"การนำสิ่งใดก็ตามมาทำให้มีความสัมพันกับความศรัธาต่อ อัลลอฮ์ เป็นการสร้างภาคี หรือ เป็นชริก อย่างแน่นอน"

กระทู้คำถาม
สวัสดีเพื่อนๆสมาชิกห้องศาสนาทุกๆท่านและทุกๆความศรัทธา วันนี้ พาหลานสาววัย 3 ขวบ มานั่งดูผู้คนเขาเล่นน้ำทะเลกัน, ขณะที่นั่งอยู่ที่หาดทราย (ไม่ไกลจาก Miami, Florida เท่าใดนัก), มองไปรอบๆ ชมธรรมชาติ ที่สวยงาม ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ในรูปแบบต่างๆกันทำให้ เกิดความมหัศจรรย์ในหัวใจ ถึงพลานุภาพขององค์ผู้สร้างจักรวาล ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง, เมื่อกลับเข้าบ้านแล้ว ก็เลยค้นหาข้อเขียนที่เกี่ยวกับ หลักการยึดถือศรัทธาเอกพลานุภาพ ผู้สร้างสรรพสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตรวมทั้งธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนโลกใบนี้.......

ได้พบข้อความตอนหนึ่งในบทความเรื่องThe Oneness of Allah (Tawheed) By Prof. Dr. Umar S. Al-Ashqar

    บทความนี้ ทำให้ผมหวนกลับไปคิดถึงเรื่องการจูบและสัมผัสหินดำ  ในกะบะอ์ ในนครมักกะห์ ในสังคมมุสสลิมที่ยังมีการจูบและแย่งกันสัมผัสหินดำกันอยู่  จากเรื่องราวที่เกี่ยวกับหินดำ, จากฮาดีษต่างๆที่ได้รับการรับรองความแท้จริงจากผู้รู้มุสลิมในระดับและสมัยต่างๆ จนถึงในปัจจุบัน   พอที่จะเข้าใจได้ว่า ผู้ที่เชื่อถือในฮาดีษ ยืนยันว่า ท่านรอซูลมูฮัมมัด รู้เรื่องราวของ หินดำนี้เป็นอย่างดี ดังต่อไปนี้...

1.จากฮาดีษ เราทราบว่า ท่านรอซูลมูฮัมมัด ทราบว่า; หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ

2.จากฮาดีษ เราทราบว่า รอซูลมูฮัมมัด ทราบว่า; แท้จริงแล้วหินดำนี้คือการสาบานของอัลลอฮฺในโลกนี้

3.จากฮาดีษ เราทราบว่า รอซูลมูฮัมมัด ทราบว่า; แท้จริงสำหรับหินดำนี้มีลิ้นและมี2ริมฝีปาก มันจะเป็นพยานให้กับผู้ที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ด้วยความสัจจริง

4.จากฮาดีษ เราทราบว่า รอซูลมูฮัมมัด ทราบว่า; สำหรับหินดำนี้มีลิ้น,และมี2ริมฝีปาก มันจะเป็นพยานให้กับผู้ที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ด้วยความสัจจริง

5.จากฮาดีษ เราทราบว่า รอซูลมูฮัมมัด ทราบว่า;  3957 - إنّ مَسْحَ الحَجَرِ الأسْوَدِ والرُّكْنِ اليَمانِي يَحُطَّانِ الخطايا حط
                                                             "แท้จริง การสัมผัสหินดำและมุมยามานีย์ ทั้งสองจะทำให้บาปร่วงแน่นนอน"

6.จากฮาดีษ เราทราบว่า รอซูลมูฮัมมัด ทราบว่า; ท่านร่อซู้ลฯ จูบหินดำ ด้วยเหตุผล ว่า หินดำเป็นหินอันประเสริฐ แน่นอนได้มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัรได้กล่าวว่า ท่านร่อซู้ลได้เรียกร้องให้จูบหินดำ ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ได้จูบหินดำพร้อมกับร้องไห้อยู่นาน ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ผินออกมา แล้วท่านอุมัรก็ร้องไห้ แล้วท่านร่อซู้ลก็กล่าวว่า ?อุมัรเอ๋ย! ณ ที่นี่แหละที่น้ำตาได้ถูกหลั่งไหล?

  ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นสัจธรรมของบรรดามุสลิมผู้ที่ยึดถือฮาดีษเคียงคู่ไปกับอัลกุรอาน และ ศรัทธาต่อศาสนาอิสลาม โดยอ้างว่า พวกเขานับถือพระเจ้าองค์เดียว

(สำหรับมุสลิมที่ยึดอัลกุรอานเป็นหลัก โปรดเข้าใจด้วยว่า "ไม่มีหลักฐานในอัลกุรอานว่าท่านรอซูลมูฮัมมัดและอัลลอฮ์ตะอาลาได้รับรองหรือรับรู้ในบรรดาฮาดีษต่างๆที่อ้างอิงในกระทู้นี้ เป็นเพียงการคาดคะเณของนักวิชาการทางฮาดีษเท่านั้น)

จากบทความเรื่อง:

The Oneness of Allah (Tawheed)

By Prof. Dr. Umar S. Al-Ashqar

http://www.wisdom.edu.ph/IS201-Tawheed-Aqeedah/Tawheed/Tawhid1a.htm

จากบทความตามลิ้งค์ ข้างบนนี้พบว่า "การนำสิ่งใดก็ตามมามีความสัมพันกับความศรัธาต่อ อัลลอฮ์ เป็นการสร้างภาคี หรือ เป็นชริก"

  "สิ่งที่เกี่ยวข้องกับอัลลอฮ์ ไม่จำเป็นต้องได้รับการยกย่องในฐานะเท่าเทียมกับอัลลอฮ์ในทุกๆด้าน ในการ ที่จะถูก นับว่า เป็นการทำชิริก "ตามชารีอะฮ์", คนที่เรียกว่า มุชริกนั้น เพียงแต่ ถ้าเขาเชื่อว่าใคร หรือวัตถุ อะไร ให้มีความเกี่ยวพันเป็นพันธมิตรของอัลอฮ์ แม้ว่าเขาจะนับถือว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นที่สองรอง มาจาก อัลลอฮ์ ในแง่ของอำนาจ และ ความรู้ก็ตาม"

26. ซูเราะหฺ อัชชุอะรออ์ (บท เหล่ากวี) บัญญัติ ท่ 97-98
"ขอสาบานต่ออัลลอฮ์แท้จริงพวกเราอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง,เนื่องจากพวกเราทำให้
พวกเจ้าเท่าเทียมกับ พระเจ้าแห่งสากลโลก"


ปล.ผมแนะนำให้มุสลิมและสมาชิกที่สนใจได้อ่าน บทความนี้เพื่อการเข้าใจอิสลามให้ถูกต้อง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่