▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
[CR] EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 3::Germany(Part1)
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 0::การเตรียมตัว : http://ppantip.com/topic/33824688
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 1::Malaysia : http://ppantip.com/topic/33832841
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 2::Singapore : http://ppantip.com/topic/33837026
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 4::Austria : http://ppantip.com/topic/33999998
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 5::Hungary : http://ppantip.com/topic/34017218
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 6::Czech Republic : http://ppantip.com/topic/34029583
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 7::Germany(Part2) :http://ppantip.com/topic/34076250
Chapter 3 : Rainy Germany(ประเทศเยอรมัน Part 1)
Phase II : Europe(Germany+Austria+Czech Republic+Hungary)
8 มิถุนายน 2558 : Rainy day—วันที่ฝนตก
7 โมงเช้าพวกเราก็มาถึงMunichประเทศเยอรมัน ในที่สุดก็จะได้เริ่มเดินทางบนเส้นทางที่แท้จริงของทริปนี้ ซึ่งก็คือ Europe (ค่อนไปทางตะวันออก)นั้นเอง
เราใช้เวลา 1 ชั่วโมง เพื่อผ่านด่านเข้าในประเทศเยอรมัน[ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ผมโดนเจ้าหน้าที่สอบถามละเอียดมากกๆ พนักงานเช็คทั้งแผนการเดินทาง เงินสด บัตรเครดิต ใบจองโรงแรม ตั๋วรถไฟและวงเงินในบัญชีในไทย] และใช้อีก 1 ชั่วโมง เพื่อเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง (เข้าสู่สถานีรถไฟกลางของเมืองมิวนิค) …..สถานีรถไฟกลางในภาษาเยอรมันคือ Hauptbahnhof ย่อว่า Hbf
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟกลางก็จะพบกับตัวอาคารที่ใหญ่โตโอ่อ่า มีร้านค้าอยู่มากมาย กลิ่นขนมปังอบใหม่จากร้านขนมปังช่างหอมแตะจมูกดีแท้ พิซซ่าที่เพิ่งอบเสร็จจากร้านข้างๆก็เชื้อเชิญให้ไปลองชิมดู
.
.
เสร็จสิ้นธุระยาม ซื้อขนมปังและเค้กเป็นอาหารเช้าและตรวจสอบตารางรถไฟที่วิ่งรอบถัดไปสู่เมือง Nuremburg เมืองใกล้ๆ เมือง Munich ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์
เมือง Nuremburg เป็นเมืองในเขตุบาวาเรียที่มีซากอารยธรรมของอาณาจักรโรมันย้อนไปตั้งแต่ปีค.ศ. 1050 มีไส้กรอกเลิศรสที่ผลิตมาเป็นเวลาถึง 600 ปี และ เป็นเมืองที่มีบทบาทในสงครามโลกครั้งที่2 โดยเป็นเมืองที่ผลิตยานบินและอาวุธ
เมืองนี้เป็นเมืองที่น่ารักและมีเสน่ห์ หากใครได้มาเยี่ยมชม(ในวันที่อากาศดี)ก็คงจะตกหลุมรักเมืองนี้อย่างแน่นอน แต่พวกเราไปเมืองนี้ในวันที่ฝนตก ซึ่งก็ได้สัมผัสบรรยากาศไปอีกแบบ
รถไฟเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว เพียง1 ชั่วโมงครึ่ง จาก Munich ก็มาถึง Nuremburg (ชื่อสถานีรถไฟคือ “Nurnberg Hbf”)
.
.
.
ภาพ Locker เก็บกระเป๋า
11.00น. เราจัดการฝากกระเป๋าสัมภาระที่เอามาด้วยไว้ในLocker ของสถานีรถไฟ [ประเทศแถบยุโรปจะมีlockerที่สถานีรถไฟให้นักท่องเที่ยวได้ใช้บริการ ซึ่งค่าบริการของแต่ละสถานีรถไฟก็จะแตกต่างกันไปและมีLockerอยู่หลายขนาด ราคาก็แตกต่างกันไปตามขนาดของ Locker โดยส่วนมากจะฝากไว้ได้ 24 ชั่วโมง]
ต่อมาเราก็นั่งรถไฟใต้ดินไปหนึ่งสถานีไปลงสถานีชื่อ Lorenzkirche เพื่อเริ่มเดินในเมือง เมื่อขึ้นมาด้านบนสถานีรถไฟใต้ดินจะพบโบสถ์ คือ “St. Lorenzkirche ” ชื่อโบสถ์เหมือนชื่อสถานี การตกแต่งภายในของโบสถ์นี้ก็สวยงามวิจิตรตามแบบคริสต์ ทั้งกระจกวิจิตร รูปปั้นประดับตกแต่งตามเสาที่ประกอบขึ้นจากอิฐ ออแกนเครื่องดนตรีท่อลมอันมีเสียงไพเราะ บันไดเวียนโบราณที่เลิกใช้งานในปัจจุบัน กลิ่นอายของศริสตศาสนาที่เตยหล่อหลอมศิลปะ วัฒนธรรม ของประเทศฝั่งตะวันตกในอดีต สามารถสัมผัสได้จากความขลังของสถานที่
ภายในโบสถ์ St.Lorenz
จากโบสถ์ St.Lorenz เดินขึ้นไปทางทิศเหนือ เพื่อสำรวจเมืองต่อไป ก็จะพบ Hauptmarkt, โบสถ์ “Frauenkirche” และน้ำพุสีทอง “Schoner Brunnen” ถึงถือว่าเป็นจุดถ่ายรูปสำคัญของเมือง (ปล. ช่วงที่ผมไปน้ำพุสีทองนั้นกำลังปิดปรับปรุง) ส่วนด้านหน้าของโบสถ์ Frauenkirche จะมีตลาดและร้านขายของที่ระทึกอยู่จำนวนเล็กน้อย ณ ที่แห่งนี้ผมก็ได้เข้าไปซื้อ postcard เพื่อส่งให้ตัวเอง …..โดยมีจุดประสงค์ว่าจะส่งpostcard กลับมาที่ไทยให้ตัวเองจากทุกเมืองที่ได้ไปเยือน
ณ Hauptmarkt มีตลาดด้านหน้าโบสถ์
ถัดมาจาก โซน Hauptmarkt ผมเดินขึ้นไปทางเหนือต่อไปเรื่อยๆ จนถึง ประสาทที่อยู่บนเขาชื่อ Kaiserburg วิวจากบนปราสาทจะสามารถมองเห็นเมือง Nuremburg ได้ทั้งเมืองแบบ Panorama สวยมากๆ ข้างบนปราสาทมีเด็กๆฝรั่งตัวเล็กๆขึ้นมาทัศนศึกษาพร้อมพวกเรา ถึงแม้ว่าฝนจะตกอยู่แต่เด็กๆก็ช่วยให้บรรยากาศโดยรอบดูมีสีสันและน่าสนุกสนาน ทำให้ผมย้อนนึกกลับมาคิดว่า"เราลืมความเป็นเด็กไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
Going up to the higher place to see the whole view
เดินวนรอบๆปราสาทอยู่2รอบ จึงเดินลงจากปราสาททางทิศตะวันตกเพื่อเดินอ้อมเมืองเรียบกำแพงเมืองกลับสู่สถานีรถไฟ
วิวรอบๆเมือง Nuremburgส่วนอื่นๆ ที่พวกผมหลงทางไปเจอ
หมายเหตุ: อาหารเที่ยง รับประทานระหว่างทางเป็น Hotdogง่ายๆ
.
.
14.20 เรากลับมาถึงสถานีรถไฟ ไปเอาสัมภาระที่ฝากไว้ที่ Locker เตรียมตัวขึ้นรถไฟรอบ 14.50น.กลับสู่ Munich เพื่อเดินทางจาก Munich ต่อไปยังที่พักในคืนนี้ คือ เมือง Salzburg ประเทศออสเตรีย (เมือง Salzburg เป็นเมืองบ้านเกิดของศิลปินชื่อก้องโลก Mozart และเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ประเทศเยอรมันมาก)
16.55 เราขึ้นรถไฟจาก Munich ต่อไปยัง Salzburg ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง เท่านั้น
19.00 น เราก็มาถึง Salzburg และเข้าไป Check-in ในโรงแรมหรู 4ดาว ข้างๆสถานีรถไฟชื่อ “Ramada” // คืนนี้นอนโรงแรมหรูที่สุดในทริปละครับ ราคาคืนละ 2800 บาทต่อห้อง นอนได้2คน
สภาพห้องนอนในโรงแรม Ramada
หลังจากเดินทางลากสัมภาระมาทั้งวันในที่สุดเราก็ได้เอาสัมภาระเข้าไปเก็บเป็นที่เป็นทางในโรงแรม พวกเราพร้อมที่จะเดินชิวๆในเมืองเก่าของ Salzburg แล้วคับ // จริงๆแล้วผมเคยมา Salzburg เมื่อ8ปีที่แล้ว จึงคุ้นๆว่า ส่วนเมืองเก่าของ Salzburg หรือ Old town นั้นมีขนาดเล็กๆน่ารัก เป็นถนนlaneหลักๆlaneเดียว ผมจึงเลือกที่จะเดินสำรวจให้เสร็จภายในคืนนี้เลย
20.10 พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน พวกเราเดินออกมาจากโรงแรม Ramada ด้วยกำลังเฮือกสุดท้ายของวันนี้ เราขึ้นรถเมล์หมายเลข 6เข้าไปในเมือง (ขึ้นจากข้างหน้าสถานีรถไฟสามารถใช้รถหมายเลข 1,2,3,6 เข้าสู่เมือง)
นั่งรถเมล์มาสักพัก ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ เราลงรถใกล้ๆกับสะพานข้ามแม่น้ำไปสู่เมืองเก่า (เมืองเก่าและเมืองใหม่ของSalzburgถูกแบ่งโดยแม่น้ำ)
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมที่ลืมเอาร่มพับมาและเพื่อนผมที่เอามาเพียงคันเดียว ก็ได้มุดตัวเข้าไปในร้านอาหารทะเลชื่อ Nordsee เพื่อหลบฝน ---- ไหนๆก็มาหลบฝนแล้วหาอะไรกินซะเลย
ร้านอาหารที่เข้าไปรับประทาน
ไม่นานนักชุดสเต็กปลาที่สั่งไว้ก็ทำเสร็จ ราคา 8 Euro ได้ปลา 1 ชิ้น ผักต้มและมันฝรั่ง (1Euro ประมาณ 40 บาท) ซึ่งรสชาติก็อร่อยดีครับ ผักต้มทีร้านนี้มีรสชาติที่ล้ำลึก Favorful มากๆ ส่วนเนื้อปลาก็ช่างเข้ากับซอสที่ให้มาจิ้มคู่กัน
21.00 เรารับประทานอาหารเสร็จและออกมาจากร้านNordsee เพื่อเดินต่อ แม้ว่าฝนจะยังคงตกอยู่ก็ตาม
ถนนOld town Salzburg
21.30 เราพยายามต่อสู้ฝนที่ตกหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ ผมตัดสินใจไปขึ้นรถเมล์ที่สถานีรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดเพื่อกลับสู่โรงแรม…..แต่ด้วยความใจร้อนทำให้เราขึ้นรถผิดสายเป็นสายที่ไปอ้อมรอบเมือง จึงใช้เวลาอีกถึง1 ชั่วโมง เพื่อกลับโรงแรม
ระหว่างทางบนรถผมก็ได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันๆนี้ อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีนักในยุโรป วันแรกก็ฝนตกทั้งวันซะแล้ว แต่อย่างน้อยฝนก็สร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่ให้กับเมืองที่เราไม่เคยไปเยือนมาก่อน และที่สำคัญที่สุดก็คือฝนช่วยให้รู้ว่าการได้อยู่ในห้องในโรงแรมมันอบอุ่นเพียงใด……..(ถ้าเทียบกับช่วงเวลาที่หนาวๆเปียกๆอยู่รถเมล์ขากลับ1ชั่วโมง)