คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
เรื่องนี้เป็นนโยบายของแต่ละสถาบันการเงินครับ แม้แต่สถาบันการเงินเดียวกันนโยบายก็มีการเปลี่ยนแปลงในบางช่วงตามภาวะเศรษฐกิจครับ แต่โดยทั่วไป หากเป็นบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดที่ไม่มียอดผ่อนชำระก็จะไม่นำมานับเป็นภาระหนี้ เว้นแต่จะมีการนำบัตรเครดิตมาผ่อนสินค้าเป็นรายเดือนและมีการใช้บัตรกดเงินสดกดเงินไปใช้ จะทำให้ยอดที่ต้องผ่อนชำระค่าสินค้าของบัตรเครดิตและยอดผ่อนชำระคืนหนี้บัตรกดเงินสดก็จะนำมานับเป็นภาระหนี้ด้วยครับ เพราะเวลามีรายได้มาก็ต้องหักเงินผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวก่อน ยอดเงินที่เหลือจึงเป็นความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริงที่นำมาคำนวณการปล่อยสินเชื่อเพิ่มครับ
สำหรับช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีที่ต้องมีการระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ สถาบันการเงินบางแห่งจะป้องกันไว้ในระดับหนึ่ง โดยคิดว่าหากผู้ขอกู้รายที่มีบัตรเคตดิตหลายใบหรือมีบัตรกดเงินสดที่ยังไม่ใช้ เกิดภาระเศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีรายได้ แล้วมีการใช้จ่ายบัตรเครดิตทุกใบ มีการใช้ยอดเงินบัตรเงินสด ก็จะมีความเสี่ยงที่เวลามีรายได้ออกมาแล้วหักหนี้ต่างๆ เหล่านี้แล้วจะไม่มีเงินเหลือเพียงพอต่อการชำระหนี้คืน ทำให้มองว่าผู้ที่ถือบัตรเครดิตหลายใบหรือมีบัตรกดเงินสดหลายใบ แม้จะยังไม่มียอดใช้ก็สามารถมีเสี่ยงได้หากใช้ทุกบัตรเต็มหมด
แนะนำว่าควรถือบัตรเครดิตเฉพาะที่จำเป็นไม่เกิน 2 บัตร ไว้สำรองเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายหรือมีโปรโมชั่นส่วนลด สะสมแต้มก็เพียงพอแล้ว ดีกว่ามีหลายใบแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ รักษาดูแลยาก หากทำตกหายอาจไม่รู้ตัว และบัตรกดเงินสด ถ้าไม่จำเป็นควรยกเลิก เพราะมีอัตราดอกเบี้ยสูงไม่เหมาะกับการใช้จ่ายหรือลงทุนในธุรกิจ เวลาตรวจสอบเครดิตบูโรก็จะมีในรายงานว่าเรามีวงเงินสินเชื่ออยู่ตามวงเงินบัตรกดเงินสดด้วย
สำหรับช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีที่ต้องมีการระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ สถาบันการเงินบางแห่งจะป้องกันไว้ในระดับหนึ่ง โดยคิดว่าหากผู้ขอกู้รายที่มีบัตรเคตดิตหลายใบหรือมีบัตรกดเงินสดที่ยังไม่ใช้ เกิดภาระเศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีรายได้ แล้วมีการใช้จ่ายบัตรเครดิตทุกใบ มีการใช้ยอดเงินบัตรเงินสด ก็จะมีความเสี่ยงที่เวลามีรายได้ออกมาแล้วหักหนี้ต่างๆ เหล่านี้แล้วจะไม่มีเงินเหลือเพียงพอต่อการชำระหนี้คืน ทำให้มองว่าผู้ที่ถือบัตรเครดิตหลายใบหรือมีบัตรกดเงินสดหลายใบ แม้จะยังไม่มียอดใช้ก็สามารถมีเสี่ยงได้หากใช้ทุกบัตรเต็มหมด
แนะนำว่าควรถือบัตรเครดิตเฉพาะที่จำเป็นไม่เกิน 2 บัตร ไว้สำรองเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายหรือมีโปรโมชั่นส่วนลด สะสมแต้มก็เพียงพอแล้ว ดีกว่ามีหลายใบแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ รักษาดูแลยาก หากทำตกหายอาจไม่รู้ตัว และบัตรกดเงินสด ถ้าไม่จำเป็นควรยกเลิก เพราะมีอัตราดอกเบี้ยสูงไม่เหมาะกับการใช้จ่ายหรือลงทุนในธุรกิจ เวลาตรวจสอบเครดิตบูโรก็จะมีในรายงานว่าเรามีวงเงินสินเชื่ออยู่ตามวงเงินบัตรกดเงินสดด้วย
แสดงความคิดเห็น
สงสัย เรื่องปิดบัตรแม้ไม่มียอดค้าง ก่อนจะทำการยื่นกู้แบงค์
พอดีกำลังจะยื่นรีไฟแนนซ์ บ้านยอดประมาณ 3.8 ล้านบาท อายุสามสิบต้นๆ ไม่มีผ่อนอะไรอีกนอกจากบ้านเงินเดือน ที่แสดงหลักฐานได้ประมาณ แสนต้นๆ
ทีนี้มีบัตรเครดิตบัตรกดเงินอยู่พอสมควร แต่ใช้จริงๆ2-3 บัตร แต่หากรวมวงเงินทุกๆบัตรแม้ไม่ได้ใช้น่าจะเกินล้าน
เลยงงว่ามีผลไหมครับ ต้องปิดใช่ไหม จริงๆว่าจะปิดนานแล้วแต่บางบัตรก็เก็บๆไว้ ไม่ได้หยิบมาใช้เลย พอมีคนบอกว่ามีผลเลยไปค้นดู เลยกังวลกลัวมีผลต่อการกู้ไม่ผ่าน