ทำไม SR - ค่าตั๋วเครื่องบินและค่าเที่ยวของวันที่ 5 6 7 บริษัทจ่ายค่ะ ไปทำงาน
ทำไม CR - ค่าทุกอย่างของการเที่ยววันแรกจนถึงวันที่ 4 จ่ายเองทุกสตางค์
รายละเอียดเพิ่มเติม :
ส่วนไหนไร้สาระจะใส่ spoil นะคะ ใครอยากได้อรรถรสความมึน ความหลง ความงงพึงกดอ่าน ใครแค่อยากเห็นรูปของน่าทานก็ผ่านๆ ไปเนอะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องมันเริ่มมาจากเกาหลีมี MERS ระบาด ทำให้การท่องเที่ยวที่รุ่งเรืองมีหยุดชะงักบ้างอะไรบ้าง
พอเกาหลีกลายเป้นเขตปลอดภัยจาก MERS 100% การท่องเที่ยวเกาหลีและบริษัทเอกชนเลยร่วมด้วยช่วยกันกระตุ้นการท่องเที่ยว
โดยบริษัทของ จขกท. (ซัมซุง) ทำการซัมมอนอัญเชิญบล็อกเกอร์สายต่างๆจาก 10 ประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปเที่ยวเล่นเกาหลี และตัว จขกท. ก็มีหน้าที่ดูแลบล็อกเกอร์เหล่านั้น
แต่บริษัทส่งไปสามวันค่ะ และช่วงก่อนหน้านั้นมีวันหยุดยาวพอดี ก็เลยตัดสินใจเที่ยวเองก่อนทำงานเป็นเวลาสี่วัน เป็นที่มาของกระทู้นี้นี่เอง เอง เอง เอง เองงงงงงง
เริ่มล่ะ
ใครที่ไปเกาหลีแล้วคิดว่าอาหารเกาหลีไม่อร่อย
เราว่ามีสองเหตุผล
1. ไม่ชอบรสแบบนี้
2. ไปกะทัวร์
คือซีรีย์สโปรดเรื่องหนึ่งชื่อว่า Let's Eat
เป็นซีรีย์สทรมานกระเพาะ... คือชีกินแบบมูมมามน่าตามไปกินทุกตอน
ยิ่งดูตอนดึกๆนี่แบบว่า อูย.... นี่มันการบำเพ็ญทุกขกิริยาชัดๆนะ
ไหนๆ ก็ได้ไปเกาหลี... มีหลายมื้อที่หารับประทานตามอาเจ้ ณ Let's Eat
และกลับมาแล้วยังอยากจิไปอีกเลย ว่าจะเก็บให้ครบ
ส่วนเก็บอะไรได้บ้างลองดูคร่ะ!
================================================================
จานแรก : บิบิมบับตกหลุมอากาศ
บินจากไทยด้วยสายการบิน Asiana
อาหารในไฟลท์ เค้ามีให้เลือกสองอย่างคือข้าวหน้าปลากะอาหารเกาหลี (คือแอร์พูดแบบนี้จริงๆอะ)
ด้วยความที่อยากรู้ว่า "อาหารเกาหลี" คืออะไรเลยสั่งมา ปรากฎว่าเป็นบิบิมบับจร้าาาาา
มาพร้อมวิธีรับประทานอย่างสวยงาม.. เทข้าวใส่ผัก บีบซอส ใส่น้ำมันงา คลุกๆๆๆๆๆ
คือตอนนั้นถอดตอนแทคเลนส์แล้ว สายตาสั้นห้าร้อยกว่ามองอะไรไม่เห็นเลย ก็เลยคลุกเละเทะมากตามรูป
ออกมาอร่อยดีเพราะมีแต่ของชอบ
คือผักเยอะ ข้าว โคชูจัง กิมจิ แถมด้วยซุปร้อนๆ ที่ตอนกินลุ้นมากเนื่องจากอากาศแย่จริงๆ เครื่องบินเด้งขึ้นเด้งลงตลอด กลัวซุปราดอยู่เหมือนกัน
(ขากลับเค้าให้เลือกสองอย่าง มีบิบิมบับอีกเหมือนกัน รอบนี้ลองกินอีกอย่าง รสชาติเหมือนอาหารขึ้นเครื่องปกติ
ใครโดนให้เลือกลองบิบิมบับนะ แต่เตือนนิดว่ามันมีวิญญาณเนื้ออยู่ด้วย ใครไม่กินเนื้อโปรดหลีกเลี่ยงค่ะ
==========================================================
จานสอง : ซุปกิมจิหนังตาหย่อน
สาเหตุที่เป็นซุปกิมจิหนังตาหย่อนเพราะ..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไฟลท์แย่นิดหน่อยคือลงเครื่องมาก็เจ็ดโมงเช้าแก่ๆ
จังหวะนั้นง่วงมากเพราะ
แม้จะโชคดีได้นั่งคนเดียวติดริมหน้าต่างและมีที่นั่งว่างข้างๆถึงสองที่
แต่ในขณะที่พาดขาฟาดแขนในที่นั่งสามที่อย่างสบายอารมณ์
จังหวะที่ลุกขึ้นมาคาดเข็มขัดเพราะเครื่องเข้าสู่ช่วงอากาศแปรปรวนรอบที่สิบหก
ก็มีอาเจ้ที่ไหนไม่รู้มานอนพาดสองที่นั่งว่างข้างๆเรา
ทั้งที่เราเอาหนังสือวางแปะไว้... และมีผ้าห่มเราวางอยู่
อิเจ้!!!!!!!!
คือทั้งปวดหลังและหงุดหงิดเจ้จนคืนนั้นสรุปว่าไม่ได้นอน
พอถึงเกาหลีเลยง่วงมาก แม้จะเช่าไวไฟ ล้างหน้า แปรงฟัน ใส่คอนแทค เอาทิชชู่เปียกมาเช็ดเนื้อตัว
รวมถึงรอรถบัสและนั่งไปจนถึงย่านฮงแดที่พักของเรา ก่อนเดินขึ้นเนินลงเนินหลงงงๆอยู่พักนึง
พอไปถึงก็เพิ่งจะสิบโมงแก่ๆ... และโรงแรมเช็คอินได้บ่ายสอง
แม้จะยอมจ่ายค่า early checking ชีก็ยังไม่ยอมอยู่ดี เพราะคนเก่าเพิ่งเช็คเอ้าท์และยังไม่ได้ทำห้อง
จุดนั้นเลย..เออ...ไหนๆก็มากิน หาร้านอาหารละกัน
Staff แม้จะใจร้ายไม่ให้ check in แต่ก็แนะนำร้านอาหารเกาหลีที่เราอยากกินอย่างดิบดี แถมยังมาร์คแผนที่ใน Google Map แล้วโทรไปถามที่ร้านให้ด้วยว่าเปิดหรือยัง
สรุปเลยได้ไปกินร้านอาหารเกาหลีอารมณ์กึ่งผับ ตกแต่งดีนิดนึง
มีคุณลุงมารับออร์เดอร์ เมนูมีภาษาเกาหลีบ้างอังกฤษบ้าง เอาตัวรอดด้วยแอพ google translate ไม่ต้องพิมพ์ให้เมื่อย (เพราะจะไปพิมพ์เป็นได้ยังไงล่ะ!!!) เพียงแค่ถ่ายรูปแล้วเอานิ้วถูคำที่อยากจิให้แอพแปล ชีก็จะแปลออกมาให้เลยจร้าาา
สิ่งที่สั่งมาคือกิมจิชิเก..
อิซุปนี่เป็นสิ่งที่เราเลิฟมากตั้งแต่อยู่ไทย
แต่มีไม่กี่ร้านที่ทำได้เข้มข้นอร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำ เช่น โอโตยะ และ Dak Galbi
พอมาเกาหลีเลยขอลองของออริจินัล หวังว่าจะช่วยหนังตาหย่อนๆให้สว่างไสวขึ้นมา
ก็ได้ผลนะ... เข้มข้น อร่อย กิมจิเปรี้ยวนำเค็มตาม หมูสามชั้นเปื่อยยุ่ยละลายในปาก
ข้าวเกาหลีร้อนๆหนึบๆหยึบๆดี เครื่องเคียงที่ให้มาชอบปลาเล็กปลาน้อยเชื่อมหวาน มันตัดรสเปรี้ยวกิมจิได้อร่อยนักแล
นอกจากตาจะสว่างขึ้นแล้ว ตาก็ร้อนขึ้นมาด้วย เพราะว่า..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ว่าด้วยความเก็บกดในการกิน..
คือเราเช้าไปเร็วมาก.. สิบโมงแก่ๆ มันไม่ใช่เวลากินข้าวของใรทั้งนั้นนอกจากชั้น (ชั้นจอง) แต่ปรากฎว่า
คือเราก็ไปนั่งที่จุด A นั่งไปแป๊บนึงมีคู่รักวัยใสเดินเข้ามาในร้านที่มีเก้าอี้ประมาณสี่สิบตัว แล้วทั้งสองก็มานั่งที่... จุด C D
เออเว้ยย.. ว่างทั้งร้าน สี่สิบตัว
เธอมานั่งตรงหน้าชั้น!!!
แถมไม่ได้มานั่งเปล่าๆปลี้ๆ แค่จะอวดคนโสด ( ซึ่งเป็นผู้หญิง ซึ่งมาเที่ยวคนเดียว ซึ่งมานั่งกินข้าวตามลำพังอย่างเจียมเนื้อตัว) ว่าเธอมีแฟนกันแล้วทั้งคู่ (แปลว่าเป็นแฟนกันนั่นแหละ.. อย่างงดิ)
แต่ระหว่างที่รออาหาร..
เธอทั้งสองก็นั่งกุมมือมองตากัน ในท่านี้.. ห่างจากชั้นไม่ถึงสองเมตร
(พี่เก็ตตี้ คุณน้องยืมรูปหน่อยนะคะ คือมันใช่มันได้อารมณ์ น้องไม่ได้ใช้ในจุดประสงค์ทางการค้าค่ะ)
ต่อหน้าชั้นเธอทำอย่างงั้นได้อย่างไร... ห๋าาาา
ฆ่ากูเหอะ..
ไปเอามีดป้าแม่ครัวมาฆ่ากูเลย..
เท่านั้นไม่พอชีนั่งสอพลอ...เอ้ย...งุ้งงิ้งกันด้วยการบีบแก้มบีบจมูก...
ข้าพเจ้าซึ่งกะมานั่งชิลรอเวลาเช็คอินถึงกะอิ่มจุก
ลุง...เก็บเงินค่ะ!!!!!
สรุปมื้อนี้อิ่มอร่อยในราคา 160 บาท ราคาเท่าชา Starbucks ขนาด Tall ที่ไปนั่งกินรอเวลาเช็คอินหลังจากนั้น
=================================================================
จานสาม : ไก่เตาอบกับอปป้า
หลังจากเช็คอินเสร็จเราก็นอน (ง่วงอะ) ตื่นมาห้าโมงเย็นก็ไป เอ่อ... เข้าร้านทำผม
ทำการสระไดร์ในราคาประมาณสี่ร้อย ก็พอๆกะเมืองไทยค่ะ แต่สระนวดรอบเดียว และไดร์ดีมาก
เรียบร้อยแล้วได้เวลาของคืนแรกในการเที่ยวเกาหลีคนเดียว
สิ่งที่เราเลือกทำก็คือ.... ไปดูละครเวที ^^"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คือเป็นติ่งละครเวทีทุกเรื่องอยู่แล้ว น่ายินดีว่าที่ไทยก็มีการแสดงระดับโลกมาลงบ้าง ส่วนละครไทยดีๆ ก็มีบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่บ่อยเท่าที่อยากดูนะ
พอรู้ว่าจะได้มาเกาหลี สิ่งแรกๆที่ทำคือเช็คละครเวทีนี่แหละ
จริงๆมีส่งตรงมาจากนิวยอร์กด้วยคือ Chicago (สรุปว่ามาจากไหนแน่) แต่เคยดูแล้ว ==
เลยมาสรุปที่ละครเวทีเกาหลีออริจินั่ลที่เปิดแสดงครบ 20 ปี!! ครบยี่สิบปีนี่ไม่ใช่เล่นรอบนึงแล้วหายไปนะ แต่เล่นเรื่อยๆ แถมยังไปแสดงที่บรอดเวย์แบบจริงจังและได้รับบทวิจารณ์ที่ดีด้วย
คือเรื่อง Empress MyeongSeong
ไปดูที่ Seoul Arts Center
โรงละครที่เกาหลีมีหลายชั้นมาก ประมาณสี่ แบบเดียวกะที่เห็นในฝรั่งเศสเลย แต่ในฝรั่งเศสจะกว้างกว่า ในไทยส่วนมากจะเป็นแนวยาวมากกว่าแนวสูงแบบนี้นะ
เรื่องนี้นักแสดงดีมาก.. ร้องเล่นอลังการทุกคน คือเราที่ไม่เข้าใจภาษาเกาหลีไม่รู้สึกว่าพลาดอะไรสักอย่าง เพราะท่าทาง(นั่งไกล ไม่เห็นหน้า) น้ำเสียง ดนตรีประกอบสื่อมาให้หมดแล้ว
โดยเฉพาะตัวเอกที่เล่นเป็น empress นี่คือเสียงแบบโอเปร่า อลังม้ากกกกก เวลาเศร้าทีจะร้องไห้ตามละ
อีกเรื่องที่เด่นคือท่าเต้น.. สมเป็นเกาหลีอะ เวลาทหารเต้นหมู่มันดู broadway boyband มาก คือมันพร้อม มันสวย มันดี เริ่ดเลอมากบอกเลย คือคิดว่ามันเป็นเอกลักษณ์ละครเวทีเกาหลีมากกว่าชุด ฉาก หรืออะไรอีกนะ เพราะเรื่องพวกนั้นมันทำได้ เช่น madame butterfly ฉากญี่ปุ่นไปอยู่ไหนก็ดูญี่ปุ่นแหละ แต่อี broadway boyband (ศัพท์ชั้นเอง) นี่คือเอกลักษณ์ของชาตินะ
(ได้มารูปนึงเพราะเค้าห้ามถ่ายรูปยกเว้นตอนนักแสดงพบปะประชาชนแบบในรูปนี้)
ฉากของที่นี่ถ้าเทียบกะไทยออกแนว minimal กว่ามาก แต่ในทางกลับกันเค้าใช้ชั้นเชิงมากกว่า คือฉากหลักมีการหมุนฉากไปมาทำให้ต่อระหว่สงฉากต่อฉากได้ไวและเนียน เช่นมีคนนึงเล่นจบ ก็ไม่ต้องดับไฟเดินเข้าเวที ฉากจะหมุน ชีจะค่อยๆหายไปด้านหลัง อันใหม่ก็โผล่มากะฉากด้านหลังที่หมุนมาข้างหน้าแทนได้เลย
ส่วนชั้นเชิงที่จัดจ้านมากคือการยกเวที ตอนแรกงงว่าเวทีลอยได้เพื่ออะไรคะ ปรากฎว่าใต้เวทีมีอีกฉาก เล่นไปพร้อมๆกันเหมือนมีสองเวที
เออ..อันนี้ยอม
แต่อลังขนาดนี้ออกมาแปปเดียว รู้สึกว่าใช้ความอลังไม่คุ้มนะ
สรุปประทับใจมาก คุ้มกะการเดินทางหนึ่งชั่วโมงและเงินสามพันกว่าบาท (ราคาพอๆกะที่ไทย อันนี้นั่งบัตรเกือบแพง แพงสุดประมาณห้าพัน)
ส่วนใครไปเกาหลีแล้วอยากดูการแสดงดีๆก็ลองเข้าเวบ http://ticket.interpark.com/Global/Index.asp
คือบางอันจะเป้นการแสดงที่ส่งมาจากบรอดเวย์และต่างประเทศ บางอันก็เป็นการแสดงโปรดักชั่นเกาหลีเอง ซึ่งส่วนมากละครเวทีท่าทางมันเล่าเรื่องมากกว่า ภาษาเลยไม่ค่อยเป้นอุปสรรคสำหรับเรานะ
หลังดูละครเวทีจบรู้สึกว่าการนั่งรถไฟใต้ดินมันเหนื่อยอะ คือตอนอยู่กรุงเทพก็เป็นติ่งแท็กซี่ ไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าเลย
ความสิ้นเปลืองที่เราเลือกคือการนั่ง Uber กลับที่พัก มาเที่ยวทั้งทีชั้นขอสบายๆเหอะพลีส
แต่ปรากฎว่าคิดผิด เพราะทั้งทริปนี่นั่งแท็กซี่ตลอดค่ะ สบายดี แต่ไม่มีแท็กซี่คนไหนพูดภาษาอังกฤษได้เลย
แล้วคิดดูว่าเรียก Uber ก็ต้องคุยกะแท็กซี่ใช่มั้ย เกือบเรียกเสียเที่ยวละถ้าไม่มีอปป้าขี่ม้าขาวมาช่วย
มีอปป้าใจดี หน้าตานั่ลล๊าคคค (ขาว ตี๋ ใส่แว่น กรีสส) เห็นเราพูดภาษาอังกฤษวนไปวนมาเลยเดินมาขอโทรศัพท์ไปคุยให้จนรู้เรื่อง
แถมฮีเดินวนไปวนมาแถวนั้นคอยมาถามว่า แท็กซี่มายังๆ จนเราขึ้นแท็กซี่ได้ละเค้าก็ไป
จบ
นั่ลล๊าคคคค
ป.ล. เรียกอปป้าเพิ่มอรรถรส จริงๆดูน่าจะเด็กก่าชั้นอีก 5555
นั่ง Uber มาถึงฮงแดแล้วเดินหาอะไรกินต่อ ไปจบที่ร้านไก่เตาอบ.. สั่งมาที่นึง
อันเท่านี่!!!
คือในรูปมันก็ดูเป็นเซ็ตปกติแบบกินได้คนสองคนอะไรงี้... แต่พอมาจริงอิไก่จานนั้นมันคือไก่ทั้งตัว แล้วทอดหรืออบก็ไม่รู้ แต่น่าจะทั้งสองอย่างนะ คือชุปแป้งทอดแล้วปรุงรสอบอีกที รสชาติออกหวานไม่ค่อยถูกปากค่ะ บอนชอนอร่อยกว่า แต่ที่อร่อยสุดคืออิ "ไก่กร๊อบกรอบ" ของ The Pizza Company อันนี้มันออกเลี่ยนและไม่กรอบ กินได้ประมาณหนึ่งครัวเรือนถ้วน
แต่หน้าตาดูดีนะเราเนี่ย
ส่วนที่กินคู่กันคือซุปต็อกบกกีที่รสชาติธรรมดาแต่ดับเลี่ยนได้ดี
สรุปมื้อนี้กินเหลือเยอะมาก...เกินครึ่งนึงเลยทีเดียว
[CR][SR] Korea Let's Eat : เที่ยวคนเดียว กินคนเดียว เกาหลีแบบขี้เกียจ สิ้นเปลือง และอิ่มม้ากกกกกกกก
ทำไม CR - ค่าทุกอย่างของการเที่ยววันแรกจนถึงวันที่ 4 จ่ายเองทุกสตางค์
รายละเอียดเพิ่มเติม :
ส่วนไหนไร้สาระจะใส่ spoil นะคะ ใครอยากได้อรรถรสความมึน ความหลง ความงงพึงกดอ่าน ใครแค่อยากเห็นรูปของน่าทานก็ผ่านๆ ไปเนอะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เริ่มล่ะ
ใครที่ไปเกาหลีแล้วคิดว่าอาหารเกาหลีไม่อร่อย
เราว่ามีสองเหตุผล
1. ไม่ชอบรสแบบนี้
2. ไปกะทัวร์
คือซีรีย์สโปรดเรื่องหนึ่งชื่อว่า Let's Eat
เป็นซีรีย์สทรมานกระเพาะ... คือชีกินแบบมูมมามน่าตามไปกินทุกตอน
ยิ่งดูตอนดึกๆนี่แบบว่า อูย.... นี่มันการบำเพ็ญทุกขกิริยาชัดๆนะ
ไหนๆ ก็ได้ไปเกาหลี... มีหลายมื้อที่หารับประทานตามอาเจ้ ณ Let's Eat
และกลับมาแล้วยังอยากจิไปอีกเลย ว่าจะเก็บให้ครบ
ส่วนเก็บอะไรได้บ้างลองดูคร่ะ!
================================================================
จานแรก : บิบิมบับตกหลุมอากาศ
บินจากไทยด้วยสายการบิน Asiana
อาหารในไฟลท์ เค้ามีให้เลือกสองอย่างคือข้าวหน้าปลากะอาหารเกาหลี (คือแอร์พูดแบบนี้จริงๆอะ)
ด้วยความที่อยากรู้ว่า "อาหารเกาหลี" คืออะไรเลยสั่งมา ปรากฎว่าเป็นบิบิมบับจร้าาาาา
มาพร้อมวิธีรับประทานอย่างสวยงาม.. เทข้าวใส่ผัก บีบซอส ใส่น้ำมันงา คลุกๆๆๆๆๆ
คือตอนนั้นถอดตอนแทคเลนส์แล้ว สายตาสั้นห้าร้อยกว่ามองอะไรไม่เห็นเลย ก็เลยคลุกเละเทะมากตามรูป
ออกมาอร่อยดีเพราะมีแต่ของชอบ
คือผักเยอะ ข้าว โคชูจัง กิมจิ แถมด้วยซุปร้อนๆ ที่ตอนกินลุ้นมากเนื่องจากอากาศแย่จริงๆ เครื่องบินเด้งขึ้นเด้งลงตลอด กลัวซุปราดอยู่เหมือนกัน
(ขากลับเค้าให้เลือกสองอย่าง มีบิบิมบับอีกเหมือนกัน รอบนี้ลองกินอีกอย่าง รสชาติเหมือนอาหารขึ้นเครื่องปกติ
ใครโดนให้เลือกลองบิบิมบับนะ แต่เตือนนิดว่ามันมีวิญญาณเนื้ออยู่ด้วย ใครไม่กินเนื้อโปรดหลีกเลี่ยงค่ะ
==========================================================
จานสอง : ซุปกิมจิหนังตาหย่อน
สาเหตุที่เป็นซุปกิมจิหนังตาหย่อนเพราะ..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปเลยได้ไปกินร้านอาหารเกาหลีอารมณ์กึ่งผับ ตกแต่งดีนิดนึง
มีคุณลุงมารับออร์เดอร์ เมนูมีภาษาเกาหลีบ้างอังกฤษบ้าง เอาตัวรอดด้วยแอพ google translate ไม่ต้องพิมพ์ให้เมื่อย (เพราะจะไปพิมพ์เป็นได้ยังไงล่ะ!!!) เพียงแค่ถ่ายรูปแล้วเอานิ้วถูคำที่อยากจิให้แอพแปล ชีก็จะแปลออกมาให้เลยจร้าาา
สิ่งที่สั่งมาคือกิมจิชิเก..
อิซุปนี่เป็นสิ่งที่เราเลิฟมากตั้งแต่อยู่ไทย
แต่มีไม่กี่ร้านที่ทำได้เข้มข้นอร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำ เช่น โอโตยะ และ Dak Galbi
พอมาเกาหลีเลยขอลองของออริจินัล หวังว่าจะช่วยหนังตาหย่อนๆให้สว่างไสวขึ้นมา
ก็ได้ผลนะ... เข้มข้น อร่อย กิมจิเปรี้ยวนำเค็มตาม หมูสามชั้นเปื่อยยุ่ยละลายในปาก
ข้าวเกาหลีร้อนๆหนึบๆหยึบๆดี เครื่องเคียงที่ให้มาชอบปลาเล็กปลาน้อยเชื่อมหวาน มันตัดรสเปรี้ยวกิมจิได้อร่อยนักแล
นอกจากตาจะสว่างขึ้นแล้ว ตาก็ร้อนขึ้นมาด้วย เพราะว่า..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปมื้อนี้อิ่มอร่อยในราคา 160 บาท ราคาเท่าชา Starbucks ขนาด Tall ที่ไปนั่งกินรอเวลาเช็คอินหลังจากนั้น
=================================================================
จานสาม : ไก่เตาอบกับอปป้า
หลังจากเช็คอินเสร็จเราก็นอน (ง่วงอะ) ตื่นมาห้าโมงเย็นก็ไป เอ่อ... เข้าร้านทำผม
ทำการสระไดร์ในราคาประมาณสี่ร้อย ก็พอๆกะเมืองไทยค่ะ แต่สระนวดรอบเดียว และไดร์ดีมาก
เรียบร้อยแล้วได้เวลาของคืนแรกในการเที่ยวเกาหลีคนเดียว
สิ่งที่เราเลือกทำก็คือ.... ไปดูละครเวที ^^"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังดูละครเวทีจบรู้สึกว่าการนั่งรถไฟใต้ดินมันเหนื่อยอะ คือตอนอยู่กรุงเทพก็เป็นติ่งแท็กซี่ ไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าเลย
ความสิ้นเปลืองที่เราเลือกคือการนั่ง Uber กลับที่พัก มาเที่ยวทั้งทีชั้นขอสบายๆเหอะพลีส
แต่ปรากฎว่าคิดผิด เพราะทั้งทริปนี่นั่งแท็กซี่ตลอดค่ะ สบายดี แต่ไม่มีแท็กซี่คนไหนพูดภาษาอังกฤษได้เลย
แล้วคิดดูว่าเรียก Uber ก็ต้องคุยกะแท็กซี่ใช่มั้ย เกือบเรียกเสียเที่ยวละถ้าไม่มีอปป้าขี่ม้าขาวมาช่วย
มีอปป้าใจดี หน้าตานั่ลล๊าคคค (ขาว ตี๋ ใส่แว่น กรีสส) เห็นเราพูดภาษาอังกฤษวนไปวนมาเลยเดินมาขอโทรศัพท์ไปคุยให้จนรู้เรื่อง
แถมฮีเดินวนไปวนมาแถวนั้นคอยมาถามว่า แท็กซี่มายังๆ จนเราขึ้นแท็กซี่ได้ละเค้าก็ไป
จบ
นั่ลล๊าคคคค
ป.ล. เรียกอปป้าเพิ่มอรรถรส จริงๆดูน่าจะเด็กก่าชั้นอีก 5555
นั่ง Uber มาถึงฮงแดแล้วเดินหาอะไรกินต่อ ไปจบที่ร้านไก่เตาอบ.. สั่งมาที่นึง
อันเท่านี่!!!
คือในรูปมันก็ดูเป็นเซ็ตปกติแบบกินได้คนสองคนอะไรงี้... แต่พอมาจริงอิไก่จานนั้นมันคือไก่ทั้งตัว แล้วทอดหรืออบก็ไม่รู้ แต่น่าจะทั้งสองอย่างนะ คือชุปแป้งทอดแล้วปรุงรสอบอีกที รสชาติออกหวานไม่ค่อยถูกปากค่ะ บอนชอนอร่อยกว่า แต่ที่อร่อยสุดคืออิ "ไก่กร๊อบกรอบ" ของ The Pizza Company อันนี้มันออกเลี่ยนและไม่กรอบ กินได้ประมาณหนึ่งครัวเรือนถ้วน
แต่หน้าตาดูดีนะเราเนี่ย
ส่วนที่กินคู่กันคือซุปต็อกบกกีที่รสชาติธรรมดาแต่ดับเลี่ยนได้ดี
สรุปมื้อนี้กินเหลือเยอะมาก...เกินครึ่งนึงเลยทีเดียว
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว