เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่น หลายคนคงนึกถึงสถานที่ ยอดฮิตที่สำคัญอย่างภูเขาไฟฟูจิ ที่แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวหลายแสนคนมาดื่มด่ำบรรยากาศ และถ่ายรูปสวยๆ จากมุมไกลๆ กลับบ้านไป ทว่าหากจะถามถึงมุมใกล้ๆ เช่นการได้ไปสัมผัสถึงยอดภูเขานั้น ยังไม่ได้เป็นที่คุ้นชินสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยมากนัก ฉะนั้นโอกาสที่จะได้เห็นดูวิวจากบนยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่นที่มีความสูง 3,776 m. แห่งนี้ ก็มีไม่เยอะเช่นกัน
การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ทีแรกเราตั้งใจไปกันแค่ "5 วัน 4 คืน" เพราะได้ตั๋วราคาถูกจากสายการLowcost เรากะว่าจะไปแบบชิวๆ ปีนฟูจิแบบเต็มที่ชมวิวให้คุ้ม แต่หลังจากที่เรากำลังหาข้อมูลเพื่อปีนฟูจิอยู่ เรากลับได้ไปเจออีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจนั่นคือ Mt. Kitadake ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น (3,193 m.) รองจากฟูจิ และที่สำคัญบนยอดของ Mt. Kitadake ยังสามารถมองเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย ทำให้แพลนของเรากลับต้องเปลี่ยนไปนิดหน่อย นั่นก็คือครั้งนี้จะไม่ใช่แค่ Mt. Fuji แค่ลูกเดียวที่เราจะปีนอีกแล้ว Mt. Kitadake คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เราจะไปพิชิต
ทีนี้ปัญหาเกิด!!!! เนื่องจากเรามีเวลา"แค่ 5 วัน" แต่ต้องการขึ้นให้ถึงยอดเขาที่สูงที่สุด 2 ทั้งยอด และในเมื่อความต้องการที่จะไปกับเวลาที่เรามีไม่สอดคล้องกัน การวางแผนทริปแบบบ้าๆ บังคับตัวเองให้เดินขึ้นเขาติดกันแบบไม่พักจึงเกิดขึ้น!!!!!!
ความรู้เล็กน้อยๆๆ ที่ใครหลายคนอาจจะรู้อยู่แล้ว
ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ — อันนี้แล้วแต่งบประมาณของแต่ละคนเลย ราคาไปญี่ปุ่นหน้าร้อนไม่แพงมากอยู่แล้ว ช่วงที่เราไป เราเปรียบเทียบราคาแล้วเจอราคาโปรโมชั่น สำหรับตั๋วไป-กลับ DMK-NRT ในราคาไม่ถึง 7,000 บาท โดยขาไปเป็นสายการบิน Scoot (B787–9) ไม่ใช่ Nokscoot นะ ส่วนขากลับเป็นสายการบิน Thai Air Asia X (A330–300)
Sim Card
ปัจจุบันมีตัวเลือกเยอะมาก ทั้ง Packet WIFI, Sim roaming ของค่ายต่างๆ แต่ทริปนี้เรายังคงใช้ AIS Sim2fly เหมือนทุกครั้ง ซึ่งยังคงใช้ได้ดีตลอดการเดินทาง แม้จะบน Mt.Kitadake หรือ Mt.Fuji ก็ตาม
สิ่งที่ต้องเตรียม
- เสื้อผ้าปกติ ของใช้ส่วนตัว อันนี้ไม่ต้องบอกก็ต้องเตรียมไปอยู่ละเนอะ
- เต๊นท์ ถุงนอน แผ่นปูรองนอน สำหรับคนที่อยากประหยัดค่าที่พักควรเอาไป (เนื่องจากค่าที่พักที่ Hut ทั้ง 2 ยอด แพงมาก ไม่เฉพาะค่าที่พัก แต่ทุกอย่างแพงหมด)
- เสื้อกันหนาว เสื้อกันลม เสื้อกันฝน เตรียมไปโลด บนยอดอากาศเปลี่ยนแปลงได้ตลอด (เราเจอทั้งลมทั้งฝน โดยเฉพาะบนยอดฟูจิซัง ลมแรงมากๆ ตัวแทบปลิว)
- ถุงมือ นอกจากกันหนาว กันลม แล้ว ทั้ง 2 ที่มีปีนแน่นอน เตรียมไปเถอะ
- ไฟฉายคาดหัว (ถ้าคิดว่าจะเดินรั้งท้ายแบบเรา เตรียมไปเลย เพราะกว่าจะถึง Hut ก็มองไม่เห็นทางแล้ว)
- Trekking Pole เอาไว้ใช้ตอนขาลงทั้ง 2 ที่ ถ้าเข่าเดี้ยงไปตั้งแต่ที่แรก ไม่ได้ขึ้นยอดที่สองแน่ๆ
- ที่กันหินเข้ารองเท้า (Gaiter)ใช้สำหรับขาลงที่ฟูจิซัง เป็นหินภูเขาไฟล้วนๆ เราไม่ได้เอาไป ต้องคอยเขย่ารองเท้าตลอด ไม่โอเค
- ขนม อาหารให้พลังงานต่างๆ แล้วแต่คน ไปซื้อที่โน้นเอาก็ยังได้
และ 2 อย่างสุดท้าย สำคัญที่สุด
- ร่างกาย ถ้าคิดจะไปทั้ง 2 ยอดใน 3 วัน ออกกำลังกายไปบ้าง ไม่งั้นไม่ไหวแน่
- ใจ ร่างกายไม่ค่อยไหวแต่ใจสู้ ยังไงก็ถึง เชื่อเรา
[CR] เมื่อคิดว่าจะพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุด 2 อันดับแรกของญี่ปุ่นให้ได้ภายใน 3 วัน (Mt. Kitadake — Mt. Fuji)
การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ทีแรกเราตั้งใจไปกันแค่ "5 วัน 4 คืน" เพราะได้ตั๋วราคาถูกจากสายการLowcost เรากะว่าจะไปแบบชิวๆ ปีนฟูจิแบบเต็มที่ชมวิวให้คุ้ม แต่หลังจากที่เรากำลังหาข้อมูลเพื่อปีนฟูจิอยู่ เรากลับได้ไปเจออีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจนั่นคือ Mt. Kitadake ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น (3,193 m.) รองจากฟูจิ และที่สำคัญบนยอดของ Mt. Kitadake ยังสามารถมองเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย ทำให้แพลนของเรากลับต้องเปลี่ยนไปนิดหน่อย นั่นก็คือครั้งนี้จะไม่ใช่แค่ Mt. Fuji แค่ลูกเดียวที่เราจะปีนอีกแล้ว Mt. Kitadake คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เราจะไปพิชิต
ทีนี้ปัญหาเกิด!!!! เนื่องจากเรามีเวลา"แค่ 5 วัน" แต่ต้องการขึ้นให้ถึงยอดเขาที่สูงที่สุด 2 ทั้งยอด และในเมื่อความต้องการที่จะไปกับเวลาที่เรามีไม่สอดคล้องกัน การวางแผนทริปแบบบ้าๆ บังคับตัวเองให้เดินขึ้นเขาติดกันแบบไม่พักจึงเกิดขึ้น!!!!!!
ความรู้เล็กน้อยๆๆ ที่ใครหลายคนอาจจะรู้อยู่แล้ว
ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ — อันนี้แล้วแต่งบประมาณของแต่ละคนเลย ราคาไปญี่ปุ่นหน้าร้อนไม่แพงมากอยู่แล้ว ช่วงที่เราไป เราเปรียบเทียบราคาแล้วเจอราคาโปรโมชั่น สำหรับตั๋วไป-กลับ DMK-NRT ในราคาไม่ถึง 7,000 บาท โดยขาไปเป็นสายการบิน Scoot (B787–9) ไม่ใช่ Nokscoot นะ ส่วนขากลับเป็นสายการบิน Thai Air Asia X (A330–300)
Sim Card
ปัจจุบันมีตัวเลือกเยอะมาก ทั้ง Packet WIFI, Sim roaming ของค่ายต่างๆ แต่ทริปนี้เรายังคงใช้ AIS Sim2fly เหมือนทุกครั้ง ซึ่งยังคงใช้ได้ดีตลอดการเดินทาง แม้จะบน Mt.Kitadake หรือ Mt.Fuji ก็ตาม
สิ่งที่ต้องเตรียม
- เสื้อผ้าปกติ ของใช้ส่วนตัว อันนี้ไม่ต้องบอกก็ต้องเตรียมไปอยู่ละเนอะ
- เต๊นท์ ถุงนอน แผ่นปูรองนอน สำหรับคนที่อยากประหยัดค่าที่พักควรเอาไป (เนื่องจากค่าที่พักที่ Hut ทั้ง 2 ยอด แพงมาก ไม่เฉพาะค่าที่พัก แต่ทุกอย่างแพงหมด)
- เสื้อกันหนาว เสื้อกันลม เสื้อกันฝน เตรียมไปโลด บนยอดอากาศเปลี่ยนแปลงได้ตลอด (เราเจอทั้งลมทั้งฝน โดยเฉพาะบนยอดฟูจิซัง ลมแรงมากๆ ตัวแทบปลิว)
- ถุงมือ นอกจากกันหนาว กันลม แล้ว ทั้ง 2 ที่มีปีนแน่นอน เตรียมไปเถอะ
- ไฟฉายคาดหัว (ถ้าคิดว่าจะเดินรั้งท้ายแบบเรา เตรียมไปเลย เพราะกว่าจะถึง Hut ก็มองไม่เห็นทางแล้ว)
- Trekking Pole เอาไว้ใช้ตอนขาลงทั้ง 2 ที่ ถ้าเข่าเดี้ยงไปตั้งแต่ที่แรก ไม่ได้ขึ้นยอดที่สองแน่ๆ
- ที่กันหินเข้ารองเท้า (Gaiter)ใช้สำหรับขาลงที่ฟูจิซัง เป็นหินภูเขาไฟล้วนๆ เราไม่ได้เอาไป ต้องคอยเขย่ารองเท้าตลอด ไม่โอเค
- ขนม อาหารให้พลังงานต่างๆ แล้วแต่คน ไปซื้อที่โน้นเอาก็ยังได้
และ 2 อย่างสุดท้าย สำคัญที่สุด
- ร่างกาย ถ้าคิดจะไปทั้ง 2 ยอดใน 3 วัน ออกกำลังกายไปบ้าง ไม่งั้นไม่ไหวแน่
- ใจ ร่างกายไม่ค่อยไหวแต่ใจสู้ ยังไงก็ถึง เชื่อเรา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้