ขอวีซ่า (Schengen) เยอรมันไม่ยากอย่างที่คิด แค่ 2 วันก็ได้วีซ่ามานอนกอด

ผมเพิ่งไปยื่นวีซ่าที่สถานทูตเยอรมันมาเมื่อวันจันทร์ที่ 27 กค. ได้คิวเวลา 10.30 น. ตอนแรกที่เห็นจากหลายๆ เวบ เค้าบอกว่าใช้เวลาพิจารณาวีซ่าประมาณ 3-5 วันทำการ เนื่องจากวีคที่ผมไปมันติดวันหยุดยาววันที่ 30-31 กค. ผมเลยคำนวณคร่าวๆ กะว่าคงได้วีซ่า และกว่าเอกสารจะถูกจัดส่งมาถึงมือผมคงไม่เกินวันศุกร์ถัดไป คือศุกร์ที่ 7 สค.

แต่ผิดคาดครับ สถานทูตเยอรมันใช้เวลาพิจารณาวีซ่าแค่ 1 วัน เพราะเอกสารถูกส่งมาถึงผมตั้งแต่วันพุธที่ 29 กค. นี่มันไวมาก ถึงจะไม่ไหวเท่าตอนผมขอวีซ่าอังกฤษที่ยื่นวันนี้ พรุ่งนี้ได้ แต่นั่นยื่นด่วนแบบ 3 วัน โดนค่ายื่นวีซ่าไปก็หมื่นกว่าบาทแล้ว

เข้าเรื่องกันเลยครับ ผมจะอธิบายขั้นตอนการขอ Schengen Visa สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว แบบ Step by step

เริ่มตั้งแต่จะยืนวีซ่าที่สถานทูตไหนดี หลักการขอ Schengen Visa ให้ดูจากประเทศที่เราอยู่นานที่สุดครับ อย่างทริปนี้ผมจะไปพักที่เยอรมันนานสุดนั่นคือ 5 คืน แต่หาก 2 ประเทศจำนวนคืนที่เราจะไปพักเท่ากัน ให้ยึดประเทศที่เราจะเดินทางเข้าเป็นประเทศแรกเป็นหลักนะครับ

1. ขั้นตอนแรกก็กรอกวีซ่าก่อนครับ สามารถกรอกออนไลน์ VIDEX หรือจะปรินท์ออกมาแล้วเขียนมือไปยื่นก็สามารถทำได้ สถานทูตรับทั้ง 2 แบบครับ เข้าไปกรอก หรือโหลดแบบฟอร์มสำหรับเขียนมือได้ที่  http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/0-Visa.html

2. หลังจากกรอกเสร็จก็โทรนัดคิวที่เบอร์ 1900 222 343 (ค่าบริการนาทีละ 9 บาท)  ทุกวันจันทร์ - ศุกร์  เวลา 08.00 – 17.00 น. เท่านั้น เจ้าหน้าที่จะขอชื่อ และนามสกุลที่ตรงตาม Passport ของเรา จากนั้นจะสอบถามวัน เวลาที่เราต้องการทำการนัด ผมอยากได้รอบ 7.30 แต่วันที่ผมจะจองไม่มีรอบแล้ว ผมจึงได้รอบ 10.30 น. เมื่อนัดวัน เวลาที่จะยื่นวีซ่าเสร็จ ทางจนท.จะให้ Code ยาวๆ มา ให้จด แล้วทวนกับ จนท. นะครับ (จนท.ที่รับจองคิวเป็น Outsource ไม่ใช่จนท.สถานทูตนะ)

เพิ่มเติมอีกนิดคือ ในเวบสถานทูตแจ้งว่าสามารถจองคิวโดยตรงที่สถานทูตได้ทุกวันอังคาร เวลา 14.00 – 15.00 จขกท.ลองไปจองคิวด้วยตัวเองมาแล้ว เนื่องจากหาโทรศัพท์โทรไปจองคิวไม่ได้ เพราะใช้ True แต่การจองคิวที่สถานทูตเค้าจะกันไว้สำหรับคิวพิเศษ แต่ไม่สามารถระบุวันจองได้เลย ต้องรอคิวประมาณ 2 อาทิตย์ จนท.ในนั้นจึงแนะนำให้ผมหายืมโทรศัพท์เพื่อน หรือคนรู้จักโทรไปจองคิวที่เบอร์ 1900 จะไวกว่า ซึ่งก็ไวอย่างที่คิดจริงครับ

3. มาถึงขั้นตอนการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นวีซ่าที่หลายคนค่อนข้างกังวล บางคนเตรียมเยอะมาก ถือคติ เหลือดีกว่าขาด แต่จากประสบการณ์ที่ผมเคยยื่นวีซ่าทั้ง ออสเตรีย, อิตาลี, อังกฤษ มา ผมเตรียมเอกสารเหมือนเดิมทุกรอบครับ แต่สำหรับที่เยอรมันมีเพิ่มมาตัวเดียวคือ Bank Certificate เอกสารทั้งหมดที่ต้องยื่น รายละเอียดตามด้านล่างครับ

         1.) สำเนาหนังสือเดินทาง เอาเล่มเก่าไปด้วยนะครับ และถ่ายหน้าที่เราเคยได้วีซ่าพวก เชงเก้น, วีซ่าอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย ถ้าพวกวีซ่าแบบปั๊มๆ ผมไม่ถ่ายเพราะมันเยอะจัด จริงๆ อันนี้ไม่ต้องถ่ายก็ได้ เพราะยื่นรอบก่อนๆ ผมก็ไม่ได้ถ่าย เค้าต้องเก็บเล่มจริงเราไปอยู่แล้ว ทั้งเล่มเก่า เล่มใหม่

          2.) แบบฟอร์มยื่นวีซ่า VIDEX หรือ กรอกมือ และเอกสารข้อตกลงตามมาตรา 54, 6 และ 55 ปรินท์ได้จากลิงค์นี้เลย เซ็นชื่อฝั่งขวา ฝั่งซ้ายลงวันที่ http://www.bangkok.diplo.de/contentblob/3762722/Daten/2922822/SchengenBelehrung.pdf

          3.) รูปถ่าย 4.5 x 3.5 cm. รูปถ่ายนี่ผมถ่ายเอง แล้ว Crop และวาง Layout ใน Photoshop จากนั้นเซฟเป็นขนาด 4x6 ไปให้ร้านถ่ายรูปทั่วไปอัด ตกแผ่นละ 3 บาท, 5 บาท หรือ 10 บาท แล้วแต่ร้านไหนจะโขกมาก โขกน้อย เกินนี้ไม่อัดครับ แต่ถ้าไม่มั่นใจกลัวใช้ไม่ได้ ที่สถานทูตมีบริการ 4 รูป 180 บาท

          4.) ใบจองโรงแรมครบทุกคืน ผมจองผ่าน 2 เวบ คือ Expedia จองผ่านที่นี่ 3 คืน ตัดเงินจ่ายเต็มจำนวน กับ Booking.com ที่นี่ยังไม่มีการตัดเงินใดๆ ทั้งสิ้น พอดีช่วงนั้นจองตั๋วเครื่องบินผ่าน Expedia แล้วได้ราคาลดโรงแรม เลยจองโรงแรมที่ Paris ไปก่อนเลย 3 คืนตามแพลน

          5.) ตั๋วเครื่องบิน จริงๆ ทางสถานทูตให้ใช้ใบจองก็ได้ แต่ของผมใช้ E-Ticket ยื่นไปเลย เพราะจองและตัดเงินล่วงหน้าได้ตั๋วตั้งแต่เดือนกุมภาแล้ว เพราะถ้าจองล่วงหน้านานๆ จะได้ราคาถูก อย่างของผมนี่ได้ที่ราคา 20,xxx บิน Etihad ออกจากสุวรรณภูมิเลย แต่เคยเจอราคาที่ 14k แต่ออกจากประเทศอื่น และไม่ใช่ร่องที่ผมจะไป ซึ่งหลังจากจองตั๋วตัดเงิน อีก 2-3 วันต่อมา รูทที่ผมจองราคาก็วิ่งไปที่ 24k เรียบร้อย

ทริคในการจองตั๋วนี่ควรจะมีราคาในใจครับ ถ้าได้ราคานั้นจองเลย ไม่ต้องคิดว่ามันจะถูกกว่า อย่างน้องที่ผมรู้จักมาถามวิธีจองตั๋วเครื่องบินถูกๆ พอผมบอกไป น้องส่งมาให้ดู บิน EY ไป Venice ได้ราคา 14k มาถามผมว่าถูกมั้ย ผมบอกถูกแล้ว ก็นึกว่าน้องจองไป มารู้อีกไม่กี่วันต่อมา น้องบอกยังไม่ได้จอง และตอนนี้ราคาวิ่งไป 2 หมื่นกว่าแล้ว

          6.) หนังสือรับรองจากที่ทำงานเป็นภาษาอังกฤษ หลักๆ ก็ให้ระบุตำแหน่ง วันที่เริ่มงาน เงินเดือน วันที่ลาพักร้อน และวันที่จะกลับมาเริ่มงานครับ

          7.) Bank Certificate อันนี้งอกมาจากที่เคยขอที่อื่นครับ (ไม่ใช่ Bank Guarantee นะครับ)  ให้ไปติดต่อทางแบงค์เพื่อขอเอกสารฉบับนี้ เสียค่าธรรมเนียม 100 บาท ทางแบงค์จะออกเป็นหนังสือรับรองให้ว่าเรามีเงินอยู่ในบัญชีเท่าไหร่ คิดเป็นเงินยูโรเท่าไหร่ เพิ่มเติมนิดนึง ถ้าใครใช้ธ.กรุงเทพ ให้ไปขอกับสาขาใหญ่ๆ ที่มีผจก.เซ็นให้นะครับ จะได้รับเอกสารภายใน 15-20 นาที (ผจก.จะเข้าแค่วันจันทร์ – ศุกร์) ของผมไปขอที่สาขาเอกมัย หลังจากไปขอที่ Big C อ่อนนุช และ Lotus พระราม 4 ทางจนท.แจ้งว่าต้องส่งเรื่องไปสนง.ใหญ่ ใช้เวลา 5-7 วันทำการ กว่าจะออกเอกสารให้ได้

          8.) สำเนา Book Bank ในสถานทูตขอย้อนหลัง 4 เดือน ผมถ่ายไปทั้งเล่มเลย แล้วก็เอาพวกสมุดกองทุนมาถ่ายสำเนา แนบไปพร้อมกันหมด (ผมไม่เคยขอ หรือใช้ Bank Statement ยื่นวีซ่าเลย ยืนยันว่าไมต้องใช้ครับ มีแค่สำเนา Book Bank พอ)

          9.) แผนการเดินทาง โดยปกติผมจะทำแผนการเดินทางค่อนข้างละเอียด ตามภาพด้านล่างนี้เลยครับเป็น A4 2 แผ่น และในแผนผมจะลงรายละเอียดรอบรถไฟ รถบัส ตามจริงเลยครับ เช็คกับเวบรถไฟประเทศที่เราจะไปนั่นแหละ



แต่รอบนี้ผมจะเพิ่มตารางค่าใช้จ่ายเข้ามา ทางสถานทูตจะได้เห็นว่าค่าใช้จ่ายโดยประมาณของเราอยู่ที่เท่าไหร่

          10.) สำเนาทะเบียนบ้าน ผมยื่นไปด้วย เพราะผมเป็นเจ้าบ้าน และขี้เกียจยื่นโฉนดที่ดิน ยื่นวีซ่ามาทุกครั้ง ผมไม่เคยยืนโฉนดครับ

          11.)กรมธรรม์ประกันการเดินทาง วงเงิน 1.5 ล้านบาท ให้เช็ครายชื่อบริษัทประกันที่ได้รับการรับรองจากสถานทูตก่อน ตามลิงค์นี้ http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/0-Visa.html หาไม่เจอกด Ctrl+F แล้วพิมพ์ว่า ประกัน

4. หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อย ก็มาถึงวันยื่นวีซ่าครับ ผมไปถึงก่อนเวลานัดหมายประมาณ 15 นาที จากที่ได้อ่านๆ จากหลายคนที่มาแชร์ประสบการณ์ไว้ พอลองไปเจอเองก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนะครับ 55

อย่างแรกพี่ผู้ชายที่จัดคิว ชอบพูดเสียงดังๆ หลายคนบอกว่าพี่แกดุ แต่ผมว่าพี่แกใจดีมาก ช่วยเหลือผมตลอด ตั้งแต่บอกว่าเอกสารยื่นวีซ่าต้องเซ็นตรงไหนบ้าง, เอาบัตรคิวไปยื่นช่องให้, พอเห็นผมยังไม่ได้สัมภาษณ์ก็เดินมาบอก รอแปปนึงนะ แค่สไตล์การพูดแกเป็นแบบนั้น บางคนเลยเข้าใจว่าพี่แกดุ
ขั้นตอนแรกเมื่อถึงสถานทูต เราจะต้องผ่านรปภ.ก่อน เค้าจะตรวจกระเป๋าเรา และให้เราฝากมือถือ และ Power Bank กับจนท.รับฝากในช่องถัดไป

เมื่อฝากของเสร็จ ก็เดินไปทางขวามือตามภาพ จะเห็นจนท.ในช่องกระจก ก็เอา Code ที่จดมา ให้แกดู เขียนตัวใหญ่ๆ แนบผ่านกระจกให้แกเห็นเลย ง่ายดี จากนั้นจะได้รับบัตรคิวมาครับ
ถ้ายังไม่ถึงเวลานัด ก็นั่งรอ จนจนท.เรียกคิว (ในขั้นตอนนี้ให้เช็คเอกสาร เซ็นจุดที่ต้องเซ็น แปะรูปให้เรียบร้อย) เค้าจะตะโกน 10.30 เราถึงจะเดินขึ้นบันได เอาบัตรคิวไปยื่นที่ช่องที่เราได้คิว แล้วนั่งรอเจ้าหน้าที่เรียก

ผมได้ช่อง 8 จนท.เป็นผู้หญิง ยังเด็กๆ อยู่เลย ก็พูดจาดีนะ ปกติ เจ้าหน้าที่หลายๆ คนค่อนข้างต้องทำเวลา ตอนแรกก็คิดว่ามารยาทจะแย่ จนท.จะพูดจาไม่ดี แต่จากที่เจอมาผมว่าปกติ เพียงแต่คนที่มายื่นวีซ่าน่าจะศึกษาระเบียบ ข้อบังคับให้ดี ทุกอย่างจะได้ไวครับ

เห็นช่อง 9 ก็สัมภาษณ์ปกติ ช่อง 9 นี่มีรับๆ คิวอยู่แล้วคิวช่วง 8.30 ตกหล่น เหลืออยู่คนนึง แกก็ขอโทษออกไมค์ และให้คิว 8.30 เข้ามาสัมภาษณ์ก่อน ซึ่งคนที่ตกค้างก็ไปแจ้งพี่ผู้ชายนี่แหละ แกก็มาบอกให้ช่อง  9 เช็ค แล้วแทรกคิวใหม่

คำถามที่จนท. สัมภาษณ์ผมก็ ทำงานที่ไหน, ทำมากี่ปีแล้ว, ตำแหน่งที่ทำ ทำเกี่ยวกับอะไร, พักที่เยอรมัน 5 คืนใช่มั้ย, ไปลงที่ไหน กลับที่ไหน แค่นี้ครับ เร็วมาก จริงๆ คิวก่อนผมเป็นป้าคนนึง แกมากะครอบครัว จนท.ช่องเดียวกันนี่สัมภาษณ์เยอะมาก นานมาก ทั้งที่วีซ่าป้าแกเยอะกว่าผมเยอะ พอดีแอบเห็นพอดี ก็เลยงงๆ ว่าทำไมบางคนถามเยอะ บางคนถามน้อย

จากนั้นก็ให้ไปรอจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า ช่วงนี้จ่ายแค่ 2,100 บาทเท่านั้น แต่ในขั้นตอนการจ่ายนี่หงุดหงิดเหมือนกัน เพราะคนยืนรอกันเต็ม แต่จนท.หายไปไหนไม่รู้ มาๆ หายๆ

ขั้นตอนสุดท้าย เดินออกไปซื้อซองสำหรับส่งไปรษณีย์ 130 บาท แล้วเอาใบมายืนให้พี่ผู้ชายที่จัดคิว เป็นอันจบขั้นตอนการยืนวีซ่าเยอรมัน ที่เหลือก็แค่เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนบินไปจิบเบียร์ พร้อมทานขาหมูเยอรมัน ครับ ฮี่ฮี่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่