I 400 เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบิน ของญี่ปุ่น.ข้อมูลมีน้อยมาก งั้นก็ขอเขียนเท่าที่มี-แล้วเยอรมันละ มีมั้ยที่ขนเครื่องบินได้
I-400 เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบิน
เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินI-400คือสิ่งประดิษฐที่หลายๆประเทศต้องการสร้างขึ้นมาให้ได้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 โดยชาติแรกที่คิดค้นไอเดียนี้ได้คือ อังกฤษ แต่อังกฤตกลับไม่สามารถสร้างงอกมาได้สำเร็จตามที่ต้องการ ฝรั่งเศสเองก็สนใจแนวคิดนี้จึงสร้างออกมา1ลำแต่ประสิทธิภาพก็ไม่สมบูรณ์และไม่มีบทบาทอะไรในสงครามเลย เยอรมันที่สามารถสร้างตำนานฝูงหมาป่าเรือดำน้ำU-boatก้ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพราะสงครามเมื่อเร็วกว่าที่คิด แต่มีประเทศเดียวที่ประสบความสำเร็จในการนำเรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินไปใช้งาน คือ กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นความคิดการสนับสนุนโครงการนี้เริ่มขึ้นโดย พลเรือเอกยามาโมโตะ อิโซโรกุ(ภายหลังได้เลื่อนเป็นจอมพล)โดยท่านมีแนวคิดเกี่ยวกับกองเรือที่สามารถหลบซ่อนและเล็ดรอดแนวป้องกันต่างๆเพื่อที่จะโจมตีข้าศึกโดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถรู้ตัวหรือตอบโต้ได้เลย ซึ่งเรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินคือ คำตอบของคำถามนี้ เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินสามารถลอบดำน้ำผ่านการป้องกันของข้าศึกและหลบซ่อนผ่านไปได้ และสามารถโผล่ผิวน้ำโจมตีที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้ และหลังโจมตีแล้วยังสามารถหลบหนีหายไปโดยไร้ร่องรอยได้อีก นับเป็นอาวุธที่น่ากลัวในยุคนั้นเลยทีเดียวเนื่องจากมันมีผลต่อกำลังใจทหารและยังสามารถสร้างความสับสนแก่ข้าศึกได้ด้วย
ข้อมูลเฉพาะของชั้นเรือ
สร้างโดย: จักรวรรดิญี่ปุ่นจักรวรรดินาวีญี่ปุ่น
ราคา: 28,861,000 เยน/1ลำ (ราคาค่าเงินในขณะนั้นในปี 1942)
เริ่มสร้าง: 18 มกราคม 1943 - 24 กรกฎาคม 1945
ประจำการณ์: 1944-45
แผนการสร้างทั้งหมด: 18 ลำ
สร้างเสร็จ: 3 ลำ
ยกเลิก: 15
จม : 3 ลำ
ลักษณะทั่วไป
ระวางขับน้ำ: 6,560 ตันยาว (เต็มที่6,670 ตัน)
ความยาว: 122 เมตร
ความกว้าง: 12.0 เมตร (39.4 ฟุต)
กินน้ำลึก 7 เมตร
เครื่องยนต์(น้ำมัน): เครื่องยนต์ดีเซล 4 ตัว แรงขับเคลื่อน 2,250 แรงม้า (ใช้งานบนผิวน้ำ)
เครื่องยนต์(ไฟฟ้า): มอเตอร์แบตเตอร์รี่ไฟฟ้า 1,600 กิโลวัตต์ แรงขับ 2,100 แรงม้า (ใช้งานใต้ผิวน้ำ)
ความเร็ว: 18.7 น็อต (บนผิวน้ำ) 12น็อต(ใต้ผิวน้ำ)
การทดสอบความลึก: 100 เมตร (330 ฟุต)
ลูกเรือ: 144
เครื่องบินที่บรรทุก: M6A1 Seiran 3 ลำ
อาวุธประจำเรือ
-ท่อยิงตอร์ปิโด 8 ท่อยิง
-ปืนใหญ่Type1 ขนาด 14 ซม 1กระบอก.
-ปืนกลต่อต้านอากาศยาน ขนาด25มม. 3 แท่นยิง (แท่นล่ะ3กระบอก)
-ปืนกลต่อต้านอากาศยานเดี่ยวขนาด25มม. 1 กระบอก
ความสามรถของเรือ
-เรือดำน้ำI-400 สร้างส่ง-รับเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นM6A1 Seiran ได้ 3 ลำ ภายในเวลา45นาที(เตรียมการลำล่ะ7นาที)
-การโจมตีสามารถเลือกได้ทั้งหมด3แบบคือ
-ตอร์ปิโด 4 ลูก
-ระเบิด 800 กก. 3 ลูก
-ระเบิด 250 กก. 12 ลูก
credit :
https://www.facebook.com/WorldWar2JapanArmy
เรือดำน้ำลำนี้เริ่มบัญชาการสร้างโดยนายพลยามาโมโต้ แต่เสียชีวิตลงก่อนที่โครงการจะสำเร็จ
วัตถุประสงค์ของเรือดำน้ำชุดนี้คือ ลักลอบเข้าไปให้ไก้ลชายฝั่งอเมริกามากที่สุด และส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดออกไปทำลายเป้าหมายในเมือง
ขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่ง หวังจะให้พลเมืองอเมริกันหวาดกลัวต่อกองทัพญี่ปุ่น
ลำตัวเรือใช้โครงสร้างเรือดำน้ำสองลำมายึดติดกัน ทำให้สามารถแบกโรงเก็บเครื่องบินขนาดใหญ่ด้านบนได้
ตัวเครื่องบินเองก็ปรับปรุงให้พับปีกลู่หลัง แพนหางดิ่ง และแพนหางระดับพับลง
สิ่งสำคัญในการปฏิบัติการคือ ต้องใช้เวลาลอยลำเพื่อปล่อยเครื่องบินทั้งสามให้น้อยที่สุด
แต่เครื่องบินเหล่านี้ต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องประมาณยี่สิบนาทีเพื่อให้น้ำมันหล่อลื่นลดความหนืดลง
นั่นทำให้เพิ่มเวลาลอยลำมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการตรวจพบได้
I 400 เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบิน ของญี่ปุ่น.ข้อมูลมีน้อยมาก งั้นก็ขอเขียนเท่าที่มี-แล้วเยอรมันละ มีมั้ยที่ขนเครื่องบินได้
I-400 เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบิน
เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินI-400คือสิ่งประดิษฐที่หลายๆประเทศต้องการสร้างขึ้นมาให้ได้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 โดยชาติแรกที่คิดค้นไอเดียนี้ได้คือ อังกฤษ แต่อังกฤตกลับไม่สามารถสร้างงอกมาได้สำเร็จตามที่ต้องการ ฝรั่งเศสเองก็สนใจแนวคิดนี้จึงสร้างออกมา1ลำแต่ประสิทธิภาพก็ไม่สมบูรณ์และไม่มีบทบาทอะไรในสงครามเลย เยอรมันที่สามารถสร้างตำนานฝูงหมาป่าเรือดำน้ำU-boatก้ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพราะสงครามเมื่อเร็วกว่าที่คิด แต่มีประเทศเดียวที่ประสบความสำเร็จในการนำเรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินไปใช้งาน คือ กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นความคิดการสนับสนุนโครงการนี้เริ่มขึ้นโดย พลเรือเอกยามาโมโตะ อิโซโรกุ(ภายหลังได้เลื่อนเป็นจอมพล)โดยท่านมีแนวคิดเกี่ยวกับกองเรือที่สามารถหลบซ่อนและเล็ดรอดแนวป้องกันต่างๆเพื่อที่จะโจมตีข้าศึกโดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถรู้ตัวหรือตอบโต้ได้เลย ซึ่งเรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินคือ คำตอบของคำถามนี้ เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินสามารถลอบดำน้ำผ่านการป้องกันของข้าศึกและหลบซ่อนผ่านไปได้ และสามารถโผล่ผิวน้ำโจมตีที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้ และหลังโจมตีแล้วยังสามารถหลบหนีหายไปโดยไร้ร่องรอยได้อีก นับเป็นอาวุธที่น่ากลัวในยุคนั้นเลยทีเดียวเนื่องจากมันมีผลต่อกำลังใจทหารและยังสามารถสร้างความสับสนแก่ข้าศึกได้ด้วย
ข้อมูลเฉพาะของชั้นเรือ
สร้างโดย: จักรวรรดิญี่ปุ่นจักรวรรดินาวีญี่ปุ่น
ราคา: 28,861,000 เยน/1ลำ (ราคาค่าเงินในขณะนั้นในปี 1942)
เริ่มสร้าง: 18 มกราคม 1943 - 24 กรกฎาคม 1945
ประจำการณ์: 1944-45
แผนการสร้างทั้งหมด: 18 ลำ
สร้างเสร็จ: 3 ลำ
ยกเลิก: 15
จม : 3 ลำ
ลักษณะทั่วไป
ระวางขับน้ำ: 6,560 ตันยาว (เต็มที่6,670 ตัน)
ความยาว: 122 เมตร
ความกว้าง: 12.0 เมตร (39.4 ฟุต)
กินน้ำลึก 7 เมตร
เครื่องยนต์(น้ำมัน): เครื่องยนต์ดีเซล 4 ตัว แรงขับเคลื่อน 2,250 แรงม้า (ใช้งานบนผิวน้ำ)
เครื่องยนต์(ไฟฟ้า): มอเตอร์แบตเตอร์รี่ไฟฟ้า 1,600 กิโลวัตต์ แรงขับ 2,100 แรงม้า (ใช้งานใต้ผิวน้ำ)
ความเร็ว: 18.7 น็อต (บนผิวน้ำ) 12น็อต(ใต้ผิวน้ำ)
การทดสอบความลึก: 100 เมตร (330 ฟุต)
ลูกเรือ: 144
เครื่องบินที่บรรทุก: M6A1 Seiran 3 ลำ
อาวุธประจำเรือ
-ท่อยิงตอร์ปิโด 8 ท่อยิง
-ปืนใหญ่Type1 ขนาด 14 ซม 1กระบอก.
-ปืนกลต่อต้านอากาศยาน ขนาด25มม. 3 แท่นยิง (แท่นล่ะ3กระบอก)
-ปืนกลต่อต้านอากาศยานเดี่ยวขนาด25มม. 1 กระบอก
ความสามรถของเรือ
-เรือดำน้ำI-400 สร้างส่ง-รับเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นM6A1 Seiran ได้ 3 ลำ ภายในเวลา45นาที(เตรียมการลำล่ะ7นาที)
-การโจมตีสามารถเลือกได้ทั้งหมด3แบบคือ
-ตอร์ปิโด 4 ลูก
-ระเบิด 800 กก. 3 ลูก
-ระเบิด 250 กก. 12 ลูก
credit : https://www.facebook.com/WorldWar2JapanArmy
เรือดำน้ำลำนี้เริ่มบัญชาการสร้างโดยนายพลยามาโมโต้ แต่เสียชีวิตลงก่อนที่โครงการจะสำเร็จ
วัตถุประสงค์ของเรือดำน้ำชุดนี้คือ ลักลอบเข้าไปให้ไก้ลชายฝั่งอเมริกามากที่สุด และส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดออกไปทำลายเป้าหมายในเมือง
ขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่ง หวังจะให้พลเมืองอเมริกันหวาดกลัวต่อกองทัพญี่ปุ่น
ลำตัวเรือใช้โครงสร้างเรือดำน้ำสองลำมายึดติดกัน ทำให้สามารถแบกโรงเก็บเครื่องบินขนาดใหญ่ด้านบนได้
ตัวเครื่องบินเองก็ปรับปรุงให้พับปีกลู่หลัง แพนหางดิ่ง และแพนหางระดับพับลง
สิ่งสำคัญในการปฏิบัติการคือ ต้องใช้เวลาลอยลำเพื่อปล่อยเครื่องบินทั้งสามให้น้อยที่สุด
แต่เครื่องบินเหล่านี้ต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องประมาณยี่สิบนาทีเพื่อให้น้ำมันหล่อลื่นลดความหนืดลง
นั่นทำให้เพิ่มเวลาลอยลำมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการตรวจพบได้