต่างพากันวิ่งขึ้นจากน้ำ ต่างคนต่างตะโกนให้สาวน้อยอยู่เฉยๆอย่าขยับตัว แต่ขณะนั้นสาวน้อยเคราะห์ร้ายคนนั้นตกอยู่ในห้วงแห่งความกลัวใบหน้าซีดเผือดไม่สามารถขยับเขยื่อนร่างกายได้
ผณินวิ่งผ่านผูงชนที่วุ่นวาย ลงไปในน้ำ ทางด้านข้างระหว่างหญิงสาวกับงูจงอางตัวใหญ่ เสียงหนึ่งในห้วงความคิดของผณินดังขึ้น “ขันธปริตร” แม้เขาจะได้อ่านพระคาถาเพียงไม่กี่รอบแต่รู้สึกว่าจำได้ขึ้นใจ ก่อนท่องพระคาถาในใจ “ตั้งใจให้นิ่ง อย่ากลัวหลวงปู่อยู่ใกล้ๆ ลืมตาขึ้นแล้วเพ่งไปที่พญางูตัวนั้น” ผณินทำตามเสียงที่ดังก้องขึ้นในใจ เขาท่องคาถาในใจพร้อมกับจ้องงูใหญ่ตัวนั้นด้วยสีหน้าเงียบขรึม ขณะที่งูจงอางตัวใหญ่กำลังทำท่าจะจู่โจมสาวน้อย “หยุดนะ..!!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนงูตัวนั้นจะหันมาประจัญหน้ากับเขา ไม่นานนักงูใหญ่ค่อยน้อมหัวลงพร้อมกับค่อยๆ ลดตัวลงอย่างช้าๆ และเลื้อยเข้าใกล้ ผณินมองตามอย่างช้าๆ ซึ่งตอนนี้เขาเองไม่มีทีท่าเกรงกลัวต่อพญางูใหญ่ตัวนั้นแต่อย่างใด ทันใดงูใหญ่ก็ชูหัวขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คราวนี้มันใกล้ตัวผณินเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เขายังคงยืนนิ่ง ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณแม้แต่นักศึกษาที่ยืนอยู่ริมลำธารต่างนิ่งเงียบจนแทบจะหยุดหายใจ เวลาผ่านไปไม่นานนัก ที่สุดพญางูใหญ่ก็ลดตัวและเลื้อยทวนกระแสน้ำอย่างช้าๆขึ้นไปเรื่อยๆ จนหายเข้าไปในกอต้นไม้น้ำที่ขึ้นอยู่ริมลำธาร
สาวน้อยผู้เคราะห์ร้าย ยังคงยืนนิ่งดุจต้องมนต์สะกด ใบหน้าซีดเผือด ผณินเดินเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นเอื้อมมือไปแตะที่แขนอย่างแผ่วเบา “เป็นอะไรไหมครับ...” สาวน้อยสะดุ้งสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะโผเข้ากอดรัดผณินสุดแรง ร้องไห้ด้วยความเสียขวัญ ผณินเองยังคงยืนอยู่อย่างนั้น เวลาผ่านไปสักระยะ
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ปลอดภัยแล้ว..” ผณินกล่าว เสียงนุ่มทุ้มแฝงไปด้วยความอ่อนโยนของเขา ดึงสติของสาวน้อยให้กลับมาก่อนจะผละตัวออกจากแผงอกของเขาโดยที่มือสองข้างของเธอยังคงโอบรัดตัวเขาไว้
สาวน้องเงยหน้ามอง วีรบุรุษผู้ช่วยชีวิตเธอด้วยแววตากลมใสที่ยังคงเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าเป็นชายหนุ่มรูปงามไรหนวดเขียวคลึ้มดูมีเสน่ห์ ที่กำลังอมยิ้มเผยให้เห็นริมฝีปากแดงฉาน ยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนภาพที่เห็นจะดูเลือนลางลงอย่างช้าๆ บัดนี้สาวน้อยได้หมดสติลำตัวโถมเข้าใส่ผณิน เขาโอบรัดกอดคว้าก่อนจะอุ้มสาวน้อยขึ้นจากลำธาร