๏ นานาพจนารถล้อม..........ชมนาง
ชื่นนุชบ่วายวาง.................จิตเคลิ้ม
จวบค่ำสุรีย์จาง..................แสงรุบ - รู่เฮย
ศรรักปักท่าวเทิ้ม................ซ่านเพี้ยงพิงสวรรค์ ฯะ ( ช้างประสานงา )
โคลงกลบท"ช้างประสานงา" พิจารณาโดยรวมเห็นว่า เพิ่มจากโคลงปกติทั่วไปคือ
ให้ซ้ำสัมผัสอักษรระว่าง "๒ คำท้ายบาทแรก" ไปยัง "๒ คำแรกของบาทถัดไป" (ไม่รวมสร้อย) จนจบสำนวน
จากโคลงข้างต้นคือ
ชมนาง-ชื่นนุช
จิตเคลิ้ม-จวบค่ำ
แสงรุบ-ศรรัก
๏ จันทร์พราวดาวเลื่อนล้อม.......ราตรี
แสงผ่องส่องพงพี..................พร่างฟ้า
ดุจเพชรเฉดมณี....................รุจีส่อง
ฝันใฝ่ใจเจิดจ้า.....................อาตม์เอื้อมชมโสม ฯะ ( สีหติกำกาม )
โคลงกลบท"สีหติกำกาม" พิจารณาโดยรวมเห็นว่า เพิ่มจากโคลงปกติทั่วไปคือ
บังคับให้ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๒,๓ ทุกบาทจนจบ
จากโคลงข้างต้นคือ
พราว,ดาว
ผ่อง,ส่อง
เพชร,เฉด
ใฝ่,ใจ
....โคลงกลบท....
๏ นานาพจนารถล้อม..........ชมนาง
ชื่นนุชบ่วายวาง.................จิตเคลิ้ม
จวบค่ำสุรีย์จาง..................แสงรุบ - รู่เฮย
ศรรักปักท่าวเทิ้ม................ซ่านเพี้ยงพิงสวรรค์ ฯะ ( ช้างประสานงา )
โคลงกลบท"ช้างประสานงา" พิจารณาโดยรวมเห็นว่า เพิ่มจากโคลงปกติทั่วไปคือ
ให้ซ้ำสัมผัสอักษรระว่าง "๒ คำท้ายบาทแรก" ไปยัง "๒ คำแรกของบาทถัดไป" (ไม่รวมสร้อย) จนจบสำนวน
จากโคลงข้างต้นคือ
ชมนาง-ชื่นนุช
จิตเคลิ้ม-จวบค่ำ
แสงรุบ-ศรรัก
๏ จันทร์พราวดาวเลื่อนล้อม.......ราตรี
แสงผ่องส่องพงพี..................พร่างฟ้า
ดุจเพชรเฉดมณี....................รุจีส่อง
ฝันใฝ่ใจเจิดจ้า.....................อาตม์เอื้อมชมโสม ฯะ ( สีหติกำกาม )
โคลงกลบท"สีหติกำกาม" พิจารณาโดยรวมเห็นว่า เพิ่มจากโคลงปกติทั่วไปคือ
บังคับให้ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๒,๓ ทุกบาทจนจบ
จากโคลงข้างต้นคือ
พราว,ดาว
ผ่อง,ส่อง
เพชร,เฉด
ใฝ่,ใจ