หลังจาก โจโฉ เสียชีวิต โจผี บุตรคนโตได้ขึ้นเป็นเจ้าแทน แต่โจเจียงน้องชายไม่ยอบรับ
ยกทัพหนึ่งแสนนาย บุกเข้าประชิดเมืองหลวง หวังจะยึดอำนาจโจผี โจผีเกรงกลัวน้องคนนี้
มากถึงกับเอ่ยปากในที่ประชุมว่า “อ้ายคนนี้เมื่ออยู่ด้วยกันนั้นเป็นคนดุดันโมโหมาก แล้วกล้า
หาญมีฝีมือรบพุ่งก็เข้มแข็ง ยกทัพมาบัดนี้จะมาชิงสมบัติเราหรือประการใด”
เหล่าขุนนางได้ยินดังนั้นก็เงียบกริบ กากุ๋ย พระเอกของเราจึงอาสาจะออกไปพูดกับโจเจียง
ให้ได้รู้ว่าจะมาดีร้ายประการใด เหล่าขุนนางทั้งหลายก็เห็นชอบ พากันสนับสนุนว่า “ท่านว่านี้
ชอบนัก ถ้าคนอื่นออกไปก็หาได้ไม่ ถ้าท่านออกไปครั้งนี้ดีนัก”
ความเห็นของเหล่าขุนนางในที่ประชุมนี้ ตีความหมายได้ว่า กากุ๋ยเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ดี
มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับสูง ซึ่งผลก็เป็นดังคาด เพราะ กากุ๋ยเพียงคนเดียว สามารถเกลี้ยกล่อม
ให้โจเจียงกับทหารนับแสน ยอมศิโรราบให้กับโจผี โดยไม่ต้องมีการเสียเลือดเนื้อ โจผีกับน้องชาย
ได้กลับมาดีกัน (ต่อมาภายหลังโจเจียง ตายอย่างเป็นปริศนา ?) ทหารนับแสนของโจเจียงก็ได้กลาย
เป็นทหารสังกัดเมืองหลวง เพิ่มเติมแสนยานุภาพได้อย่างน่าเกรงขาม กากุ๋ยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์
เป็น เอี๋ยงหลี่ถิงโหว และเสียชีวิตเมื่ออายุ 55 ปี ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นซูโหว
กากุ๋ยประกอบคุณงามความดีไว้มากมาย เมื่อตายลงประชาชนจึงสร้างศาลเจ้ากากุ๋ยไว้ที่เมืองห้างเสีย
เพื่อเป็นที่ระลึกถึง และสำคัญขนาดที่พระเจ้าแผ่นดินอย่างโจยอย ทรงเสด็จมาเคารพและแต่งโคลงสดุดี
กากุ๋ยด้วยพระองค์เอง ตั้งแต่นั้นมา จึงกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ว่าเหล่าข้าราชการที่ผ่านมาเมืองนี้ จะต้อง
มากราบไหว้กากุ๋ยทุกคน
สุมาอี้ยามบั้นปลาย ก็ได้แวะมาเคารพศาลกากุ๋ยด้วยเช่นกัน แม้ว่าทั้งสองจะเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน
แต่กลับใช้ชีวิตแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว สุมาอี้มองดูรูปสักการะกากุ๋ยในศาลแล้วพาลนึกไปถึงเรื่อง “กบฏอองหลิง”
อองหลิง เป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อตระกูลโจ และคิดก่อการชิงอำนาจจากสุมาอี้กลับคืน แต่ไม่สำเร็จ กลุ่มผู้
ก่อการในครั้งนี้ถูกจับไปประหารสามชั่วโคตร รวมทั้งสิ้นนับพันคน ซึ่งก่อนที่ อองหลิง จะถูกนำตัวไปประหาร ขบวน
นักโทษได้ผ่านศาลเจ้ากากุ๋ย อองหลิงจึงปฏิญาณต่อศาลเจ้ากากุ๋ยด้วยเสียงอันดังว่า “ท่านกากุ๋ย ข้าอองหลิงเป็น
ขุนนางผู้จงรักภักดีต่อราชวงค์โจเพียงใด ท่านกากุ๋ยคงทราบดี ขอเทพยดาฟ้าดินจงรับรู้ด้วยเถิด”
สุมาอี้ในวัย 73 ปี มาเยือนศาลเจ้ากากุ๋ย และนึกถึงคำปฏิญาณของอองหลิง ตั้งแต่นั้นสุมาอี้ก็ล้มป่วยลง และมี
อาการประสาทหลอนเหมือนโจโฉ คือเห็นภาพปีศาจกากุ๋ย และปีศาจอองหลิง มาหลอกหลอน ทำให้สุมาอี้ต้องทน
ทุกข์ทรมาน และเสียชีวิตในที่สุด
เทพเจ้า กากุ๋ย
ยกทัพหนึ่งแสนนาย บุกเข้าประชิดเมืองหลวง หวังจะยึดอำนาจโจผี โจผีเกรงกลัวน้องคนนี้
มากถึงกับเอ่ยปากในที่ประชุมว่า “อ้ายคนนี้เมื่ออยู่ด้วยกันนั้นเป็นคนดุดันโมโหมาก แล้วกล้า
หาญมีฝีมือรบพุ่งก็เข้มแข็ง ยกทัพมาบัดนี้จะมาชิงสมบัติเราหรือประการใด”
เหล่าขุนนางได้ยินดังนั้นก็เงียบกริบ กากุ๋ย พระเอกของเราจึงอาสาจะออกไปพูดกับโจเจียง
ให้ได้รู้ว่าจะมาดีร้ายประการใด เหล่าขุนนางทั้งหลายก็เห็นชอบ พากันสนับสนุนว่า “ท่านว่านี้
ชอบนัก ถ้าคนอื่นออกไปก็หาได้ไม่ ถ้าท่านออกไปครั้งนี้ดีนัก”
ความเห็นของเหล่าขุนนางในที่ประชุมนี้ ตีความหมายได้ว่า กากุ๋ยเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ดี
มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับสูง ซึ่งผลก็เป็นดังคาด เพราะ กากุ๋ยเพียงคนเดียว สามารถเกลี้ยกล่อม
ให้โจเจียงกับทหารนับแสน ยอมศิโรราบให้กับโจผี โดยไม่ต้องมีการเสียเลือดเนื้อ โจผีกับน้องชาย
ได้กลับมาดีกัน (ต่อมาภายหลังโจเจียง ตายอย่างเป็นปริศนา ?) ทหารนับแสนของโจเจียงก็ได้กลาย
เป็นทหารสังกัดเมืองหลวง เพิ่มเติมแสนยานุภาพได้อย่างน่าเกรงขาม กากุ๋ยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์
เป็น เอี๋ยงหลี่ถิงโหว และเสียชีวิตเมื่ออายุ 55 ปี ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นซูโหว
กากุ๋ยประกอบคุณงามความดีไว้มากมาย เมื่อตายลงประชาชนจึงสร้างศาลเจ้ากากุ๋ยไว้ที่เมืองห้างเสีย
เพื่อเป็นที่ระลึกถึง และสำคัญขนาดที่พระเจ้าแผ่นดินอย่างโจยอย ทรงเสด็จมาเคารพและแต่งโคลงสดุดี
กากุ๋ยด้วยพระองค์เอง ตั้งแต่นั้นมา จึงกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ว่าเหล่าข้าราชการที่ผ่านมาเมืองนี้ จะต้อง
มากราบไหว้กากุ๋ยทุกคน
สุมาอี้ยามบั้นปลาย ก็ได้แวะมาเคารพศาลกากุ๋ยด้วยเช่นกัน แม้ว่าทั้งสองจะเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน
แต่กลับใช้ชีวิตแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว สุมาอี้มองดูรูปสักการะกากุ๋ยในศาลแล้วพาลนึกไปถึงเรื่อง “กบฏอองหลิง”
อองหลิง เป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อตระกูลโจ และคิดก่อการชิงอำนาจจากสุมาอี้กลับคืน แต่ไม่สำเร็จ กลุ่มผู้
ก่อการในครั้งนี้ถูกจับไปประหารสามชั่วโคตร รวมทั้งสิ้นนับพันคน ซึ่งก่อนที่ อองหลิง จะถูกนำตัวไปประหาร ขบวน
นักโทษได้ผ่านศาลเจ้ากากุ๋ย อองหลิงจึงปฏิญาณต่อศาลเจ้ากากุ๋ยด้วยเสียงอันดังว่า “ท่านกากุ๋ย ข้าอองหลิงเป็น
ขุนนางผู้จงรักภักดีต่อราชวงค์โจเพียงใด ท่านกากุ๋ยคงทราบดี ขอเทพยดาฟ้าดินจงรับรู้ด้วยเถิด”
สุมาอี้ในวัย 73 ปี มาเยือนศาลเจ้ากากุ๋ย และนึกถึงคำปฏิญาณของอองหลิง ตั้งแต่นั้นสุมาอี้ก็ล้มป่วยลง และมี
อาการประสาทหลอนเหมือนโจโฉ คือเห็นภาพปีศาจกากุ๋ย และปีศาจอองหลิง มาหลอกหลอน ทำให้สุมาอี้ต้องทน
ทุกข์ทรมาน และเสียชีวิตในที่สุด