อยากขอความคิดเห็น หรือคำแนะนำจากผู้รู้หรือมีประสบการณ์ค่ะ
ขอท้าวความก่อนนะคะ เมื่อหลายสิบปีก่อนมีเจ้าของที่คนนึงจัดสรรที่ดินเปล่าเพื่อแบ่งขายเป็นล็อคๆ คุณป้ากับเพื่อนจูงมือกันมาซื้อเป็นคนแรกๆ เลือกกันได้คนละแปลง อยู่ติดกัน ขนาดรวม 200 กว่าตร.ว.
สักพักมี Develper มาเอาไปทำหมู่บ้านทั้งหมด นำไปซอยย่อยอีกที ที่ดินของคุณป้าและเพื่อนจะอยู่แปลงสุดท้าย ด้านในสุด ตอนซื้อกะว่าถ้าปลูกบ้านอยู่ จะได้สงบไม่มีคนผ่านหน้าบ้านมาก
หมู่บ้านที่ทำเป็นแบบราคาถูก ส่วนมากเป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว มีบ้านแฝดไม่กี่หลัง ที่ดินคุณป้าอยู่สุดซอยแปลงสุดท้าย จึงเหมือนถูกล้อมเอาไว้
แปลงของเพื่อนคุณป้า จะมีบ้านฝั่งตรงข้ามเข้ามาจอดรถ ตัวสามีเป็นข้าราชการทำงานที่อบต. ได้ทำเพิงกึ่งชั่วคราวจอดรถเป็นประจำสองคัน เพื่อนคุณป้าก็ให้จอดโดยไม่คิดค่าเช่ามานานหลายปี ฝากให้ดูแลที่ดินด้วย
ส่วนของคุณป้าไม่มีใครใช้ประโยชน์ จะมีก็เพียงปลูกต้นไม้เอาไว้พวกไม้ดอก นอกนั้นมีต้นไม้กับหญ้าขึ้นรก
ต่อมาคิดจะขาย เพราะลูกหลานต่างก็มีบ้านของตัวเอง ไม่มีใครเอาที่แปลงนี้ เพื่อนคุณป้าก็จะขายเหมือนกัน
แต่...คนที่มาดูกี่รายๆต่างก็ถอย โดยไม่ทราบสาเหตุ เพิ่งมากระจ่างไม่นานมานี้จากผู้จะซื้อรายนึงเล่ามาว่าเป็นเพราะ ชาวบ้านรวมตัวกันตั้งกฎขึ้นมาระยะหลังนี่เอง
มีคณะกรรมการหมู่บ้านร่วมกับชาวชุมชนให้ข้อสรุป ดังนี้
1.ไม่อนุญาตให้รถบรรทุกเข้าใช้ถนนในหมู่บ้าน 2.ไม่อนุญาตให้รถที่มีความสูงเข้าถนนในหมู่บ้าน รวมถึงรถแทรกเตอร์/รถแบกโฮล/รถบรรทุกปูน/รถบรรทุกดินที่มีขนาดใหญ่ เพราะเกรงจะทำให้ถนนชำรุด บ้านเรือนร้าวเสียหาย
3. น่าจะมีการทำแผงกั้นเหล็กด้านบนเร็วๆนี้ เพื่อกั้นไม่ให้รถใหญ่เข้า
เผอิญได้คุยกับลูกบ้านท่านนึงที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ก็พบว่าข้อมูลตรงกัน
ทำให้คนจะซื้อกี่รายๆต่างก็ถอยหมด เพราะไม่อยากมีปัญหากับชาวบ้านในขณะก่อสร้าง เพราะถ้าสร้างบ้านน่าจะถมดินเพิ่ม กับเคลียร์ริ่ง หนีไม่พ้นรถใหญ่อย่างหกล้อ แบ็คโฮล
ถนนหน้าที่ดินกว้างประมาณ 5 เมตรค่ะ ไม่ได้แคบจนเกินไปนัก และยกให้เทศบาลนานแล้วค่ะ ไม่มีนิติบุคคล เสาไฟฟ้าก็เป็นของเทศบาลค่ะ
อยากปรึกษาว่าควรแก้ปัญหานี้ยังไงดีคะ ต้องไปเจรจากับใครถึงจะดี แต่ปล่อยที่ดินไว้เรื่อยๆแบบนี้คงไม่ได้แล้วค่ะ
พวกเขามีสิทธิทำแบบนี้ได้หรือเปล่าคะ ถ้ามีคนมาซื้อไปชาวบ้านสามารถทำอย่างที่ตั้งกฏกันขึ้นมานี้ได้หรือคะ ถ้าเป็นแบบนั้นใครจะสร้างบ้านได้ แล้วใครจะกล้าซื้อ ไม่เคยเจอปัญหานี้คิดไม่ตกจริงๆค่ะ
คุณป้าจะขายที่ดิน แต่ติดปัญหาเรื่องชาวบ้าน แก้ไขยังไงดีคะ
ขอท้าวความก่อนนะคะ เมื่อหลายสิบปีก่อนมีเจ้าของที่คนนึงจัดสรรที่ดินเปล่าเพื่อแบ่งขายเป็นล็อคๆ คุณป้ากับเพื่อนจูงมือกันมาซื้อเป็นคนแรกๆ เลือกกันได้คนละแปลง อยู่ติดกัน ขนาดรวม 200 กว่าตร.ว.
สักพักมี Develper มาเอาไปทำหมู่บ้านทั้งหมด นำไปซอยย่อยอีกที ที่ดินของคุณป้าและเพื่อนจะอยู่แปลงสุดท้าย ด้านในสุด ตอนซื้อกะว่าถ้าปลูกบ้านอยู่ จะได้สงบไม่มีคนผ่านหน้าบ้านมาก
หมู่บ้านที่ทำเป็นแบบราคาถูก ส่วนมากเป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว มีบ้านแฝดไม่กี่หลัง ที่ดินคุณป้าอยู่สุดซอยแปลงสุดท้าย จึงเหมือนถูกล้อมเอาไว้
แปลงของเพื่อนคุณป้า จะมีบ้านฝั่งตรงข้ามเข้ามาจอดรถ ตัวสามีเป็นข้าราชการทำงานที่อบต. ได้ทำเพิงกึ่งชั่วคราวจอดรถเป็นประจำสองคัน เพื่อนคุณป้าก็ให้จอดโดยไม่คิดค่าเช่ามานานหลายปี ฝากให้ดูแลที่ดินด้วย
ส่วนของคุณป้าไม่มีใครใช้ประโยชน์ จะมีก็เพียงปลูกต้นไม้เอาไว้พวกไม้ดอก นอกนั้นมีต้นไม้กับหญ้าขึ้นรก
ต่อมาคิดจะขาย เพราะลูกหลานต่างก็มีบ้านของตัวเอง ไม่มีใครเอาที่แปลงนี้ เพื่อนคุณป้าก็จะขายเหมือนกัน
แต่...คนที่มาดูกี่รายๆต่างก็ถอย โดยไม่ทราบสาเหตุ เพิ่งมากระจ่างไม่นานมานี้จากผู้จะซื้อรายนึงเล่ามาว่าเป็นเพราะ ชาวบ้านรวมตัวกันตั้งกฎขึ้นมาระยะหลังนี่เอง
มีคณะกรรมการหมู่บ้านร่วมกับชาวชุมชนให้ข้อสรุป ดังนี้
1.ไม่อนุญาตให้รถบรรทุกเข้าใช้ถนนในหมู่บ้าน 2.ไม่อนุญาตให้รถที่มีความสูงเข้าถนนในหมู่บ้าน รวมถึงรถแทรกเตอร์/รถแบกโฮล/รถบรรทุกปูน/รถบรรทุกดินที่มีขนาดใหญ่ เพราะเกรงจะทำให้ถนนชำรุด บ้านเรือนร้าวเสียหาย
3. น่าจะมีการทำแผงกั้นเหล็กด้านบนเร็วๆนี้ เพื่อกั้นไม่ให้รถใหญ่เข้า
เผอิญได้คุยกับลูกบ้านท่านนึงที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ก็พบว่าข้อมูลตรงกัน
ทำให้คนจะซื้อกี่รายๆต่างก็ถอยหมด เพราะไม่อยากมีปัญหากับชาวบ้านในขณะก่อสร้าง เพราะถ้าสร้างบ้านน่าจะถมดินเพิ่ม กับเคลียร์ริ่ง หนีไม่พ้นรถใหญ่อย่างหกล้อ แบ็คโฮล
ถนนหน้าที่ดินกว้างประมาณ 5 เมตรค่ะ ไม่ได้แคบจนเกินไปนัก และยกให้เทศบาลนานแล้วค่ะ ไม่มีนิติบุคคล เสาไฟฟ้าก็เป็นของเทศบาลค่ะ
อยากปรึกษาว่าควรแก้ปัญหานี้ยังไงดีคะ ต้องไปเจรจากับใครถึงจะดี แต่ปล่อยที่ดินไว้เรื่อยๆแบบนี้คงไม่ได้แล้วค่ะ
พวกเขามีสิทธิทำแบบนี้ได้หรือเปล่าคะ ถ้ามีคนมาซื้อไปชาวบ้านสามารถทำอย่างที่ตั้งกฏกันขึ้นมานี้ได้หรือคะ ถ้าเป็นแบบนั้นใครจะสร้างบ้านได้ แล้วใครจะกล้าซื้อ ไม่เคยเจอปัญหานี้คิดไม่ตกจริงๆค่ะ