แม่นางส้มตำ.......นิยายขนาดสั้น กระทู้เดียวจบ

กระทู้สนทนา
ข้าน้อยหายไปนาน
เพิ่งมีโอกาสมาเขียนต่อให้จบ  โปรดอภัย....เป็นฉบับรัไรทฺ์
ท่านที่เคยตามอ่าน สามารถข้ามไปอ่านบทจบได้ครับ


ปล
หลังจากวางครั้งแรกในถนน   เพื่อนฝูงที่เคยมีหลบลี้หนีห่าง ไม่มีใครกล้าคบ...
บอก ไม่อยากคบกับผีบ้า...
ล้อเล่นครับ^^.....


-------------------
แม่นางส้มตำ
-------------------


                  ตะวันกลมโตสีส้มจัดจ้ากำลังลาลับดับหายจากฟากฟ้าทิวเขาแมกไม้  ม่านรัตติกาลเริ่มมาเยือน สายลมเฉื่อยฉิวทิวไม้สะบัดโบกกิ่งไกวไหวเอน ในเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งนี้ผู้คนมุ่งหน้ากลับบ้านทั้งในเมืองและนอกเมือง ต่างละทิ้งหยาดเหงื่อแรงงาน พากันกลับบ้านไปหาครอบครัวหลังเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน  ตลาดสดและไม่สดกลางเมือง ใกล้วางวายมลายลง เจ้าของพากันเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านพักผ่อน   แต่ยังมีบางร้านเปิดบริการลูกค้า หนึ่งในจำนวนนั้นคือร้านส้มตำของแม่นางส้มตำ

              บางคนเรียกว่า ร้าน “เปรี้ยวกระทุ้ง”หากนั่นเป็น เพียงเป็นคำสูงส่งหวือหวาเกินไป สุดท้ายร้านส้มตำ ยังคงเป็นร้านส้มตำ

              “แม่นางส้มตำ” เป็นฉายาของเจ้าของร้านวัยสะคราญ นางไม่ได้สวยงามสะท้านแผ่นดิน ไม่ได้งดงามแบบสลายล่มจมเมือง.....นางเป็นสตรีหน้าตาธรรมดาสามัญชน ไม่มีอะไรพิเศษพิสดาร หากชวนมองอย่างยิ่ง นางไม่รู้ที่มาไปเป็นปริศนามืดดำ หากเพียงรู้ว่านางสนใจอย่างยิ่ง

              แต่ที่ยิ่งกว่าความพิเศษพิสดาร คือรอยยิ้มของนางทำให้นัยน์ตาแพรวพราวเป็นประกายแห่งดวงดาว

              คนๆหนึ่ง หน้าธรรมดา เพียงใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม ใบหน้านั้นกลับไม่ธรรมดา ไม่มีใครยิ้มแย้มแล้วน่าดูน่าชมเหมือนแม่นางส้มตำ...นางไม่ยิ้มก็แล้วไป หากพอยิ้มแล้ว คล้ายเปลวไฟเผาผลาญจิตใจผู้คนจนหลอมละลาย

              คนแบบนี้มีจริง..
              รอยยิ้มน่ารักสุดบรรยายแบบนี้ก็มีจริง รอยยิ้มซึ่งมีประกายแห่งดวงดาว

              คนหลงใหลรอยยิ้มแบบนี้ยิ่งมีมากมาย เพราะต่อให้นั่งชมดูทั้งคืนทั้งวันก็ไม่เบื่อหน่าย กระทั่งต่อให้นั่งชมรอยยิ้มอดข้าวอดน้ำจนขาดใจตาย ยังมีผู้คนยินยอมพร้อมใจ

              เครื่องประทินใบหน้าที่ดีที่สุดยิ่งกว่าเครื่องสำอางใดๆคือ “รอยยิ้ม” นี่เอง ไม่ต้องลงทุนมากมายก่ายกองให้สิ้นเปลืองทรัพยากร
              ร้านส้มตำของแม่นางส้มตำ ใช้ผล “มะละก้า”(มะละกอ) ชั้นดี ส่งตรงมาจากนอกดินแดนที่ราบสูง แต่ละลูกผิวราบลื่นเปล่งประกายมีน้ำมีนวลชวนมีดสับ สาก้า(สาก) ที่ใช้ตำมะละก้า (มะละกอ)  ทำมาจากต้นสนหมื่นปี ไม่แข็งกระด้างเกินไป ไม่อ่อนนุ่มเกินไป คราก้า (ครก) ที่ใช้งาน ทำมาจากหิน-เหล็ก-ไฟ- จากยอดเขาไกลโพ้น ฟังว่ายามตำมะละก้า แร่ธาตุมีประโยชน์ซึมซาบออกมาสู่ส้มตำ เสริมสร้างพลังชีวิตทั้งกายใจให้แก่ผู้รับประทาน มีคุณค่ายิ่งกว่าดินม่วงของแผ่นดินใหญ่หลายสิบเท่า

              เสียงสาก้า กระแทกกับคราก้า ของแม่นางส้มตำเป็นเสียงสำเนียงราวบทเพลงแสนไพเราะล้ำลึกสั่งตรงมาจากแดนสวรรค์ ประหนึ่งดินแดนมนุษย์นั้นไหนเลยเคยมี..แค่ได้ยินเสียง ยังไม่ได้ลองลิ้มชิมรส จิตใจของลูกค้าคล้ายโบยบินไปจนสุดขอบเขตพิสดารแห่งจินตนาการ

                 ร้านของนางยังไม่อาจปิด   เพราะลูกค้าคนสำคัญมานั่งร้านตั้งแต่รุ่งสาง มันมาเป็นคนแรก แต่สามารถรอส้มตำครกสุดท้ายของร้าน ความอาจหาญสูงเยี่ยมเทียมฟ้าเช่นนี้ ยังมีผู้ใดกล้าเลียนแบบ มิว่าใครก็มิอาจทำเฉกเช่นนี้ได้

                 คนผู้นี้มีฉายาว่า “คุณชายปลาร้า”

                 ในเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งนี้ ธุรกิจตระกูล”มัจฉาร้า” ของครอบครัวคุณชายปลาร้า นับว่าไร้เทียมทาน  ปลาร้าของตระกูลนี้ไม่เหม็นจัดจ้านเฉกเช่นปลาร้าทั่วไป  ยังส่งกลิ่นหอมหวนอบอวลทวนลมไปไกล ความหอมกลมกล่อมมีทิศทางแน่นอน กล่อมขวัญปลอบประโลมยามดอมดมชวนเคลิ้มฝันเพริดแพร้วพิสดาร  เสียดายว่า เพียงไม่สามารถทะลุทะลวงจิตใจละเอียดอ่อนล้ำลึกของแม่นางส้มตำได้

              ความรัก ความชอบ เป็นเช่นนี้เอง ไร้เหตุผล นอกเหนือตรรกศาสตร์ มีเพียงใจเท่านั้นจะเข้าถึงสัมผัส

              ถ้าจะรักใครสักคน ..ต่อให้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ ไม่มีหวัง ใจยังดิ้นรนออกจากเหตุผลแบบไม่คิดชีวิต ใครเล่าจะหักห้ามใจ การตัดใจไม่รักใครสักคนต่อให้มีเหตุผลสมควรหมื่นแสนล้าน  ใจเจ้ากรรมกลับไม่เชื่อฟังยินยอม หัวใจยังดื้อรั้นดิ้นรนออกไปโหยหาความเจ็บปวดไม่สำนึก

              หัวใจของคุณชายปลาร้าก็เช่นกัน

              มันก้มลงมองจานส้มตำยังเหลือครึ่งจาน จากจำนวนยี่สิบกว่าจาน ที่สั่งมากินเช้ายันเย็น ความจริงมันไม่ได้ชอบส้มตำมากมายขนาดนี้ แต่มันชอบบรรยากาศของการร่ำส้มตำ ต่างหาก ...กินไปชำเลืองมองคนขายไป เพียงแต่นี้ จิตใจของมันก็เคลิบเคลิ้มโบยบินไกลแสนไกล

              “ขอส้มตำอีกจาน”

              มันร้องสั่ง น้ำเสียงเข็มแข็งจริงใจ หากเริ่มแตกพร่าเล็กน้อยแล้ว คนๆ หนึ่งกินส้มตำยี่สิบกว่าจานต่อเนื่องกัน ประกันว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ท้องไส้ก็ไม่ธรรมดา มันไม่ได้สั่งส้มตำอย่างเดียว ยังสั่งหัวใจของตัวเองด้วย  แม่นางส้มตำมองหน้ามันแวบหนึ่ง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มเล็กน้อย แต่คล้ายแสงสว่างจรัสจัดจ้าออกมาจากซอกมืดดำของเหลี่ยมเขาเงาเมฆายามก่อเมฆฝนทั้งน่าดูน่าชมจนคนดูปากอ้าตาค้าง

              “หมดแล้ว...จะมืดแล้ว”

             คำปฏิเสธ ง่ายชัดเจน
              ไม่ได้หมด เพียงหัวใจ

             น้ำตาคุณชายปลาร้าไหลริน....
             มันรู้ความหมาย ของการปฏิเสธรัก  ความเพียรพยายามทานส้มตำมหาศาลมีประโยชน์อันใด
              น้ำตาของคุณชายปลาร้าหลั่งไหลลงสู่จานส้มตำ ความขมขื่นทรมาน ความฝันอันเหลือเชื่อของมันล้วนหลั่งไหลออกมาจนหมดสิ้น
มันพ่ายแพ้แล้ว..... การจะรัก หรือถูกรักจากใครสักคน เป็นเรื่องชองชะตากรรม การถูกสลัดรัก ก็เป็นเรื่องของโชคชะตากรรมเช่นกัน..นี่เป็นโศกนาฏกรรมชนิดหนึ่งของมนุษยชาติ

              ส้มตำเหลือครึ่งจานซึ่งมันประคองกินยืดเวลาแช่มช้าแต่คุณชายปลาร้าไมมีขวัญกำลังใจในการกินอีกแล้วเพราะยามนี้กินลงไป คงไม่ต่างจากการกัดกินหัวใจตนเอง

              คุณชายปลาร้าลุกขึ้นด้วยท่าทางฝืนใจยืน แม้ว่าหัวใจจะตกวูบลง

             “ข้าลา......”

              มันกล่าวสั้นๆ จากจิตใจอันแหลกแตกสลาย สิ่งที่มันทำทั้งหมดกลับกลายเป็นความว่างเปล่า เพราะมันรู้ว่า การจะเอาชนะจิตใจใครสักคน..ไม่ใช่เพียงการมานั่งกินส้มตำทั้งวันทั้งคืน  ดังนั้นได้เพียงฝืนยิ้มก้าวออกจากร้านด้วยฝีเท้าไม่มั่นคง เพราะมันไม่ได้เมาส้มตำ แต่หัวใจของมันกลับเมามายอารมณ์มากกว่า ส้มตำคลุกเคล้าได้เพียงอาหาร แต่จิตวิญญาณแท้จริงอยู่แห่งหนตำบลใด

                “ข้าจะไม่มาร้านนี้อีกแล้ว”

                มันประกาศเสียงดังกึกก้อง คนผู้หนึ่งเมื่อเสียใจ ผิดหวัง ทางออกอย่างหนึ่งคือ หลบลี้หนีหายไปไกลแสนไกล เพียงต่อให้โบยบินหลบหนีไปไกลแสนไกล เช่นไร สิ่งติดตามหลอกหลอนตลอดกาล คือหัวใจของตัวเอง แล้วเช่นนี้จะหลบหายไปเพราะอะไรกัน ความจริงมันต้องการให้มีคนงอนง้อเท่านั้น
            มันยังไม่ออกจากร้าน มือนุ่มนิ่มข้างหนึ่งพลันยื่นมาเกาะกุมมือมัน

             “ท่านไม่เข้าร้านนี้ แต่ท่านควรเข้าร้านข้า.....”

                เป็นมือของแม่นางหมกฮวก

             แม่นางหมกฮวกวัยสะคราญนางนี้เปิดร้านขายอาหารอยู่ข้างร้านส้มตำ หมกฮวกของนางฟังว่าได้เคล็ดลับสูตรพิเศษมาจากดินแดนแสนไกล ทั้งหอมทั้งอร่อยเพริดแพร้วพิสดาร วัตถุดิบซึ่งนำมาทำหมกฮวกล้วนพิถีพิถันไร้มลพิษ  หัวใจชองคุณชายปลาร้า ไม่ได้ตกวูบลง เพราะหัวใจของมันแหลกสลายไปก่อนหน้านี้แล้ว เพียงตอนนี้เศษส่วนเสี้ยวหัวใจของมันกำลังระริกร้าวไม่หยุดยั้ง

                มันรู้.ต่อให้เสแสร้งเพียงใด ก็ไม่อาจปฏิเสธ  ...

                มันทราบว่าแม่นางหมกฮวกรักมัน แต่มันพาลไม่รักนาง  กลับไปรักแม่นางส้มตำ
              ความรัก..มักเป็นเช่นนี้... ควรรักกลับไม่อาจรัก....รักที่เป็นไปไม่ได้ก็ยังรัก.......มันช่างไม่มีเหตุผลแต่กลับเป็นการไม่มีเหตุผลที่น่าคลั่งใจมากมาย

              คุณชายปลาร้าฝืนยิ้ม ไม่ได้แสดงท่าทางต่อต้านความรักที่ได้รับ เพียงจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของแม่นางหมกฮวก ก่อนเอ่ยว่า

             “ข้า อิ่มแล้ว”

            “ข้ายังมี คั่วแมงจินูน........อ่อมกบ.....เปรี้ยวมัจฉาเล็ก.. (ส้มปลาน้อย) ...เพียงหวังท่านยังมีท้องที่พอว่างเหลืออยู่บ้าง”

             วาจาของนางล้วนมาจากใจ...การรักใครสักคน มีบางอย่างออกมาจากใจ แม่นางหมกฮวกแอบรักคุณชายปลาร้ามาเนิ่นนาน นางอาจไม่มีรอยยิ้มละลายใจดั่งแม่นางส้มตำ.....ผิวกายของนางไม่ได้ขาวละเมียดละเอียดอ่อนเหมือนแม่นางส้มตำ แต่นางมีความเข้มแข็งจริงใจบรรจุเต็มหัวใจ..ไม่ได้สวยเลิศเลอสุดขอบฟ้าล่มจมเมือง แต่น่ารักน่าชมสุดขอบขั้วหัวใจ

             เสียดายนางรักไม่ถูกคน ชะตากรรมของมวลมนุษยชาติคล้ายดั่งถูกเสแสร้งแกล้งให้เป็นเช่นนี้....รักใครสักคนปางตาย  แต่กลับเป็นไปไม่ได้

            “ท่านจะกลับแล้วจริงๆ”

             เสียงของแม่นางหมกฮวกกระซิบแผ่ว จิตใจของคุณชายปลาร้าวูบไหว.....อย่างไรมันก็เป็นบุรุษหนุ่ม..กลิ่นร่ำหอมหวนสัมผัสแผ่วเบาเคลียคลออย่างมีความหมาย พาจิตใจของมันกระเจิดกระเจิง

              มันเหลือบมองไปทางนางส้มตำอย่างไม่ตั้งใจอีกครั้ง

               นางกำลังเก็บร้าน ไม่มีแม้หางตาชำเลือง ไม่สนใจไม่แยแส จิตใจของคุณชายปลาร้าเจ็บแปลบขึ้นอีกแล้ว ความเจ็บบางครั้งเจ็บจนชาด้านกลับกลายเป็นเจ็บหลบใน ก่อให้เกิดพลังบ้ามหาศาลเกินหยั่งคาดคำนวณ

              “เราไปกัน.....”

            มันยืดอกพูดเสียงดัง....ปลุกปลอบความเข้มแข็งในเมื่อผู้หญิงไม่รัก ก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์ทรมานต่อไป.......น้ำตาเก็บกลืนเอาไว้ในใจ ซ่อนเร้นไว้อย่าให้ใครเห็น

             แม่นางหมกฮวกพลันจ้องมองมันด้วยสายตาหยาดเยิ้ม  ในความคิดของนาง ขอเพียงได้รักใครสักคน ต่อให้ฟ้าสะท้านแผ่นดินสะเทือน ถล่มพิภพทลายจักรวาล นางก็พร้อมยอมพลีกายใจ

             มือของคุณชายปลาร้า เลื่อนมาเกาะกุม มือของนาง มือนั้นร้อนระอุราวป่วยไข้

               “ไปกับข้านะ......” เสียงทุ้มนุ่มหูกระซิบ ใบหน้าของแม่นางหมกฮวกพลันแดงะเรื่อ ถามเสียงแผ่ว

               “จะไปที่ได...”

              “เราจะไปโรงเตี๊ยมม่านรูด”

              “มันเป็นสถานที่เช่นไร”


         ******************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่