"งาน"ที่ตามกลับมิ้นก็มองให้มันเรื่องปกติ....
ก็เหมือนกับตอนเด็กๆ เมื่อเราเรียนที่โรงเรียนแล้วก็มีการบ้านกลับมาทำตอนเย็น โตขึ้นมาหน่อยก็มีประชุมเพื่อทำงานกลุ่มในวันหยุดบ้าง
ก็เหมือนกับที่แม่ฉันเป็นครู แต่ต่อให้กลับบ้านเขาก็มีงานเขียนแผน-ทำสื่อการสอน ต่อให้เดินอยู่ห้างสรรพสินค้า เขาก็ยังต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นครู (มิ้นๆแม่แต่งตัวเหมาะรึเปล่า ไปเดินห้างกางเกงสั้นไปไม๊ เสื้อบางไปรึเปล่าไม่โป๊ใช่ไม๊)
ก็เหมือนกับพ่อ พ่อฉันเป็นเจ้านายตัวเองไม่คิดเป็นลูกจ้างใครจึงทำงานหลายอย่าง มีความสุขกับงานที่ตัวเองเลือก ล้มเอง เจ็บเอง มีประสบการณ์เอง เมื่อเป็นเจ้านายตัวเองแล้วก็จะทำงานของตัวเองทุกวันโดยไม่มีวันหยุด คิดตลอด ฝันก็คิด ตื่นกลางดึกได้ไอเดียก็ลงมาห้องทำงาน
จำได้ไม๊ตอนก่อนที่มิ้นจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
แม่อยากให้มิ้นเลือกเรียน Logistics เพราะตลาดแรงงานมีความต้องการสูง แต่คณะนี้เป็น วทบ. มิ้นไม่ได้เรียนสายวิทย์ มิ้นเรียนสายศิลป์ มัณจะหนักไปรึเปล่า แต่แม่บอกว่ามันเป็นโอกาสนะ เพราะมีไม่กี่คนที่เรียนสายศิลป์ แต่สามารถเข้าเรียน วทบ. ได้ และอนาคตมีงานรองรับ ไม่ตกงานแน่นอน ส่วนอะไรที่มิ้นชอบ ให้ทำเป็นงานเสริม ถ้าเราชอบ เราจะเรียนรู้มันเอง
ส่วนพ่อน่ะเหรอ อยากให้มิ้นเรียนอะไรก็ได้สบายๆ แล้วก็บอกมิ้นว่า "เรียนในสิ่งที่มิ้นถนัดหรือชอบซิ งานมันคืออาชีพที่จะเลี้ยงเราไปตลอดชีวิต ไม่มีใครทำงานที่ตัวเองไม่รักได้ไปตลอดชีวิตหรอกนะ"
เราคุยเรื่องที่เรียนกันทีไรพ่อกับแม่ง้องแง่งกันทุกที เพราะทั้งคู่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเรา
ตอนที่มิ้นจบLogistic มิ้นได้เข้าทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (บริษัทที่1) เป็นค่ายรถยนต์ ตรงตามสายงานที่เรียน ทำงานชนิดที่ว่า OT แซงเงินเดือน
6.20 a.m. ขึ้นรถไปทำงานออกจากโรงงานและถึงบ้านตอนประมาณ 01.00 a.m.
ฉันฝึกงานที่นี่มา 4เดือนนะ แต่ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะออกก่อนที่ฉันจะพ้นโปรซะอีก
บอกเลยว่าเงินฉันเยอะมาก แต่ฉันแทบไม่เคยใช้มันเลย
่นี่สอนให้มิ้นรู้ว่า....เงินเป็นสิ่งจำเป็นแต่มันไม่ใช่ทุกอย่าง มันซื้อความสุขในการทำงานให้ฉันไม่ได้เลย
ที่นี่สอนให้มิ้นรู้ว่า....คนมีหลายประเภท คนบางประเภทน่าคบหา คนบางประเภทเราพบกันเพื่อใช้กรรมเท่านั้นพอ
หลังจากมิ้นลาออก มิ้นได้บริษัทที่2ทันที ถึงจะไม่ใช่ค่ายรถยนต์เหมือนบริษัทที่1 แต่ก็ยังทำงานในสายรถยนต์ โดยที่นี่เปิดโอกาสให้มิ้นได้ทำงานในสิ่งที่มิ้นบอกได้ว่า มิ้นรักงานนี้ เป็นงานผู้ช่วยผู้จัดการ เทคแคร์ลูกค้า ทำงานออกแบบการฟฟิค ถ่ายภาพ วางแพลนทริปเที่ยว เขียนเอกสารส่งหน่วยงานราชการ ผู้คนที่นี่น้อยกว่าบริษัทเก่ามาก เราอยู่กันแบบครอบครัวแบบพี่น้อง...แฮปปี้ดีนะ
ที่นี่สอนให้มิ้นรู้ว่า....มิ้นได้เจองานที่มิ้นชอบแล้ว แต่มิ้นเป็นพี่คนสาวคนโต มิ้นมีภาระทางบ้านเพิ่มขึ้นนะ มิ้นจะมาอยู่กับความสุขของตัวเองคนเดียวไม่ได้
ที่นี่สอนให้มิ้นรู้ว่า....เงินไม่ใช่ทุกอย่างแต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็น
ตอนนี้กับบริษัทปัจจุบัน ใกล้จะครบ 2ปีล่ะสำหรับที่นี่ ที่นี่กำลังสอนให้ฉันโตขึ้นและเดินไปข้างหน้าอยู่นะ
วันนี้มิ้นแค่เหนื่อยใช่ไม๊....? นอนพักเดี๋ยวก็หายนะ
คิดถึงพ่อกับแม่นะคะ
งานตามกลับบ้าน วันนี้เหนื่อย นอนพักเดี๋ยวก็หาย (แค่ระบายเฉยๆ)
ก็เหมือนกับตอนเด็กๆ เมื่อเราเรียนที่โรงเรียนแล้วก็มีการบ้านกลับมาทำตอนเย็น โตขึ้นมาหน่อยก็มีประชุมเพื่อทำงานกลุ่มในวันหยุดบ้าง
ก็เหมือนกับที่แม่ฉันเป็นครู แต่ต่อให้กลับบ้านเขาก็มีงานเขียนแผน-ทำสื่อการสอน ต่อให้เดินอยู่ห้างสรรพสินค้า เขาก็ยังต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นครู (มิ้นๆแม่แต่งตัวเหมาะรึเปล่า ไปเดินห้างกางเกงสั้นไปไม๊ เสื้อบางไปรึเปล่าไม่โป๊ใช่ไม๊)
ก็เหมือนกับพ่อ พ่อฉันเป็นเจ้านายตัวเองไม่คิดเป็นลูกจ้างใครจึงทำงานหลายอย่าง มีความสุขกับงานที่ตัวเองเลือก ล้มเอง เจ็บเอง มีประสบการณ์เอง เมื่อเป็นเจ้านายตัวเองแล้วก็จะทำงานของตัวเองทุกวันโดยไม่มีวันหยุด คิดตลอด ฝันก็คิด ตื่นกลางดึกได้ไอเดียก็ลงมาห้องทำงาน
จำได้ไม๊ตอนก่อนที่มิ้นจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
แม่อยากให้มิ้นเลือกเรียน Logistics เพราะตลาดแรงงานมีความต้องการสูง แต่คณะนี้เป็น วทบ. มิ้นไม่ได้เรียนสายวิทย์ มิ้นเรียนสายศิลป์ มัณจะหนักไปรึเปล่า แต่แม่บอกว่ามันเป็นโอกาสนะ เพราะมีไม่กี่คนที่เรียนสายศิลป์ แต่สามารถเข้าเรียน วทบ. ได้ และอนาคตมีงานรองรับ ไม่ตกงานแน่นอน ส่วนอะไรที่มิ้นชอบ ให้ทำเป็นงานเสริม ถ้าเราชอบ เราจะเรียนรู้มันเอง
ส่วนพ่อน่ะเหรอ อยากให้มิ้นเรียนอะไรก็ได้สบายๆ แล้วก็บอกมิ้นว่า "เรียนในสิ่งที่มิ้นถนัดหรือชอบซิ งานมันคืออาชีพที่จะเลี้ยงเราไปตลอดชีวิต ไม่มีใครทำงานที่ตัวเองไม่รักได้ไปตลอดชีวิตหรอกนะ"
เราคุยเรื่องที่เรียนกันทีไรพ่อกับแม่ง้องแง่งกันทุกที เพราะทั้งคู่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเรา
ตอนที่มิ้นจบLogistic มิ้นได้เข้าทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (บริษัทที่1) เป็นค่ายรถยนต์ ตรงตามสายงานที่เรียน ทำงานชนิดที่ว่า OT แซงเงินเดือน
6.20 a.m. ขึ้นรถไปทำงานออกจากโรงงานและถึงบ้านตอนประมาณ 01.00 a.m.
ฉันฝึกงานที่นี่มา 4เดือนนะ แต่ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะออกก่อนที่ฉันจะพ้นโปรซะอีก
บอกเลยว่าเงินฉันเยอะมาก แต่ฉันแทบไม่เคยใช้มันเลย
่นี่สอนให้มิ้นรู้ว่า....เงินเป็นสิ่งจำเป็นแต่มันไม่ใช่ทุกอย่าง มันซื้อความสุขในการทำงานให้ฉันไม่ได้เลย
ที่นี่สอนให้มิ้นรู้ว่า....คนมีหลายประเภท คนบางประเภทน่าคบหา คนบางประเภทเราพบกันเพื่อใช้กรรมเท่านั้นพอ
หลังจากมิ้นลาออก มิ้นได้บริษัทที่2ทันที ถึงจะไม่ใช่ค่ายรถยนต์เหมือนบริษัทที่1 แต่ก็ยังทำงานในสายรถยนต์ โดยที่นี่เปิดโอกาสให้มิ้นได้ทำงานในสิ่งที่มิ้นบอกได้ว่า มิ้นรักงานนี้ เป็นงานผู้ช่วยผู้จัดการ เทคแคร์ลูกค้า ทำงานออกแบบการฟฟิค ถ่ายภาพ วางแพลนทริปเที่ยว เขียนเอกสารส่งหน่วยงานราชการ ผู้คนที่นี่น้อยกว่าบริษัทเก่ามาก เราอยู่กันแบบครอบครัวแบบพี่น้อง...แฮปปี้ดีนะ
ที่นี่สอนให้มิ้นรู้ว่า....มิ้นได้เจองานที่มิ้นชอบแล้ว แต่มิ้นเป็นพี่คนสาวคนโต มิ้นมีภาระทางบ้านเพิ่มขึ้นนะ มิ้นจะมาอยู่กับความสุขของตัวเองคนเดียวไม่ได้
ที่นี่สอนให้มิ้นรู้ว่า....เงินไม่ใช่ทุกอย่างแต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็น
ตอนนี้กับบริษัทปัจจุบัน ใกล้จะครบ 2ปีล่ะสำหรับที่นี่ ที่นี่กำลังสอนให้ฉันโตขึ้นและเดินไปข้างหน้าอยู่นะ
วันนี้มิ้นแค่เหนื่อยใช่ไม๊....? นอนพักเดี๋ยวก็หายนะ
คิดถึงพ่อกับแม่นะคะ