การฝึกฌานโดยกำหนดดวงนิมิตไม่ถูกต้องจริงหรือ และการฝึกเดินจงกลม ตอน 2

การฝึกฌานโดยกำหนดดวงนิมิตไม่ถูกต้องจริงหรือ และการฝึกเดินจงกลม ตอน 2

             ตามทฤษฎีก็ว่ากันไปเป็นหลายแบบ  แต่การปฏิบัติจริงให้ทำดังนี้  อันดับแรกให้หาพื้นที่ที่ราบและเรียบ  มีระยะทางที่สามารถเดินได้ในทางตรง  กำหนดไม่น้อยกว่าสิบก้าวเท้าเดินของผู้ฝึกแต่ไม่เกินกว่ายี่สิบก้าว  ทางเดินอาจยาวกว่านี้ได้แต่เราจะไม่เดินเกินกว่านี้   โดยให้ทำเครื่องหมายจากจุดเริ่มตันก่อน  ต่อมาจึงยืนเท้าชิดกันเดินก้าวแรกนับไปจนได้ระยะทางตามที่กำหนดแล้วทำเครื่องหมายไว้ที่สุดทางอีกครั้งหนึ่ง  เพราะในเวลาเดินจริงเราจะไม่นับว่าเดินไปกี่ก้าวอีกแล้ว  เหตุที่ต้องเดินไม่น้อยกว่าสิบก้าว  เพราะหากระยะทางสั้นเกินไป  จิตรที่กำหนดอยู่กับการภาวนาไม่ทันเป็นสมาธิก็สิ้นทางเดินเสียก่อน  หากกำหนดเดินเกินกว่ายี่สิบก้าวเท้าแล้ว  จิตรจะพะวงอยู่กับการภาวนาจนมากเกินไป  จิตรก็จะฟุ้งซ่านไม่เป็นสมาธิ  จึงไม่เดินจงกลมเกินกว่ายี่สิบก้าวด้วยเหตุเช่นนี้

          เมื่อได้สถานที่และทำเครื่องหมายความยาวเส้นทางที่จะใช้เดินแล้ว  ให้ยืนเท้าชิดกันตรงตำแหน่งเริ่มเดินที่ทำเครื่องหมายไว้  หันหน้าไปตามเส้นทางที่จะเดิน  ให้เอามือไพล่หลังไว้บริเวณเอวให้วางมือซ้ายก่อนแล้ววางมือขวาทับ  เริ่มเดินก้าวแรกโดยเดินเท้าซ้ายก่อนเสมอ  ให้ภาวนาไปด้วยในที่นี้ยกตัวอย่างกษิณธาตุน้ำที่ข้าพเจ้าฝึกว่า  อาโป  ก้าวแรกภาวนาว่าอา  เดินเท้าขวาต่อไปให้ภาวนาว่าโป  ทำเช่นนี้ไปจนสุดทางซึ่งเราจะรู้ว่าไม่น้อยกว่าสิบก้าวและไม่เกินยี่สิบก้าวเพราะเราทำเครื่องหมายไว้ก่อน  แล้วให้หยุดโดยการเดินเท้าซ้ายเป็นก้าวสุดท้าย  เท้าขวาด้านหลังให้ก้าวมาให้เสมอกับเท้าซ้ายที่ก้าวออกไปเป็นก้าวสุดท้ายเมื่อสุดระยะทาง  ในเวลาภาวนาให้กำหนดลมหายใจให้สอดคล้องกับการเดินไปพร้อมกัน  ในตอนแรกจะรู้สึกขัดข้องอยู่บ้าง  แต่เมื่อเดินจนชำนาญแล้วจะเดินได้คล่องไปเอง  เมื่อสุดทางให้เลี้ยวกลับด้วยวิธีนี้  ขณะเมื่อเดินเท้าขวามาชิดกับเท้าซ้ายเมื่อสุดทางขณะนี้ปลายเท้าเราเสมอกันอยู่  ให้สืบเท้าซ้ายไปทางซ้ายมือเก้าสิบองศาหรือเป็นมุมฉากกับเท้าขวาที่ยืนอยู่  แล้วสืบเท้าขวาตามไปทางซ้ายเก้าสิบองศาเช่นกันพยายามรักษาแนวให้ปลายเท้าเสมอกันไว้  จะเห็นได้ว่าตอนนี้เท้าทั้งสองทำมุมฉากกับตอนที่เราเดินมาจนสุดทาง  และเท้าทั้งสองจะต้องชิดกันในมุมนี้  การสืบเท้านี้จะไม่เดินไปแต่ใช้วิธีสืบเท้าแทน  แล้วสืบเท้าซ้ายต่อไปอีกเก้าสิบองศา  สืบเท้าขวาตามไปก็จะหมุนกลับสู่ทางเดินพร้อมที่จะเดินกลับในทางที่เดินมา  ข้อสำคัญในตอนสืบเท้ากลับต้องภาวนาเมื่อสืบเท้าซ้ายว่าอา  เมื่อสืบเท้าขวาตามว่าโป  และลมหายใจต้องสม่ำเสมอเช่นนี้ไปตลอดทางแรก  ๆ  อาจขัด  ๆ  อยู่สักหน่อยแต่เมื่อชำนาญก็จะทำได้เอง  เมื่อเลี้ยวกลับได้แล้วเท้าทั้งสองต้องชิดกันอยู่ปลายเท้าเสมอกัน  ณ จุดที่สุดทางเดินครั้งแรก  เริ่มเดินกลับโดยก้าวเท้าซ้ายก่อนภาวนาว่าอา  เดินเท้าขวาตามว่าโป  ทำเช่นนี้ไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวกลับโดยใช้วิธีเดิม  เวลาเดินให้มองลงต่ำไปข้างหน้าประมาณสี่ถึงห้าก้าวเท่านั้นไม่มองตรงไปอย่างการชมวิวทิวทัศน์  หากก้มต่ำเกินไปเดินนานก็จะปวดคอ  หากมองไกลไปจิตรก็จะสนใจอยู่แต่สิ่งรอบตัวแทนที่จะสำรวมอยู่ในสมาธิของตน  เช่นนี้  ให้พยายามให้มากเมื่อนั่งสมาธิทุกครั้งต้องเดินจงกลม  เพื่อทำลายนิมิตที่ไม่พึงประสงค์  ให้ทำสลับไปกับการนั่งเช่นนั่งไปสามสิบนาที  ให้เดินจงกลมสามสิบนาทีเช่นกัน  ทำเช่นนี้เลื่อยไปให้มั่นใจรักใคร่ในการฝึกนี้ว่าจะเป็นทางให้เราพ้นทุกข์ได้  ให้มั่นใจในการฝึกฝน  ขอความสำเร็จจงมีแด่ท่านที่ตั้งใจจริง  มาถึงตอนนี้ท่านทั้งหลายคงทราบแล้วว่าการเดินจงกลมรอบวัด  หรือรอบสระน้ำเป็นแถวยาวนี้ถูกต้องหรือไม่หรือมีจุดประสงค์เพื่ออะไรอื่นกันแน่  สำหรับผู้สอน ถ้าท่านไม่รู้ก็แสดงว่าภูมิธรรมของท่านไม่สูงพอจะเป็นผู้สอนธรรมะแก่ผู้อื่น  หากท่านรู้แต่ไม่บอกก็แสดงว่าท่านมีเจตนาไม่บริสุทธิเพราะจะทำให้ผู้ฝึกหรือผู้อื่นที่มาพบเห็น  เข้าใจว่าได้ฝึกมาถูกต้องแล้ว  ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่า  การเดินเกินกว่ายี่สิบก้าวจะทำให้จิตรเป็นกังวลกับการภาวนามากจนเกินไป  จิตรจะฟุ้งซ่านไม่เป็นสมาธิได้เลยด้วยประการฉนี้   การให้ธรรมะเป็นทานเลิศกว่าการให้ทั้งปวง  ถ้าหากข้อเขียนนี้มีประโยชน์เป็นอานิสงแล้วไซร้ข้าพเจ้าขอมอบอุทิศแก่พระอาจารย์แห่งวัดดอยสุเทพ  ที่ได้สั่งสอนให้ข้าพเจ้ารู้จักวิธีเดินจงกลม  ข้าพเจ้ามีโอกาสได้แวะไปครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็ไม่พบท่านเสียแล้ว  ผ่านมาหลายปีถึงปัจจุบันนี้ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่อายุก็คงร่วมร้อยปี  ถ้าหากท่านแม้จะล่วงลับไปแล้วก็ขอให้รู้ว่า  ข้าพเจ้าไม่เคยลืมพระคุณที่ท่านได้สั่งสอนไว้เลย   และขอกุศลนี้จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าพ้นจากเคราะห์กรรมที่ต้องรับอยู่ในเวลานี้ไปได้เถิด   การเขียนนี้จุดประสงค์ก็เพื่อเป็นธรรมะทานไม่ให้ความรู้นี้ศูนย์สิ้นไปกับตัวข้าพเจ้า  จะได้แพร่หลายออกไปในหมู่ท่านที่ใฝ่หาพระธรรม  หากแม้นท่านทั้งหลายทราบดีอยู่แล้วก็ขอให้ท่านเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป  ข้าพเจ้าขอร้องเถิดว่าท่านที่ไม่รู้หรือไม่ทราบวิธีฝีกที่แท้จริงแล้ว  อย่าได้มาสอนผู้อื่นอันเป็นการหลอกลวงให้เป็นบาปเป็นกรรมไปอีกเลย  การฝึกก็ยากอยู่แล้วท่านยังมาสอนให้ผิดไปอีก  หากทุกคนมัวแต่เห็นแก่ประโยชน์ที่จะได้รับแก่ตนเพียงสถานเดียว  แล้วอย่างนี้พระศาสนาของเราจะยั่งยืนต่อไปได้อย่างไร   ในตอนหน้าจะได้กล่าวถึงเหล็กไหล   และในตอนต่อ  ๆ  ไปจะกล่าวถึงการใช้พลังจิตรในการรักษาโรค  สุดท้ายนี้ขอให้ท่านที่อ่านบทความนี้ทุกท่าน  มีแต่ความสุขความเจริญโดยถ้วนหน้ากันนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่