ใครๆก็ไปได้ดูวิวภูเขาไฟฟูจิ แต่เราจะไปดูวิวจากยอดภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นเพื่อดูแสงแรกของวันจากบนนั้น
เกริ่นก่อนว่า ยอดเขาฟูจิเป็นที่นิยมทั้งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากมีความเชื่อว่าครั้งนึงต้องพิชิตยอดเขาเพื่อขอพรให้กับชีวิตจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนยอดเขา ภูเขาฟูจิมีความสูงที่ 3,776 เมตรจากระดับน้ำทะเล ฟูจิจะเปิดให้ปีนถึงยอดเขาช่วงหน้าร้อนตั้งแต่เดือน กรกฎาคมและสิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่มีอากาศไม่เย็นจัดจนเกินไป และเส้นทางที่จะพิชิตมีด้วยกันทั้งหมด 4 เส้นทาง คือ Yoshida Trail , Subashiri Trail , Gotemba Trail และ Fujinomiya Trail และเส้นทางที่เราจะไปในวันนี้คือ Yoshida Trail
เรามาเริ่มกับการเตรียมอุปกรณ์ระหว่างการเดินขึ้นมีตามนี้ครับ
- รองเท้าปีนเขา/เดินป่า
- เสื้อกันฝน
- เสื้อกันหนาวที่สามารถกันลมได้
- ไฟฉาย/ไฟฉายคาดหัว
- น้ำดื่มติดตัว 1.5ลิตร ขึ้นไป
- ขนมให้ความหวาน (Kitkat / Chocolate)
- ถุงขยะ ด้านบนจะไม่มีถังขยะให้นะครับนักท่องเที่ยวทุกคนต้องแบกขยะลงมาเอง
- Trekking Pole หรือไม้ค้ำสำหรับเดินป่า
- ยาสามัญทั่วไป
- เงินนิดหน่อย เพราะข้างบนมีร้านขายของแต่ราคาจะแพงกว่าข้างล่างครับ
การมาพิชิตฟูจิควรตรวจสอบสภาพอากาศระหว่างที่มาด้วยนะครับ ถ้ามีพายุ ทุกคนต้องเข้าไปหลบในกระท่อมจนกว่าพายุจะผ่านไปห้ามฝืนปีนระหว่างพายุนะครับอันตรายมาก เช็คสภาพอากาศได้ตามเว็บไซต์นี้ครับ
http://www.mountain-forecast.com/peaks/Fuji-san/forecasts/3776
Yoshida Trail จุดเริ่มต้นของเรานั้นจะเริ่มที่ Fuji-Subaru 5TH station ความสูงที่ 2,305 เมตร เส้นทางนี้ดูว่าจะเป็นที่นิยมที่สุดใน 4 เส้นทาง จะเป็นการเดินขึ้นจากทางทิศเหนือของภูเขาไฟฟูจิ เส้นนี้ค่อนข้างจะลาดและมีที่กระท่อมค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับเส้นทางอื่น
สำหรับการเดินทางไปฟูจินั้นเราเลือกเดินทางจาก Tokyo โดยใช้รถบัสจากสถานีชินจูกุ Shinjuku Highway Bus Terminal นั่งยาวถึง Fuji-Subaru 5TH station เลยครับ ค่าโดยสารต่อ 1 ขาคือ 2,700เยน และสามารถจองล่วงหน้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และดูตารางการเดินรถได้ตามเว็บไซต์นี้ครับ www.highwaybus.com
หลังจากนั่งรถยาว 2ชม กว่าๆรถพาเรามาถึง Fuji Subaru 5TH station หลังจากลงจากรถบัสสิ่งแรกที่รู้สึกคืออุณหภูมิแตกต่างจากโตเกียวโดยสิ้นเชิงประมาณ 23-25องศา ณ วันที่เราไปคือวันที่ 14 กรกฎาคม รถบัสจะจอดใกล้ๆกับร้านอาหารและจะมีป้อมเล็กๆสำหรับขายตั๋วเดินทางกลับ Shinjuku Highway Bus Terminal
5th station จะมีนักปีนเขาจากหลากหลายประเทศรวมทั้งคนอยู่ญี่ปุ่นเองมาเตรียมพร้อมสำหรับการพิชิตยอดอยู่ มีร้านขายของสำหรับนักปีนเขา เสื้อกันหนาวเสื้อกันฝน ของกินของใช้ระหว่าง หากใครลืมอะไรสามารถหาได้แถวนั้น หรือใครไม่อยากเอาอะไรขึ้นไปสามารถใช้บริการ Locker ได้วันละ 300Yen (เราเอาขาตั้งกล้องไปฝากไว้ ตัดสินใจว่าจะไม่แบกขันไป)
ไปถึง 5th station ตอนประมาณ 4 โมงนิดๆ แต่เราจะเริ่มออกเดินตอน 2ทุ่มครึ่ง ทำให้เรามีเวลาว่างก่อนประมาณ 4 ชั่วโมง เดินเล่นที่ชั้น5จะมีวัด Fujiyama Komitake shrineอยู่
ไหว้พระขอพรเสร็จเราเดินไปหา Information เพื่อสอบถามและขอแผ่นพับสำหรับการเดินขึ้นมา Informationแนะนำให้เราเดินขึ้นตั้งแต่ตอนที่ยังมีแสงและไปพักที่กระท่อมด้านบน ตื่นเช้าค่อยเดินขึ้นยอดแต่ต้องเสียค่าที่พักพร้อมอาหารคนละ 7800Yen ซึ่งเราก็ไม่อยากเสียค่าที่พักและเราได้หาข้อมูลมาแล้วว่าสามารถเลี่ยงค่าที่พักมหาโหดได้โดยการเดินขึ้นข้ามคืน พนง บอกเราว่าเขาไม่แนะนำเพราะมีคนตายทุกๆปีแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะห้ามไม่ให้เราเดินได้เหมือนกันซึ่งถ้าจะไปก็ Take your own risk เอาละกัน เวลาที่ใช้ในการเดินขึ้นขึ้นอยู่กับบุคคลครับแต่โดยส่วนมากจะใช้เวลาในการเดินขึ้นทั้งหมด7ชั่วโมงและลงอีก4ชั่วโมงครับ พระอาทิตย์ขึ้นเวลาประมาณตี4ครึ่ง หลังคุยเสร็จเราเดินเข้าร้านขายของฝากร้านโน่นร้านนี่ไปเรื่อยรอเวลาจนพระอาทิตย์เริ่มตกดิน และนั้นยิ่งทำให้เรารู้ว่าใกล้ถึงเวลาเริ่มของเราเข้าทุกทีทุกที
แผ่นพับ :
http://www.fujisan-climb.jp/en/m3oati00000046zu-att/yoshida2015_English.pdf
บริเวณที่เราไปนั่งกินข้าวเย็น และนั่งคอยเวลาที่จะออกเดิน
จนในที่สุดก็ถึงเวลา 2 ทุ่ม เราเตรียมตัวเข้าห้องน้ำห้องท่าเตรียมตัวเตรียมอุปกรณ์ครั้งสุดท้ายก่อนออกเดิน ของกินครบ น้ำครบ ยืดไม้ Trekking Pole สวมไฟฉายคาดหัวพร้อม
เราเริ่มออกเดินประมาณเวลา 2ทุ่ม 20นาที ก่อนทางเดินขึ้นจะมีให้บริจาคเงิน 1,000 Yen เหมือนเป็นค่าธรรมเนียมการขึ้น จะบริจาคก็ได้ไม่บริจาคก็ได้ เราบริจาคไป ได้เข็มกลัดฟูจิและได้ Password Wifi สำหรับการเชื่อมต่อ Internet ที่จุดพักมา ข้างบนมี Wifi Free น่าจะทุก Station เลยครับแต่เราไม่ได้ใช้เพราะเราเช่า Pocket WifiของY-Mobile อยู่แล้วและมีสัญญาณเกือบทุกStationเลยเช่นกัน จะขาดๆหายๆบ้างระหว่างทางจาก Station ไปอีก Station นึง
เริ่มเดินจาก 5th station เป็นทางมืดๆมาซักพัก จะเป็นทางเรียบแนวเขา ด้านซ้ายจะเป็นวิวของเมืองยามค่ำคืน
เดินมาเรื่อยๆ ถึง Stationที่6 แวะนั่งพัก กินน้ำ
ช่วงระหว่าง Station ที่ 6 ถึง Staion ที่ 7 จะเป็นหินกรวดลื่นบ้างนิดหน่อย และจะมีช่วงที่ต้องปีน(ใช้มือทั้งสองข้างปีน)ด้วยเช่นกัน พนงที่Informationบอกว่าระหว่างทางชั้น 6->7 เป็นชั้นที่ยากที่สุด และใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเดินจาก6ไป7
ย้อนกลับมาดูที่แผ่นพับและป้ายบอกความสูง จะมีระยะทางและระยะเวลาที่เหลือที่จะใช้ถึงยอดบอกอยู่ตลอดทาง เราสามารถคำนวนเวลาที่เราจะขึ้นถึงยอดฟูจิได้จาก2อย่างนี้ ทั้งนี้เราควรจะขึ้นให้ถึงยอดฟูจิก่อนเวลาตี 4 เพื่อทันดูแสงแรกของวันจากยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
เดินขึ้นมาเรื่อยๆผ่านความมืดจนถึง Station ที่ 8 อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ความเหนื่อยเริ่มมาเยือนบ้างเล็กน้อย เราหยิบKitkatที่เตรียมมากินเพิ่มพลัง
หลังจากชั้น 8 ลมจะแรงมาก อุณหภูมิลดต่ำลง ณ ตอนนั้นน่าจะประมาณ 5-7องศา แต่ผสานเข้ากับลมอีกน่าจะเหลือไม่เกิน 2-3 องศา เรียกว่าหนาวจัดเลยทีเดียว
เราเดินฝ่าความหนาวข้ามคืนจนไปหยุดที่สถานที่ 8.5 แป๊ปนึงเพื่อแวะซื้อ Oxygen กระป๋องเนื่องจากอากาศเบาบางและแสบจมูกนิดหน่อย(ผมดั๊นเป็นหวัดช่วงไปปีน) Oxygenกระป๋องนี่จะช่วยเรื่อง ป้องกันการหายใจเร่งรีบ หมดเรี่ยวแรง และปีนเขาที่สูงๆอากาศน้อยๆนะครับ ซื้อติดไว้เวลาเหนื่อยมากช่วยได้นะครับ
ราคาของด้านบน
เดินต่อถึงสถานีที่ 9 แวะพักครู่นึงและเดินต่อไปยังยอด แต่ช่วงก่อนที่จะถึงยอดอาจจะเผชิญปัญหาคนติดหน่อยครับ เหมือนรถติดแหละครับแถวเรียงหนึ่ง ต่อคิวกันขึ้นยอด แต่ ณ เวลานั้นแสงเริ่มขึ้นแล้วทำให้เราและฝรั่งต้องเดินออกนอกเส้นทางเล็กน้อยเพื่อที่จะรีบขึ้นไปถึงยอดให้ทันแสงแรก
เราถึงยอดฟูจิเวลาประมาณตี4นิดๆทันแสงแรกของวันพอดี
ระหว่างที่รอพระอาทิตย์ขึ้นนั้นเหลือบไปเห็นชาวต่างชาติติดธงชาติอเมริกาไว้บน Trekking Pole เราคนไทยมีเหรอจะยอมหยิบธงไทยในกระเป๋าที่เตรียมไปผูก Trekking Pole และโบกสบัดอยู่บนยอดเขาฟูจิวันที่ 15 กค 2015 !
และหลังจากนั้นไม่นาน พระอาทิตย์เริ่มแสดงตัวออกมาจากเมฆทีละนิดละนิด
ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เผยตัวมันช่างสวยงามจริงๆครับ เราจะสามารถมองเห็นแนวเขาที่สลับซับซ้อนกันพร้อมด้วยเมฆหมอกและแสงประกายจากพระอาทิตย์ได้แค่ช่วงเวลาเช้าและเย็นเท่านั้น แสงแรกของวันจากยอดเขาฟูจิทำให้ความเหนื่อยของเราหายไปในทันทีเลยครับ
ทีนี้เราหันหลังกลับมาดูบริเวณปากปล่องกันบ้าง ปากปล่องยังคงมีหิมะหลงเหลืออยู่นิดหน่อย
หลังจากถ่ายรูปปากปล่องเสร็จก็หันไปถ่ายรูปแนวเขาอีกซักรูปหลังจากพระอาทิตย์ขึ้นมาได้ระดับนึงแล้ว
บนยอดจะมีเพลิงขายอาหารและเครื่องดื่มร้อนให้นักท่องเที่ยวได้กินข้าวเช้า จิบน้ำอุ่นๆร้อนๆ เพื่อคลายความหนาวกันครับ เราไม่รอช้าสั่งชาเขียวร้อนมานั่งฟินกันทันที
เพิ่มเติมนะครับ Fujiจะมีไม้ไว้สำหรับค้ำเพื่อช่วยในการเดินขาย มีทั้งแบบยาวและแบบสั้น สามารถซื้อมาใช้หรือเก็บเป็นที่ระลึกได้ และนำมาปั้มไฟในสถานีต่างๆได้ครับ โดยค่าปั้มต่อ1ครั้งประมาณ 300yen ครับ ไม้สามารถหาซื้อได้ตั้งแต่ที่ คาวาฟูจิโกะ หรือชั้น5 ก็มีครับ
หลังจากนั่งพักเสร็จ ก็ถึงเวลาที่จะลง ขาลงจะเป็นคนลงทางกับขาขึ้นนะครับ ขาลงจะเป็นทางเดินลาดลงซิกแซ๊กตั้งแต่ยอดเขาจนถึงข้างล่างเลย แต่ขาลงผมว่าค่อนข้างโหดกว่าขาขึ้นเพราะทางลงเป็นหินกรวดที่เหยียบไปแล้วจะหยุบตัวหน่อยทำให้ลื่นนิดๆครับ ต้องเกร็งเข่าและขากันพอสมควรเลย แต่ก็ยังมีวิวอลังการข้างๆตลอดทางให้ชื่นชมนะครับ ตอนขาขึ้นเราไม่เห็นเพราะมันมืดมาก
ระหว่างทางเราคิดตลอดว่าเขาแบกน้ำแบกอาหารขึ้นไปขายที่ยอดได้ยังไงจนมาเจอรถที่เป็นล้อตีนตะขาบสวนขึ้นไป
รถส่งเสบียงจะขับสวนขึ้นมาทางที่เราใช้ลงจากยอดฟูจิ เพราะจะเป็นทางลาดตลอดทางรถตีนตะขาบสามารถขึ้นได้
เราใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมงครึ่งถึง4ชั่วโมง จากยอดฟูจิลงมาถึง Fuji Subaru 5th Staion ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าวเช้า
และจองรถเพื่อกลับ Shinjuku Highway Bus Terminal ราคา ตารางเดินรถ และการสำรองที่นั่งตามลิ้งนี้ครับ www.highwaybus.com
เราหลับกันตลอดทางจนถึง Shinjuku , Tokyo และก็เป็นการจบทริปสำหรับการพิชิตยอดเขาฟูจิ ยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นของเรา
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ รีวิวแรกบน Pantip เลยครับ ยังไงมาร่วมติชมด้วยนะครับ
และขอฝากเพจ Facebook ไว้มาพูดคุยกันครับ
https://www.facebook.com/panutcjourney
ครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิ [ไม่พักค้างคืน]
ใครๆก็ไปได้ดูวิวภูเขาไฟฟูจิ แต่เราจะไปดูวิวจากยอดภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นเพื่อดูแสงแรกของวันจากบนนั้น
เกริ่นก่อนว่า ยอดเขาฟูจิเป็นที่นิยมทั้งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากมีความเชื่อว่าครั้งนึงต้องพิชิตยอดเขาเพื่อขอพรให้กับชีวิตจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนยอดเขา ภูเขาฟูจิมีความสูงที่ 3,776 เมตรจากระดับน้ำทะเล ฟูจิจะเปิดให้ปีนถึงยอดเขาช่วงหน้าร้อนตั้งแต่เดือน กรกฎาคมและสิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่มีอากาศไม่เย็นจัดจนเกินไป และเส้นทางที่จะพิชิตมีด้วยกันทั้งหมด 4 เส้นทาง คือ Yoshida Trail , Subashiri Trail , Gotemba Trail และ Fujinomiya Trail และเส้นทางที่เราจะไปในวันนี้คือ Yoshida Trail
ภาพประกอบจาก http://www.fujisan-climb.jp/
เรามาเริ่มกับการเตรียมอุปกรณ์ระหว่างการเดินขึ้นมีตามนี้ครับ
- รองเท้าปีนเขา/เดินป่า
- เสื้อกันฝน
- เสื้อกันหนาวที่สามารถกันลมได้
- ไฟฉาย/ไฟฉายคาดหัว
- น้ำดื่มติดตัว 1.5ลิตร ขึ้นไป
- ขนมให้ความหวาน (Kitkat / Chocolate)
- ถุงขยะ ด้านบนจะไม่มีถังขยะให้นะครับนักท่องเที่ยวทุกคนต้องแบกขยะลงมาเอง
- Trekking Pole หรือไม้ค้ำสำหรับเดินป่า
- ยาสามัญทั่วไป
- เงินนิดหน่อย เพราะข้างบนมีร้านขายของแต่ราคาจะแพงกว่าข้างล่างครับ
การมาพิชิตฟูจิควรตรวจสอบสภาพอากาศระหว่างที่มาด้วยนะครับ ถ้ามีพายุ ทุกคนต้องเข้าไปหลบในกระท่อมจนกว่าพายุจะผ่านไปห้ามฝืนปีนระหว่างพายุนะครับอันตรายมาก เช็คสภาพอากาศได้ตามเว็บไซต์นี้ครับ http://www.mountain-forecast.com/peaks/Fuji-san/forecasts/3776
Yoshida Trail จุดเริ่มต้นของเรานั้นจะเริ่มที่ Fuji-Subaru 5TH station ความสูงที่ 2,305 เมตร เส้นทางนี้ดูว่าจะเป็นที่นิยมที่สุดใน 4 เส้นทาง จะเป็นการเดินขึ้นจากทางทิศเหนือของภูเขาไฟฟูจิ เส้นนี้ค่อนข้างจะลาดและมีที่กระท่อมค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับเส้นทางอื่น
สำหรับการเดินทางไปฟูจินั้นเราเลือกเดินทางจาก Tokyo โดยใช้รถบัสจากสถานีชินจูกุ Shinjuku Highway Bus Terminal นั่งยาวถึง Fuji-Subaru 5TH station เลยครับ ค่าโดยสารต่อ 1 ขาคือ 2,700เยน และสามารถจองล่วงหน้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และดูตารางการเดินรถได้ตามเว็บไซต์นี้ครับ www.highwaybus.com
หลังจากนั่งรถยาว 2ชม กว่าๆรถพาเรามาถึง Fuji Subaru 5TH station หลังจากลงจากรถบัสสิ่งแรกที่รู้สึกคืออุณหภูมิแตกต่างจากโตเกียวโดยสิ้นเชิงประมาณ 23-25องศา ณ วันที่เราไปคือวันที่ 14 กรกฎาคม รถบัสจะจอดใกล้ๆกับร้านอาหารและจะมีป้อมเล็กๆสำหรับขายตั๋วเดินทางกลับ Shinjuku Highway Bus Terminal
5th station จะมีนักปีนเขาจากหลากหลายประเทศรวมทั้งคนอยู่ญี่ปุ่นเองมาเตรียมพร้อมสำหรับการพิชิตยอดอยู่ มีร้านขายของสำหรับนักปีนเขา เสื้อกันหนาวเสื้อกันฝน ของกินของใช้ระหว่าง หากใครลืมอะไรสามารถหาได้แถวนั้น หรือใครไม่อยากเอาอะไรขึ้นไปสามารถใช้บริการ Locker ได้วันละ 300Yen (เราเอาขาตั้งกล้องไปฝากไว้ ตัดสินใจว่าจะไม่แบกขันไป)
ไปถึง 5th station ตอนประมาณ 4 โมงนิดๆ แต่เราจะเริ่มออกเดินตอน 2ทุ่มครึ่ง ทำให้เรามีเวลาว่างก่อนประมาณ 4 ชั่วโมง เดินเล่นที่ชั้น5จะมีวัด Fujiyama Komitake shrineอยู่
ไหว้พระขอพรเสร็จเราเดินไปหา Information เพื่อสอบถามและขอแผ่นพับสำหรับการเดินขึ้นมา Informationแนะนำให้เราเดินขึ้นตั้งแต่ตอนที่ยังมีแสงและไปพักที่กระท่อมด้านบน ตื่นเช้าค่อยเดินขึ้นยอดแต่ต้องเสียค่าที่พักพร้อมอาหารคนละ 7800Yen ซึ่งเราก็ไม่อยากเสียค่าที่พักและเราได้หาข้อมูลมาแล้วว่าสามารถเลี่ยงค่าที่พักมหาโหดได้โดยการเดินขึ้นข้ามคืน พนง บอกเราว่าเขาไม่แนะนำเพราะมีคนตายทุกๆปีแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะห้ามไม่ให้เราเดินได้เหมือนกันซึ่งถ้าจะไปก็ Take your own risk เอาละกัน เวลาที่ใช้ในการเดินขึ้นขึ้นอยู่กับบุคคลครับแต่โดยส่วนมากจะใช้เวลาในการเดินขึ้นทั้งหมด7ชั่วโมงและลงอีก4ชั่วโมงครับ พระอาทิตย์ขึ้นเวลาประมาณตี4ครึ่ง หลังคุยเสร็จเราเดินเข้าร้านขายของฝากร้านโน่นร้านนี่ไปเรื่อยรอเวลาจนพระอาทิตย์เริ่มตกดิน และนั้นยิ่งทำให้เรารู้ว่าใกล้ถึงเวลาเริ่มของเราเข้าทุกทีทุกที
แผ่นพับ : http://www.fujisan-climb.jp/en/m3oati00000046zu-att/yoshida2015_English.pdf
จนในที่สุดก็ถึงเวลา 2 ทุ่ม เราเตรียมตัวเข้าห้องน้ำห้องท่าเตรียมตัวเตรียมอุปกรณ์ครั้งสุดท้ายก่อนออกเดิน ของกินครบ น้ำครบ ยืดไม้ Trekking Pole สวมไฟฉายคาดหัวพร้อม
เราเริ่มออกเดินประมาณเวลา 2ทุ่ม 20นาที ก่อนทางเดินขึ้นจะมีให้บริจาคเงิน 1,000 Yen เหมือนเป็นค่าธรรมเนียมการขึ้น จะบริจาคก็ได้ไม่บริจาคก็ได้ เราบริจาคไป ได้เข็มกลัดฟูจิและได้ Password Wifi สำหรับการเชื่อมต่อ Internet ที่จุดพักมา ข้างบนมี Wifi Free น่าจะทุก Station เลยครับแต่เราไม่ได้ใช้เพราะเราเช่า Pocket WifiของY-Mobile อยู่แล้วและมีสัญญาณเกือบทุกStationเลยเช่นกัน จะขาดๆหายๆบ้างระหว่างทางจาก Station ไปอีก Station นึง
เริ่มเดินจาก 5th station เป็นทางมืดๆมาซักพัก จะเป็นทางเรียบแนวเขา ด้านซ้ายจะเป็นวิวของเมืองยามค่ำคืน
เดินมาเรื่อยๆ ถึง Stationที่6 แวะนั่งพัก กินน้ำ
ช่วงระหว่าง Station ที่ 6 ถึง Staion ที่ 7 จะเป็นหินกรวดลื่นบ้างนิดหน่อย และจะมีช่วงที่ต้องปีน(ใช้มือทั้งสองข้างปีน)ด้วยเช่นกัน พนงที่Informationบอกว่าระหว่างทางชั้น 6->7 เป็นชั้นที่ยากที่สุด และใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเดินจาก6ไป7
ย้อนกลับมาดูที่แผ่นพับและป้ายบอกความสูง จะมีระยะทางและระยะเวลาที่เหลือที่จะใช้ถึงยอดบอกอยู่ตลอดทาง เราสามารถคำนวนเวลาที่เราจะขึ้นถึงยอดฟูจิได้จาก2อย่างนี้ ทั้งนี้เราควรจะขึ้นให้ถึงยอดฟูจิก่อนเวลาตี 4 เพื่อทันดูแสงแรกของวันจากยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
เดินขึ้นมาเรื่อยๆผ่านความมืดจนถึง Station ที่ 8 อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ความเหนื่อยเริ่มมาเยือนบ้างเล็กน้อย เราหยิบKitkatที่เตรียมมากินเพิ่มพลัง
หลังจากชั้น 8 ลมจะแรงมาก อุณหภูมิลดต่ำลง ณ ตอนนั้นน่าจะประมาณ 5-7องศา แต่ผสานเข้ากับลมอีกน่าจะเหลือไม่เกิน 2-3 องศา เรียกว่าหนาวจัดเลยทีเดียว
เราเดินฝ่าความหนาวข้ามคืนจนไปหยุดที่สถานที่ 8.5 แป๊ปนึงเพื่อแวะซื้อ Oxygen กระป๋องเนื่องจากอากาศเบาบางและแสบจมูกนิดหน่อย(ผมดั๊นเป็นหวัดช่วงไปปีน) Oxygenกระป๋องนี่จะช่วยเรื่อง ป้องกันการหายใจเร่งรีบ หมดเรี่ยวแรง และปีนเขาที่สูงๆอากาศน้อยๆนะครับ ซื้อติดไว้เวลาเหนื่อยมากช่วยได้นะครับ
เดินต่อถึงสถานีที่ 9 แวะพักครู่นึงและเดินต่อไปยังยอด แต่ช่วงก่อนที่จะถึงยอดอาจจะเผชิญปัญหาคนติดหน่อยครับ เหมือนรถติดแหละครับแถวเรียงหนึ่ง ต่อคิวกันขึ้นยอด แต่ ณ เวลานั้นแสงเริ่มขึ้นแล้วทำให้เราและฝรั่งต้องเดินออกนอกเส้นทางเล็กน้อยเพื่อที่จะรีบขึ้นไปถึงยอดให้ทันแสงแรก
เราถึงยอดฟูจิเวลาประมาณตี4นิดๆทันแสงแรกของวันพอดี
ระหว่างที่รอพระอาทิตย์ขึ้นนั้นเหลือบไปเห็นชาวต่างชาติติดธงชาติอเมริกาไว้บน Trekking Pole เราคนไทยมีเหรอจะยอมหยิบธงไทยในกระเป๋าที่เตรียมไปผูก Trekking Pole และโบกสบัดอยู่บนยอดเขาฟูจิวันที่ 15 กค 2015 !
และหลังจากนั้นไม่นาน พระอาทิตย์เริ่มแสดงตัวออกมาจากเมฆทีละนิดละนิด
ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เผยตัวมันช่างสวยงามจริงๆครับ เราจะสามารถมองเห็นแนวเขาที่สลับซับซ้อนกันพร้อมด้วยเมฆหมอกและแสงประกายจากพระอาทิตย์ได้แค่ช่วงเวลาเช้าและเย็นเท่านั้น แสงแรกของวันจากยอดเขาฟูจิทำให้ความเหนื่อยของเราหายไปในทันทีเลยครับ
ทีนี้เราหันหลังกลับมาดูบริเวณปากปล่องกันบ้าง ปากปล่องยังคงมีหิมะหลงเหลืออยู่นิดหน่อย
หลังจากถ่ายรูปปากปล่องเสร็จก็หันไปถ่ายรูปแนวเขาอีกซักรูปหลังจากพระอาทิตย์ขึ้นมาได้ระดับนึงแล้ว
บนยอดจะมีเพลิงขายอาหารและเครื่องดื่มร้อนให้นักท่องเที่ยวได้กินข้าวเช้า จิบน้ำอุ่นๆร้อนๆ เพื่อคลายความหนาวกันครับ เราไม่รอช้าสั่งชาเขียวร้อนมานั่งฟินกันทันที
เพิ่มเติมนะครับ Fujiจะมีไม้ไว้สำหรับค้ำเพื่อช่วยในการเดินขาย มีทั้งแบบยาวและแบบสั้น สามารถซื้อมาใช้หรือเก็บเป็นที่ระลึกได้ และนำมาปั้มไฟในสถานีต่างๆได้ครับ โดยค่าปั้มต่อ1ครั้งประมาณ 300yen ครับ ไม้สามารถหาซื้อได้ตั้งแต่ที่ คาวาฟูจิโกะ หรือชั้น5 ก็มีครับ
หลังจากนั่งพักเสร็จ ก็ถึงเวลาที่จะลง ขาลงจะเป็นคนลงทางกับขาขึ้นนะครับ ขาลงจะเป็นทางเดินลาดลงซิกแซ๊กตั้งแต่ยอดเขาจนถึงข้างล่างเลย แต่ขาลงผมว่าค่อนข้างโหดกว่าขาขึ้นเพราะทางลงเป็นหินกรวดที่เหยียบไปแล้วจะหยุบตัวหน่อยทำให้ลื่นนิดๆครับ ต้องเกร็งเข่าและขากันพอสมควรเลย แต่ก็ยังมีวิวอลังการข้างๆตลอดทางให้ชื่นชมนะครับ ตอนขาขึ้นเราไม่เห็นเพราะมันมืดมาก
ระหว่างทางเราคิดตลอดว่าเขาแบกน้ำแบกอาหารขึ้นไปขายที่ยอดได้ยังไงจนมาเจอรถที่เป็นล้อตีนตะขาบสวนขึ้นไป
รถส่งเสบียงจะขับสวนขึ้นมาทางที่เราใช้ลงจากยอดฟูจิ เพราะจะเป็นทางลาดตลอดทางรถตีนตะขาบสามารถขึ้นได้
เราใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมงครึ่งถึง4ชั่วโมง จากยอดฟูจิลงมาถึง Fuji Subaru 5th Staion ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าวเช้า
และจองรถเพื่อกลับ Shinjuku Highway Bus Terminal ราคา ตารางเดินรถ และการสำรองที่นั่งตามลิ้งนี้ครับ www.highwaybus.com
เราหลับกันตลอดทางจนถึง Shinjuku , Tokyo และก็เป็นการจบทริปสำหรับการพิชิตยอดเขาฟูจิ ยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นของเรา
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ รีวิวแรกบน Pantip เลยครับ ยังไงมาร่วมติชมด้วยนะครับ
และขอฝากเพจ Facebook ไว้มาพูดคุยกันครับ https://www.facebook.com/panutcjourney