เรื่องสั้น...คนเดินทาง (ตอน ห้าเกลอเจอกานนะจ๊ะบุรี)

กระทู้สนทนา
คนเดินทาง
ตอน...กาญจนบุรี (5เกลอเจอกานนะจ๊ะบุรี)

เป็นเวลาตีห้ากว่าของเช้าวันเสาร์ ท่ามกลางสภาพอากาศเย็นยะเยือก เหตุจากความชื้นเหนือผืนน้ำผืนกว้างเบื้องหน้า น้ำชาก้มลงมองไอกาแฟสีขาว ที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่น เธอยกแก้วขึ้นเป่าไอนั้นสองสามครั้งก่อนค่อยๆ ยกขึ้นจิบไปทีละนิด เสียงคลื่นน้ำกระทบลำไม้ไผ่ใต้ฝ่าเท้าเบาๆ เป็นจังหวะ หญิงสาวตั้งใจฟังเสียงนั้นมาสักพัก ตั้งแต่พระจันทร์ยังลอยเด่น สาดแสงลงมากระทบผิวน้ำ จนกระทั่งพระจันทร์ดวงเดิมลอยลับหายไปหลังดงโกงกางอีกฝั่งหนึ่งของเขื่อน แต่หากเมื่อมองไปด้านหลัง แสงแรกของวันกำลังส่องประกายขึ้นมาแทนที่ น้ำชาก้มลงจิบกาแฟเป็นครั้งที่สอง กาแฟที่เคยร้อนจัดกำลังอุ่นมือพอดี

"ไม่หลับไม่นอนนะเอ็ง อย่าลืมว่าวันนี้โปรแกรมแน่นนะ" เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง พร้อมด้วยเจ้าตัวมายืนบิดขี้เกียจอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวจัดการกับกาแฟหยดสุดท้าย ก่อนหันไปยิ้มให้

"จะไปไหนบ้างล่ะท่าน เรายังไม่ได้ดูโปรแกรมเลยว่ะ"  เสียงนั้นตอบกลับไปอย่างไม่ยินดียินร้ายกับแผนการท่
องเที่ยวในวันนี้มากนัก

"ก็เก็บให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะไปได้แหละ อีกสองเดือนจะเปิดให้จองทัวร์แล้ว เก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด ที่เหลือค่อยว่ากัน ไอ้จิ๊บ ไอ้ป๊อบ ไอ้นัท ช่วยกันวางแพลนคร่าวๆ แล้วล่ะ ไล่ไปเรื่อยๆ จากตรงนี้ บางทีอาจเลยไปฝั่งพม่า นอนสังขละฯ กันสักคืน พรุ่งนี้บ่ายๆ ค่อยย้อนกลับมาแถวไทรโยค" น้ำเสียงคนข้างๆ เริ่มจริงจังขึ้น

"ก็ตามนั้น..." น้ำชาตอบพลาง นำแก้วกาแฟวางไว้บนโต๊ะใกล้ประตู "ดำน้ำ ปีนเขา ล่องแก่ง พายเรือ เดินป่า ขึ้นเขาลงห้วยกันที่ไหนก็ได้ตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ต่อให้ท่านลากเราไปเนปาลเหมือนครั้งก่อนก็ยังได้นะ"

"แหม่ เรื่องตั้งแต่ปีมะโว้ กะพูดกันยันหลานบวช ปากก็ทำเป็นบ่น แต่เห็นไม่เคยจะขัด กี่ทริปต่อกี่ทริป ก็เห็นมีรูปคุณน้ำชาตลอดนะขอรับ ว่าแต่จะหาโปรโมชั่นอย่างทริปเนปาลนี่คงยากแล้วล่ะ ถ้าเอ็งพลาดครั้งนั้น รับรองว่ากว่าจะได้ไป อีกนาน...." เสียงนั้นลากยาวแสดงให้เห็นว่าอีกนานโข ชายหนุ่มในวัยยี่สิบหกหย่อนๆ ใช้มือผลักหัวเพื่อนสาววัยเดียวกันอย่างสนิทสนม จนอีกคนค้อนขวับ

"เออ..." น้ำชาตอบก่อนกำหมัดต่อยต้นแขนอีกคนเบาๆ ด้วยอารมณ์ 'หมั่นไส้' แต่ในใจก็เห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนสนิททุกอย่าง...จริงสินะ...น้ำชาถอนหายใจเบาๆ เมื่อนึกถึงสถานที่ในความทรงจำ ที่พังลงอย่างน่าใจหาย เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เธอกลับ เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ก็ทำให้สิ่งที่อยู่ใน memory card ของทริป '5เกลอรักเธอนะเนปาล' เปลี่ยนไปจนยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ในขณะเดียวกันนั้น 'เพื่อนร่วมชะตากรรม' อีกสามคนก็เข้ามาสมทบ

"พร้อมจะลุยกันรึยัง คุณหนูน้ำชา ไอ้ก้อง" นัทเดินมาตบไหล่เพื่อนทั้งสอง ขณะนั้นเป็นเวลาหกโมงกว่า ทัศนียภาพรอบกายชัดเจนขึ้น ผืนน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แสงตะวันยามเช้าส่องกระทบลอนคลื่นเล็กๆ เกิดเป็นประกายระยิบระยับ

"ข้าขอเก็บภาพอีกนิดนึง บรรยากาศที่นี่ไม่เลวเลยว่ะ พวกเอ็งว่าแพที่นี่พอจะรวมไปในแพ็คเกตทัวร์ได้ป่ะวะ"
ก้องพูดพลางยกกล้องถ่ายรูปคู่ใจขึ้นมาเก็บภาพอย่างที่เคยทำทุกครั้ง เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างลงความเห็นว่า ฝีมือการถ่ายภาพของเขาคู่ควรแล้วกับคำว่า...ช่างภาพมืออาชีพ

"ข้าว่าราคาก็เป็นมิตรดีนะท่าน วิวสวย อากาศดี แต่ความสะดวกสบายนี่ ลำบากใจที่จะให้ผ่านว่ะ ไม่เชื่อถามคุณหนูดูดิ ยังไม่ได้นอนเลยมั้งนั่น เสียงตุ๊กแกเมื่อคืนช่างหลอนดีแท้" ป๊อบออกความคิดเห็น พร้อมหันไปทางเพื่อนสาว น้ำชาส่งเสียง 'หึ' ในลำคอเบาๆ ตอบกลับมา

"ข้าขอประเมินหลังอาหารเช้าดีกว่า แต่มื้อดึกเมื่อคืน บอกตรงๆ ว่าเสียดายตังค์ว่ะ" นัทเสนอขึ้นมาอีกคน "จิ๊บกับชาล่ะ พวกแกคิดว่าไง พวกข้าเป็นผู้ชายยังพอรับได้ แต่ไม่แน่ใจว่าเอ็งสองคนจะคิดยังไง"

"ไม่ดีพอสำหรับที่พักของลูกทัวร์ ทั้งอาหารและเครื่องอำนวยความสะดวก ขอพูดตรงๆ เหมือนกัน" จิ๊บตอบกลับไปและอดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหนคนถาม "ถ้าเมื่อคืนไม่มัวแต่เถียงกัน เราคงได้ที่พักที่ดีกว่านี้"

"เอาเหอะจิ๊บ ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร กับแค่ไม่มีทีวี น้ำมีกลิ่น อาหารไม่อร่อย แย่กว่านี้พวกเราก็ยังเคยเจอมาแล้ว..."

น้ำชาตอบกลับไปยังไม่จบ ก็มีเสียงคนที่เหลือแทรกมาเสียก่อน

"เราไม่ได้เลือกที่นอนผิด แต่เราค้นพบรีสอร์ตที่ไม่สมควรอยู่ในลิสต์ของเราต่างหาก"

สิ้นเสียงนั้นทุกคนต่างก็หัวเราะออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อคุณหนูน้ำชาคิดจะยกปรัชญาของนักคิดค้นชื่อดังมากล่าว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก...และก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

เป็นเวลากว่าสองปีที่ชาว 'ห้าเกลอ' วางแผนจะเปิดบริษัททัวร์ ทั้งห้าคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมปลาย ก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละมหาวิทยาลัยหลังเรียนจบ ป๊อบ นัท และจิ๊บ เลือกเรียนต่อในสาขาการจัดการการท่องเที่ยว คนหนึ่งเป็นพนักงานโรงแรมระดับห้าดาว ส่วนอีกสองคนเป็นมัคคุเทศก์หรือไกด์นำเที่ยวอย่างที่เคยตั้งใจ ก้องเลือกเรียนวิศวกรรมยานยนต์ แต่อาชีพปัจจุบันคือช่างภาพอิสระ ส่วนน้ำชาตำแหน่งปัจจุบันคือเภสัชกรประจำในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ถึงแม้จะแยกย้ายกันไป แต่ทั้งห้าคนก็รวมตัวกันได้ทุกครั้งเมื่อจัดกระเป๋าพร้อม...ครั้งนี้ก็เช่นกัน

หลังจากก้องเก็บภาพจนพอใจ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระและอาบน้ำ ใช้เวลาไม่นานนัก ทุกคนก็เตรียมพร้อมสำหรับอาหารเช้า

"ข้าว่าหิ้วท้องไปหาไรกินข้างหน้าดีกว่าว่ะ ต้มข่าแก่เมื่อคืนยังหลอนไม่หาย สั่งต้มข่าไก่ คนไปคนมาเจอแต่ข่าแก่" นัทเสนอความคิดเห็นระหว่างเดินไปตามสะพานไม้ไผ่มุ่งหน้าเข้าสู่ฝั่ง ตามประสามัคคุเทศก์ผู้ชำนาญการ เขาจะไม่ยอมเสียเงินหรือเวลาไปกับสิ่งที่คิดว่า ไม่คุ้มค่า

ก้องไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เพื่อนเสนอมามากนัก เขายังคงกวาดสายตาไปรอบๆ พร้อมยกกล้องขึ้นมาเป็นระยะๆ ระยะทางกว่าร้อยเมตรทำให้ช่างภาพของห้าเกลอ เก็บภาพไปได้อีกพอสมควร

"บรรยากาศที่นี่จัดว่าดีมากเลยนะ เสียดายเรื่องที่พักกับอาหาร" ก้องพูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะแสดงความคิดเห็นอะไร แต่คนที่เหลือก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน เพราะเดินมาถึงฝั่งพอดี

จุดทานอาหารเช้าของรีสอร์ตเป็นอาคารไม้เก่ายกสูง มีระเบียงยื่นออกไปริมเขื่อน แต่สูงขึ้นมาเกือบสิบเมตร จากจุดนี้ทุกคนสามารถชมวิวทิศทัศน์ของเขื่อนศรีนครินทร์ และแพที่พักที่ทอดยาวไปจากฝั่งหลายร้อยเมตรได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ก้องอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมา กดชัตเตอร์แบบไม่ยั้ง ทิวทัศน์เมื่ออยู่บนแพว่าสวยแล้ว แต่เมื่อมาอยู่ ณ จุดนี้ นี่คือภาพที่ไม่ได้จำกัดแค่คำว่าสวยงาม แต่เหมือนมีมนต์ขลังบางอย่าง สะกดให้สายตาทุกคู่จับจ้องไปอย่างไม่รู้เบื่อ

"สวรรค์..." เสียงนัทพึมพำในลำคอเบาๆ

"สวยว่ะ..." เสียงจิ๊บดังขึ้นมาอีกคน

ในขณะที่สายตาทั้งห้าคู่กำลังโดนมนต์สะกด เสียงพนักงานก็ดังขึ้นมาทักทาย พร้อมยื่นเมนูอาหารมาให้

"สวัสดีค่ะ อันนี้รายการอาหารเช้านะคะคุณ"

เงียบ...

"หวังว่าคงจะพอหลับกันได้นะคะ..." พนักงานคนเดิมยังคงพูดต่อ แต่ไม่มีเสียงตอบรับเช่นเคย

ก้องซึ่งกำลังเก็บภาพอย่างไม่ลดละ ลดกล้องลงพลางหันกลับไปหากลุ่มเพื่อน ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานวัยกลางคนของรีสอร์ต

"ขอบคุณครับ พอดีพวกผมต้องรีบออก คงไปหาอะไรง่ายๆ ทานกันข้างหน้าครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ที่ต้อนรับพวกผมตอนดึกๆ แถมยังต้องปลุกแม่ครัวมาทำอาหารให้ตอนตีสองอีก" ก้องพูดไปตามที่ตกลงกับเพื่อนๆ ก่อนหน้านี้

"ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจนะพ่อหนุ่ม ที่พักที่นี่อาจจะไม่สะดวกสบาย แต่ป้าก็อยากให้ทุกคนที่มา สัมผัสได้จริงๆ ว่าการนอนบนแพของจริงน่ะ...มันเป็นยังไง"

"การอาศัยอยู่บนแพ ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนโรงแรมห้าดาวใช่ไหมครับ..." ก้องยิ้มตอบรับพนักงานวัยกลางคน "คุณป้าทำถูกแล้วครับ...ทุกที่ที่ผมไปมักมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่นี่อาจไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก แต่ก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ เพราะผมคงไม่ดูทีวีหรือเล่นโทรศัพท์ ในขณะที่รอบข้างผมสวยงามขนาดนี้" ก้องพูดพลางส่งยิ้มกว้าง หากตารางการสำรวจไม่ได้วางไว้ก่อน เขาคงเสนอให้พักที่นี่อีกคืน รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก

สี่คนที่เหลือยังคงกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างไม่รู้เบื่อ จิ๊บกางแขนออกรับลมเย็นที่พัดขึ้นมา พลางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ป๊อบหยิบโทรศัพท์มือถือมาเก็บภาพโดยไม่สนว่าจะมีแบตเตอรี่เหลืออยู่เท่าไหร่ นัทและน้ำชายังคงนิ่งราวกับจะยืนอยู่อย่างนั้นไปอีกนานแสนนาน...

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ในที่สุดทริป '5เกลอเจอกานนะจ๊ะบุรี' ก็สิ้นสุดลง นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงของวันอาทิตย์ ทั้งห้าเหยียดเท้าขึ้นจากน้ำแล้วสูดอากาศเข้าเต็มปอดอีกครั้ง พวกเขานั่งเรียงแถวห้าบนสะพานไม้ไผ่ แกว่งเท้าไปมาในน้ำใสเบื้องล่าง เป็นเวลากว่าชั่วโมงโดยไม่พูดอะไรกันเลย

"ได้เวลากลับอีกแล้วสินะ วันหยุดนี่มันช่างเร็วดีแท้" น้ำชาเอ่ยขึ้นมาเสียงอ่อย

ย้อนกลับไปสามวันก่อน เธอเกือบไม่ได้มา เพราะติดเข้าเวร เพื่อนๆ ก็บอกกันเกือบนาทีสุดท้าย หากไม่ได้พี่สาวที่อาสาเข้าเวรให้ ก็คงไม่มีเธอในภาพของทริปนี้

"ที่จริงล่องแพดูสะพานมอญก็น่าสนใจเหมือนกันนะ" นัทพูดขึ้นพลางมองไปยังผืนน้ำกว้างใหญ่เบื้องหน้า

จิ๊บหันไปยิ้มให้ "ทริปหน้าละกัน...วันนี้ก็กลับกันเถอะ อย่าลืมเตือนเรื่องโทรศัพท์ที่ฝากป้าแกชาร์ตแบตไว้ละกัน"

"สรุปแล้ว...ที่นี่คงไม่เหมาะจะอยู่ในลิสต์ที่เราจะเสนอลูกค้าใช่ไหม?" ก้องมองไปรอบๆ ก่อนหันไปตั้งคำถามกับเพื่อนอีกครั้ง

"ก็อาจจะนะ ถ้าเราเจอลูกค้าที่เหมาะกับที่นี่จริงๆ แต่กลุ่มลูกค้าที่เราจับตอนนี้ คงจะยัง...แต่เชื่อเถอะสักวันพวกเราก็กลับมาที่นี่อีก" นัท  ไกด์นำเที่ยวมืออาชีพให้ความกระจ่างกับเพื่อน

ทั้งห้าคนเดินกลับมายังห้องรับแขกของรีสอร์ต เพื่อชำระค่าห้องพักและรับโทรศัพท์มือถือคืน

"ขอบคุณครับป้าสำหรับที่พัก ที่ที่ทำให้พวกผมสามารถลืมอีกโลก ได้อย่างสนิทจริงๆ เป็นสองวันที่มีความสุขมากๆ ครับ" ก้องยกมือไหว้พนักงานต้อนรับคนเดิม ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นเจ้าของแพและรีสอร์ตที่นี่นั่นเอง

"พวกหนูจะกลับมาอีกค่ะ..." จิ๊บพูดเสริมมาอีกคน

หลังจากร่ำลาเป็นที่เรียบร้อย ทั้งห้าเดินมุ่งหน้าไปยังรถคันเดิม ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายจังหวัด

"เป็นทริปที่หลากหลายดีเนอะ พม่า สังขละฯ เอราวัณ ไทรโยค ช่องเขาขาด ทางรถไฟสายมรณะ" เสียงน้ำชาดังขึ้นหลังจากทุกคนก้าวขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อย

อีกสี่คนที่เหลือต่างส่ายหัวดิก...รถคันนี้จอดที่เดิมมาตั้งแต่วันแรกที่ทั้งห้าเหยียบกาญจนบุรี น้ำมันยังไม่ร่อยหรอไปจากถังแม้แต่น้อย

ในใจก็ได้แต่คิด...

ใครล่ะ...ชวนให้อยู่ต่อ

=================
เดินทางโดยสวัสดิภาพ

เจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ ยิ้ม
=================
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่