เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว มีโอกาสไปซื้อเนื้อของร้านบังโต (Company B) ที่พารากอน ตั้งใจจะเอาไปให้แม่และญาติที่ต่างจังหวัดได้ทาน ซื้อสันในสันนอก ผสมกันไป 3 โลได้ ตอนนั้นแม่เอาไปทำหลายเมนู ทั้งย่างแล้วกินกับน้ำจิ้มแจ่ว และทำยำเนื้อ ทั้งป้าและแม่ที่อายุมากแล้ว ปกติทานเนื้อได้ลำบากเพราะฟันไม่ค่อยดี สามารถรับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อยกันเลยทีเดียว

หลายวันที่ผ่านมารู้สึกว่าคิดถึงความนุ่มของเนื้อร้านพี่โต แต่คราวนี้ตัดสินใจสั่งซื้อผ่านทางโทรศัพท์ เลยโทรไปสั่งริบอาย 1 กิโลกรัม ราคากิโลละ 850 บาท ให้เค้าตัดแบ่งเป็นชิ้นมาได้ 4 ชิ้น รวมน้ำหนัก 1.17 กิโลกรัม ตกชิ้นนึงหนักประมาณ 300 กรัม ค่าเนื้อรวม 994.50 บวกค่าส่งในกรุงเทพฯ 100 บาท สรุปจ่ายค่าเนื้อริบอาย 1.17 กิโลกรัม ที่ผ่านการ Dry Aged แล้ว ในราคา 1094 บาท โทรสั่งตอนบ่ายสองโมงครึ่งเมื่อวาน วันนี้ 11 โมงก็มาส่งแล้ว

ปกติอยู่ห้องมีกระทะไฟฟ้าไม่เคยทำอาหารอะไรทานมาก่อน อย่างมากก็ทำสุกี้ทาน ต้มข้าวต้ม ต้มมาม่า ทักษะการทำกับข้าวมีเท่านั้นจริงๆ แต่ด้วยความอยากกินสเต็กนุ่มๆ เนื้อร้านพี่โตมากๆ เลยสั่งมาเสี่ยงดวงดู เพราะจำได้ว่าวันที่ซื้อไปฝากแม่ แม่ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ย่างๆ แล้วทานกับน้ำจิ้มฝีมือแม่ก็อร่อยแล้ว แต่ลองหาอ่านวิธีทำสเต็ก จากใน Google มาบ้าง และพอดีในตู้เย็นมีของพวกนั้นพอดี บวกกับวันก่อนตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำสเต็กกินดูสักครั้งเลยซื้อ น้ำมันมะกอกมาไว้ด้วย หลังจากได้เนื้อมา ก็ไม่สนใจอะไรมากมาย หยิบวัตถุดิบมากองรวมเพื่อเตรียม จัดการโดยทันที

วัตถุดิบที่ใช้หมักเนื้อ
- เกลือ
- น้ำมันมะกอก
- พริกไทดำป่น
- สัปรด
- เนย
เครื่องมือที่ใช้ กระทะไฟฟ้าโง่ๆ อันนึง



เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็เอาเนื้อที่ได้มา จิ้มด้วยซ่อมจนเนื้อพรุนทั้งสองด้าน จากนั้นก็โรยเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ให้ทั่วด้านหน้าและหลัง เสร็จแล้วก็ตามด้วยพริกไทดำป่น ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก อีก 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ทุกอย่างลงไปคลุกเคล้าให้ทั่วเนื้อ จากนั้นเอาสัปรดมาบีบให้เละจนกลายเป็นน้ำ แล้วคลุกเคล้ากับเนื้อ เข้าใจว่าถ้าเป็นเนื้อทั่วไปอาจต้องหมัก และใช้สัปรดในการทำให้เนื้อนุ่ม แต่จากที่เอาซ่อมทิ่มเนื้อรู้ได้เลยว่าเนื้อร้านบังโต นี่นุ่มมาก ทิ่มเบา ทะลุไปอีกด้านเลย เนื้อไม่ใช่บางๆ นะ หนาราวๆ 1 นิ้วน่าจะได้

จากนั้นก็ทำการตั้งไฟ ให้ร้อนพอประมาณ เอาเนยลงกระทะให้ทั่ว กระทะไฟฟ้าไม่ต้องรอนานแปปเดียวก็ร้อนแล้ว จับเนื้อลงไปในกระทะได้ทันที หลังจากเนยเริ่มละลายทั่วกระทะ ปกติผมชอบทานแบบมีเดี่ยมแรร์ หลังจากวงเนื้อลงไปก็นั่งรอประมาณ 2 นาทีนิดๆ จากเนื้อสีแดงเริ่มถูกความสุกเข้าครอบงำ เลยทำการพลิกอีกด้าน กลิ่นหอมและควันเริ่มมา ใช้เวลารอพอๆ กัน ก็เห็นว่าสุกได้ที่แล้ว ก็ยกขึ้นจากกระทะได้ทันที

ต้องบอกว่า หน้าตามันอาจจะสู้ภัตคารไม่ได้ แต่ผิวเนื้อฉ่ำมาก ผมทานแบบไม่ต้องมีเครื่องเคียงอะไรเลย ตอนแรกว่าจะไปขอซื้อน้ำจิ้มแจ่วร้านส้มตำแถวบ้าน แต่มันเช้าเกินไปหลายร้านยังไม่เปิด เลยคิดชิ้นแรกเป็นการซื้อประสบการ ยังเหลืออีก 4 ชิ้นให้ลองผิดลองถูก เลยตัดสินใจกินเปล่าๆ แบบนั้น โดยไม่ต้องจิ้มอะไรเลย

ใช้มีดโง่ๆ ในครัว ไม่ใช่มีดสเต็กอะไร หั่นเนื้อลงไปแค่เบาๆ ก็ขาดออกจากกันทำให้เห็นสีชมพูระเรื่อที่ซ้อนอยู่ข้างใน น้ำลายไหล ใจสั่น ทำไมฝีมือพ่อครัวมั่วๆ อย่างเรา ถึงย่างเนื้อได้น่ากินขนาดนี้ ว่าแล้วก็เอาเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นได้สัมผัสรสชาติ โอ้วแม่เจ้า นี่เราทำเองจริงเหรอฟระ โคตรอร่อยเลย เนื้อหอม รสชาติเค็มกำลังพอดี กลมกล่อมลงตัว สัมผัสนุ่ม อาจไม่ถึงขั้นละลายในปากก็ช่างเถอะ (เนื้อนะไม่ใช่น้ำแข็ง) แค่อึดใจเนื้อชิ้นเบ่อเริ่มก็หายลงไปอยู่ในท้องแล้ว รู้สึกมีความสุขมากๆ อร่อยกว่าหลายร้านที่เคยไปกินมาซะอีก ไม่รู้ว่าเพราะฝีมือพ่อครัวมั่วๆ หรือเพราะเนื้อเค้าเทพมาก

เรื่องยังไม่จบเท่านี้

ด้วยความที่ไม่รู้หรอกว่าเนื้อส่วนไหนเรียกว่าอะไร รู้แค่เนื้อก็คือเนื้อ เป็นผู้บริโภคโง่ๆ มาตลอด ระหว่างนอนตีพุงและอิ่มสุขกับเนื้ออยู่นั่น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พี่ที่เอาเนื้อมาส่งโทรเข้ามาอีกครั้ง บอกว่าเนื้อที่มาส่งมันไม่ใช่ของเรา เอ้าแล้ว! กินอิ่มไปแล้วด้วยซิ นี่แอบคิดว่าจะแบ่งให้เพื่อนไปกินชิ้นนึงด้วย พี่เค้าก็รีบขับมอเตอร์ไซด์มาเพื่อขอแลก เราก็บอกไปตรงๆ ว่ากินไปแล้วนะพี่ 1 ชิ้น เค้าบอกไม่เป็นไร พอเราไปดู อ้าวข้างถุงเขียนว่า Striploin (ราคา Striploin 810 บาท/1 กิโลกรัม Ribeye 850 บาท/1 กิโลกรัม ราคาใกล้เคียงกัน) ตอนแรกก็ตั้งใจว่า โอเคแลกคืนไปให้เค้า 1 ชิ้น แต่ปรากฎว่า Ribeye แล่มา 4 ชิ้น ชิ้นละ 300 กรัม แต่ Striploin เค้า 5 ชิ้น ชิ้นละ 300 กรัมเหมือนกัน แต่เนื้อคนละชนิด ผมก็ให้คืนพี่ที่มาส่งไป 1 ชิ้น เผื่อเค้าเอากลับไปแลกที่บริษัทแล้วเอาไปส่งลูกค้า

แต่เรื่องไม่เป็นอย่างนั้น พี่คนที่มาส่งกลับบอกว่า เป็นความผิดพลาดของผม ผมรับผิดชอบเอง พี่เอาเนื้อพี่ไปเถอะ ผมจะจ่ายส่วนต่างที่ทานไปแล้วให้ พี่เค้าก็ไม่รับ รู้สึกประทับใจในคุณธรรมในการทำงานของพี่เค้าจริงๆ ขอชื่นชม Company B จากใจจริงๆ ครับ ที่นอกจากผลิตเนื้อคุณภาพออกมาให้ผู้บริโภคได้รับประทาน และที่สำคัญเป็นเนื้อฮาลาลด้วยแล้ว ยังมีพนักงานที่ซื้อสัตย์และมีคุณภาพทำงานด้วย ขอคารวะด้วยใจจริงๆ ครับ และจะเป็นลูกค้าต่อไปอย่างแน่นอนครับ

ขอบคุณมากๆ ครับ